วันนี้ (15 กันยายน 2564) ที่สำนักงานศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 2557/2562 คดีหมายเลขแดงที่ 1327/2564 ในคดีที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์ The MATTER ยื่นฟ้องสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณี ป.ป.ช.ไม่เปิดเผยข้อมุลข่าวสารเกี่ยวกับคดีนาฬิกาหรูของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ สมัยเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ป.ป.ช.มีมติไม่รับคดีนี้ไว้ไต่สวนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.2561
โดยศาลปกครองกลาง ได้พิพากษาให้ ป.ป.ช.ต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร จำนวน 2 รายการที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ให้กับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์ The MATTER ประกอบด้วย
1.รายงานสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งคณะทำงานรวบรวมเสนอต่อที่ประชุม ป.ป.ช.ในวันที่มีมติเกี่ยวกับคดีนี้ รวมถึงเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
2.คำชี้แจงของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ในคดีนี้ รวมทั้งหมด 4 ครั้ง
ทั้งนี้ ให้ปกปิดข้อมูลที่มีลักษณะเฉพาะของบุคคล และให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าวเผยใน 15 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
“การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนี้ จะแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและตรวจสอบได้ อันจะก่อให้เกิดความน่าเชื่อถือและศรัทธาในการปฏิบัติงานของ ป.ป.ช. อีกทั้งผู้ฟ้องคดีสมควรจะได้รับความคุ้มครองสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารซึ่งอยู่ในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐจะต้องเปิดเผย ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 41 และ 59 เพื่อเปิดโอกาสให้มีการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆ ของรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในระบอบประชาธิปไตย ตามหลักการและเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ และเพื่อให้มีการตรวจสอบความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ของ ป.ป.ช.ให้สิ้นสงสัย อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่และการใช้อำนาจ ที่ต้องเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติทั้งปวงในการใช้ดุลยพินิจ” คำเหตุผลที่ศาลปกครองกลางสั่งให้ ป.ป.ช.ต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าว
นอกจากผลของคำพิพากษาที่สั่งให้ ป.ป.ช.ต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแล้ว ยังมีข้อต่อสู้ทางกฎหมายจาก ป.ป.ช. ที่ศาลปกครองกลางปัดตก เช่น กรณีที่อ้างว่า ตัวเองเป็นองค์กรอิสระ ข้อมูลต่างๆ ควรเก็บไว้เป็น และกฎหมาย ป.ป.ช.เองก็ออกมาใช้ในปี 2561 หลังจาก พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ที่ออกมาใช้ในปี 2540 ซึ่งตามหลัก หากมีบทบัญญัติกฎหมายขัดกัน จะต้องยึดตามกฎหมายที่ออกมาภายหลัง โดยศาลชี้ว่า กฎหมาย ป.ป.ช. โดยเฉพาะมาตรา 36 ไม่ใช่บทยกเว้นให้ไม่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ และ ป.ป.ช.เองก็เป็น “หน่วยงานของรัฐ” ตามนิยามของ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ มาตรา 4 จึงต้องปฏิบัติตามกฎหมายนี้ ขณะเดียวกัน ศาลปกครองกลาง ยังยกกฎหมายหลายฉบับมายืนยันหน้าที่ในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของ ป.ป.ช. และสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของป.ป.ช. ทั้งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 3 วรรคสอง (องค์กรอิสระต้องปฏิบัติตามกฎหมาย) มาตรา 41 (รับรองสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของรัฐ) มาตรา 59 (รัฐมีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาธารณะ) มาตรา 215 (องค์กรอิสระต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติ), กฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 36 (คดีที่ ป.ป.ช.มีมติแล้วให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้) มาตรา 180 (กำหนด “ข้อยกเว้น” โทษในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของ ป.ป.ช.) และ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ มาตรา 15 ที่เขียนถึงการให้เจ้าหน้าที่มีดุลยพินิจในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่างๆ โดยจะต้องพิจารณาถึง 3 ปัจจัย คือ การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานรัฐ ประโยชน์ของสาธารณะ และประโยชน์ของเอกชน
ส่วนที่ ป.ป.ช.อ้างว่า ข้อเท็จจริงในสำนวนคดีนี้ ที่มีข้อหาเรื่องการไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน จะถูกนำไปใช้กับสำนวนคดีอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างพิจารณา เช่น ข้อหารับทรัพย์สินหรือประโยชน์เกิน 3,000 บาท และข้อหาร่ำรวยผิดปกติ ศาลปกครองกลางก็ปัดตกคำอ้างนี้เช่นกัน โดยระบุว่า “เป็นคนละกรณีกัน” กระ ป.ป.ช.ยังสามารถอุทธรณ์คดีนี้ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีคำพิพากษา
สำหรับคดีนี้ ป.ป.ช. พิจารณาไปเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 เห็นว่า ปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เจ้าของนาฬิกา ได้ให้ พลเอกประวิตร ยืมใช้ในโอกาสต่างๆ จริง และ พลเอกประวิตร คืนให้เมื่อใช้เสร็จ การยืมดังกล่าวเป็นการยืมใช้คงรูป และการยืมใช้คงรูปแม้เป็นหนี้ แต่มิใช่หนี้สิน ตามที่ ป.ป.ช. กำหนดให้ต้องแสดงในแบบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เพราะตามคำอธิบายการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ล้วนหมายถึงหนี้สินที่เป็นเงินตราเท่านั้น มิใช่เป็นการยืมใช้สอยได้เปล่า และมีการคืนทรัพย์ให้แก่ผู้ให้ยืม พลเอกประวิตร จึงไม่ต้องแสดงทรัพย์สินนาฬิกา
เรื่องนาฬิกานั้น เริ่มต้นจากการถ่ายภาพหมู่คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2560 ซึ่งปรากฎว่า พลเอกประวิตรได้ยกมือขึ้นมาบังแดด ปรากฎให้เห็นนาฬิกายี่ห้อ Richard Mille ราคา 3.6 ล้านบาท จึงได้มีการติดตามต่อจากสื่อมวลชน และสื่อสังคมออนไลน์ พบว่าพลเอกประวิตรสวมนาฬิกาหรู ต่างยี่ห้อ ต่างรุ่น รวมกันเกิน 20 เรือน โดยที่ไม่ได้แสดงนาฬิกาดังกล่าวในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน แต่พลเอกประวิตร ชี้แจงว่านาฬิกาดังกล่าว เป็นนาฬิกาที่ยืมเพื่อนมา และ ป.ป.ช. ก็พิจารณาเห็นแล้วว่าเป็นความจริง
Tags: ป.ป.ช., ศาลปกครอง, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ