หากคุณกำลังมองหาที่เที่ยววันหยุด ที่ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้า ไม่ใช่คาเฟ่สุดชิก แต่เป็นที่ที่คุณจะได้สัมผัสกับน้องหมา-แมวไร้บ้าน ‘มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ สาขาปากเกร็ด’ อาจเป็นจุดหมายใหม่ที่คุณยังไม่เคยพบมาก่อน
ทันทีที่ป้ายสีน้ำเงินขนาดใหญ่ปรากฏสู่สายตา เราก็แน่ใจแล้วว่ามาถึงมูลนิธิเรียบร้อย พลันก้าวเข้าไป เสียงเจ้าหน้าที่ต้อนรับก็ดังทักทายผู้มาเยือนทันที ซ้ำเสียงเห่าร้องจากน้องหมายังระงมดังคล้ายจะยืนยันว่ามาถูกที่แล้ว
ที่นี่เป็นบ้านของสุนัขและแมวพิการกว่า 250 ชีวิตที่ถูกทอดทิ้ง ถูกทำร้าย หรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการจึงทำหน้าที่คอยเป็นแสงสว่างให้เจ้าสี่ขาเหล่านั้นกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ดั่งเดิม
บ้านที่ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ
วัฒน์-ครรชิต วาพิไล ผู้ช่วยผู้จัดการและการเงินมูลนิธิ เล่าว่า สัตว์ภายในมูลนิธิมาจากทั่วประเทศ ทั้งพบโดยบังเอิญจากบุคคลทั่วไปหรือเจ้าหน้าที่ไปเจอ ซึ่งส่วนมากสัตว์เหล่านี้ถูกรถชน โดนทำร้าย บาดเจ็บ หรือทุพพลภาพ เมื่อคนเจอแล้วก็จะนำไปรักษา ก่อนติดต่อมายังมูลนิธิเพื่อมอบให้ดูแลต่อไป
บ้านหลังนี้จัดสรรพื้นที่อย่างเป็นระเบียบ แยกน้องหมาน้องแมวตามลักษณะอาการ หากตัวไหนสุขภาพดี ไม่มีแผล จะแยกไว้อีกส่วนหนึ่ง หรือตัวไหนที่บาดเจ็บจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษตามอาการ
ขณะพูดคุยกันเจ้าหน้าที่ก็อุ้มน้องแมวตัวหนึ่งไปหาคุณหมอพอดี ครรชิตอธิบายเพิ่มเติมว่า ที่นี่จะมีคุณหมอประจำมูลนิธิคอยตรวจสุขภาพของน้องๆ เป็นประจำทุกวัน
ความท้าทายของการดูแลทั้ง 250 ชีวิต
เดิมทีมูลนิธิแห่งนี้ได้รับการอุปถัมภ์จากหลวงตามหาบัว (บัว ญาณสมฺปนฺโน) แต่หลังจากท่านมรณภาพ มูลนิธิต้องพึ่งพาการบริจาคของประชาชนในการดำเนินงานต่อ ซึ่งการบริจาคนั้นไม่ได้มาอย่างสม่ำเสมอ จึงเกิดเป็น ‘โครงการวันละบาทต่อชีวิตหมาแมว’ แจกกระปุกออมสินกลับบ้านและส่งคืนมูลนิธิเมื่อเต็ม
ต่อมาได้จัดตั้งโครงการ ‘หนูอยากมีพ่อแม่’ สำหรับผู้ที่อยากอุปการะหมา-แมวในมูลนิธิ โดยบริจาควันละ 10 บาท หรือเดือนละ 300 บาทต่อสัตว์ 1 ตัว และอีกโครงการหนึ่งคือ รับบริจาคทั่วไปตามโอกาส
อีกทั้งการดูแลสัตว์พิการต้องใช้การดูแลมากกว่าปกติ เนื่องจากหลายตัวมีปัญหากระดูกเชิงกรานหรือไขสันหลัง เสียการควบคุมกล้ามเนื้อ ไม่สามารถลุกยืนเองได้ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง อาจมีแผลกดทับเรื้อรังได้
หนึ่งในเคสที่ท้าทายที่สุดของมูลนิธิคือ สุนัขมีแผลกดทับทั้ง 2 ข้าง ไม่ว่าจะพลิกตัวด้านไหนก็จะเจ็บอยู่ตลอด ต้องใช้เตียงน้ำเข้ามาดูแล และเข้าช่วยพลิกตัวตลอดเวลาให้แผลหายไวขึ้น นับว่าเป็นเคสที่ยากที่สุดเคสหนึ่งที่มูลนิธิเคยดูแล
ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของมูลนิธิได้
ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ดูแลสัตว์พิการ แต่ยังเปิดให้คนทั่วไปสามารถเข้าใกล้ชิดกับน้องๆ โดยเฉพาะบ้านแมวที่วอล์กอินเข้าไปเล่นได้ มีขนมแมวเลียคอยให้บริการในราคาซองละ 20 บาท พร้อมทั้งมีของที่ระลึกจำหน่ายด้านหน้ามูลนิธิ ส่วนรายได้จากการขายสินค้าเหล่านี้จะนำไปใช้ดูแลสัตว์พิการในมูลนิธิต่อไป
ครรชิตเล่าว่า บางคนก็เข้ามาเล่นกับน้องแมวในมูลนิธิทั้งวันจนกระทั่งมูลนิธิปิดเลยก็มี
เหล่าแมวของที่นี่ขี้อ้อนว่าที่คิด ทันทีที่ก้าวขาเข้าไปในบ้านพักก็จะมีเจ้าเหมียวมาคลอเคลียพันแข้งพันขาให้ทาสแมวชื่นอกชื่นใจ มิหนำซ้ำยังเดินตามมาอ้อนเอาหัวถูไถจนอดไม่ได้ที่จะอยากฟัดให้จมเขี้ยว
ด้านในยังมีโซนของสุนัขพิการที่เปิดให้เข้าเยี่ยมชม แต่ต้องระวังป้ายเตือน เพราะสุนัขบางตัวอาจดุเนื่องจากเคยถูกทำร้าย หรือไม่คุ้นเคยกับคนแปลกหน้า ส่วนสุนัขที่คุ้นเคยกับคนก็จะส่งสายตาแป๋วแหววราวกับจะบอกว่า ‘มาลูบหัวฉันสิ’ อย่างไรอย่างนั้น
หนึ่งในขวัญใจประจำมูลนิธิคือ ‘เป๊บซี่’ เจ้าหมาอ้วนพี พันธุ์ลาบราดอร์ผสมโกลเดนรีทรีฟเวอร์ ที่เคยเป็นโรคผิวหนังและโรคเรื้อนมาก่อน หลังจากได้รับการรักษา เจ้าเป๊บซี่กลายเป็นมาสคอตประจำบ้าน ทำหน้าที่ต้อนรับแขกพร้อมกับผู้ดูแลอยู่เสมอ กระทั่งเป๊บซี่กลับมาป่วยด้วยโรคเดิมอีกครั้ง และฟื้นตัวกลับมาอ้วนท้วนสมบูรณ์ พร้อมเสียงจากแฟนคลับที่ถามหาทุกครั้งที่มาเยี่ยมเยียน
ผู้คนที่เข้ามาที่นี่มักสงสารที่สัตว์น่ารักเช่นนี้ถูกทอดทิ้งหรือถูกรถชน แต่เขาก็เข้าใจ นับว่ายังดีที่สัตว์ได้อยู่ที่นี่ดีกว่าต้องไปเร่ร่อนข้างถนน
มูลนิธิไม่ใช่ทางออกของปัญหา
ครรชิตบอกกับเราว่า ไม่ได้อยากแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ผู้เลี้ยงควรมีความรับผิดชอบในการดูแลสัตว์ ไม่ควรปล่อยปละละเลยจนสัตว์ต้องออกมาเร่ร่อนจรจัด อีกทั้งทางมูลนิธิไม่ได้อยากเป็นสถานที่รองรับสำหรับผู้ที่ทิ้งขว้างสัตว์ เพราะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ควรแก้ที่ต้นเหตุอย่างผู้เลี้ยง หากมีความรับผิดชอบ จำนวนสัตว์จรจัดในประเทศไทยจึงจะลดลง
“สุดท้ายแล้วอยากให้รู้ว่า หมา-แมวก็มีจิตใจเหมือนมนุษย์ ในเมื่อเรารับเขามาดูแลแล้ว ก็อย่าทอดทิ้งเลย เลี้ยงไปจนตายจากกันจะดีกว่า” ครรชิตกล่าว
หากคุณกำลังมองหากิจกรรมที่ทำให้ใจฟูแถมอิ่มบุญในวันหยุด แนะนำให้ลองแวะมาเที่ยวชมที่ ‘มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ’ ดูสักครั้ง ไม่แน่ว่าน้องหมา-แมวจากที่นี่อาจทำให้คุณได้รอยยิ้มกลับบ้านไปโดยไม่รู้ตัว
Fact Box
สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าเยี่ยมชมมูลนิธิ สามารถไปได้ที่ซอยติวานนท์-ปากเกร็ด 56 (ซอยพระแม่ 25) เปิดทำการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 11.00-17.00 น. ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: มูลนิธิบ้านสงเคราะห์สัตว์พิการ (home4animals) และ LINE Official: @home4animals