หนึ่งในประดิษฐกรรมของคนญี่ปุ่นที่ดีงาม สร้างสรรค์ และรู้สึกอยากขอบคุณผู้ที่ริเริ่มมันขึ้นมา ทุกครั้งที่ฉันได้มีโอกาสสัมผัสมัน คือวัฒนธรรมการอาบน้ำแบบออนเซ็น ค่ะ, ตั้งแต่เกิดจนโตมา กระทั่งมีโอกาสไปแช่ออนเซ็นที่ญี่ปุ่นครั้งแรก ยากต่อการอธิบายความรู้สึกเป็นตัวอักษร หากนับแต่นั้น กิจกรรมดังกล่าวก็ถูกลิสต์ไว้ว่าจะต้องทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าเท่าที่จะเป็นไปได้

จนได้ทราบว่ามีโรงแรมใหม่มาเปิดในอำเภอแม่ริม เชียงใหม่ โดยราวกับยกโรงอาบน้ำแบบญี่ปุ่นมาตั้งไว้กลางภูเขา ยกมาทั้งสิ่งปลูกสร้าง บรรยากาศ และวัฒนธรรม นั่นทำให้ฉันไม่พลาดไปลอง และเมื่อลองแล้ว ก็รู้สึกอยากขอบคุณผู้ที่ริเริ่มก่อตั้งโรงแรมนี้ขึ้นมาเสียจริง

Onsen @ Moncham คือโรงแรมที่ว่านั่นค่ะ โรงแรมตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นไปม่อนแจ่ม เลยโครงการหลวงหนองหอยไปราวครึ่งกิโลเมตร ในเวิ้งริมทางใต้ไอหมอกที่มีภูเขาบริวารห้อมล้อม คล้ายอาณาจักรส่วนตัวที่ครอบครองโดยหมู่บ้านคนญี่ปุ่น

ด้วยความที่โรงแรมตั้งอยู่ในห้อมล้อมของภูเขา ทางเข้าและส่วนต้อนรับซึ่งอยู่ริมถนนจึงอยู่ในจุดที่สูงที่สุด ทำให้มองเห็นภูมิทัศน์และสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดของโรงแรมได้จากมุมสูง เห็นอาคารที่พักที่ตั้งแยกออกไปสองฝั่ง (ทิศเหนือและทิศใต้) พื้นราบที่อยู่ต่ำสุดคือโรงอาบน้ำร้อน โดยมีสวนบัวแบบญี่ปุ่นตั้งอยู่ด้านหน้า ฉากหลังของพื้นที่ทั้งหมดคือภูเขาลูกย่อมๆ สร้างความแกรนด์ให้กับพื้นที่ ส่วนด้านเหนือและด้านใต้ของโรงแรมมีสวนเกษตรของชาวบ้านตั้งอยู่ ดึงอารมณ์ให้กลับจากญี่ปุ่นมาที่อำเภอแม่ริม แต่ถึงอย่างนั้น นี่ก็คือเสน่ห์ของพื้นที่ที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติดีเลยล่ะ

โรงแรมออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นประยุกต์ ซึ่งได้ศิลปินแห่งชาติ อาจารย์กฤษฎา โรจนกร มาดูแลการออกแบบ (อาจารย์เป็นสถาปนิกที่บูรณะและปรับปรุงอาคารเก่าของบ้านพระอาทิตย์ และสถาบันเกอเธ่ รวมทั้งออกแบบอาคารผู้โดยสารสนามบินและโรงแรมชั้นนำหลากหลายแห่ง) ซึ่งท่านก็ไม่ได้ออกแบบให้เป็นญี่ปุ่นจ๋าเสียทีเดียว แต่มีความร่วมสมัย และเน้นความสะดวกสบาย กล่าวคือก็ยังถ่อมตัวกับสิ่งแวดล้อมอยู่ และช่องแสงธรรมชาติก็ทำได้เฉียบเนี้ยบพอที่บันดาลใจให้เราเขียนไฮกุ (ขนาดนั้น!) แต่ก็ไม่ tradition เสียจนเกร็งจนเกือบไม่รู้สึกเป็นมิตร

โรงแรมมีด้วยกัน 16 ห้อง แบ่งออกได้ถึง 6 ไทป์ เริ่มตั้งแต่ Grand Mountain View, Grand Terrace Suite  และ Grand Onsen Suite ที่เป็น 3 ไทป์หลัก โดยไทป์หลังยังมีบ่อออนเซ็นส่วนตัวด้วย ส่วนใครที่มาเป็นหมู่คณะ ก็มีห้อง Majestic Family Suite ซึ่งเป็นห้องเตียงสองชั้น รองรับได้ถึง 8 คน (ซึ่งถ้ามากับเพื่อนเยอะๆ นอนห้องนี้ถือว่าคุ้มมากๆ) ส่วนห้องไทป์อื่นๆ ก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวก และสเปซที่แตกต่างกันออกไป ห้องใหญ่และหรูหราที่สุดคือ Royal Residence ซึ่งให้อารมณ์แบบแมนชั่นของเชื้อพระวงศ์ญี่ปุ่นเลยค่ะ สนนราคาต่อคืนก็พอจะดาวน์รถยนต์ขับได้เลย

ยกเว้นห้อง Family Suite และ Royal Residence เตียงนอนของทุกห้องจะเป็นแบบเรียวกัง คือเป็นฟูกที่วางนอนกับพื้น โดยมีการยกพื้นของส่วนที่นอนขึ้นจากทางเดิน คงความรู้สึกแบบเตียงนอนที่เราคุ้นเคยอยู่ และฟูกที่ปูก็ค่อนข้างหนาและนุ่มมาก สำหรับใครที่เคยประสบอาการปวดหลังจากการนอนเรียวกังแบบดั้งเดิมที่ญี่ปุ่น มาที่นี่สบายใจได้

ถัดจากเตียงนอนจะมีโต๊ะสำหรับนั่งดื่มชา ดื่มชาไปก็นั่งพับเพียบมองทิวทัศน์ของภูเขานอกหน้าต่างไป หรืออยากสัมผัสลมเย็นๆ ก็เดินออกไปนั่งที่ชิงช้าไม้ที่ระเบียง อ่อ, เขามีกิโมโนกับรองเท้าเกี๊ยะให้สวมใส่ขณะอยู่ในโรงแรมด้วยนะ เพื่อเพิ่มความอินก็แนะนำให้เปลี่ยนคอสตูมด้วยค่ะ

ออนเซ็นของโรงแรมเป็นแบบแบ่งโซนชาย-หญิง แต่อยู่ใต้หลังคาเดียวกัน มีทุกอย่างครบในแบบ traditional onsen คือมีตั้งแต่ส่วนที่นั่งพักคอยเป็นพนักพิงนั่งกับพื้น (มีทิวทัศน์ของบึงน้ำให้ชมด้วย) มี Zen garden หรือสวนหินแบบญี่ปุ่นตั้งอยู่กลางโรงอาบน้ำ ห้องอาบน้ำแบ่งชาย-หญิงด้วยปีกของอาคารซ้าย-ขวา เข้าไปก็มีส่วนที่เป็นตู้ล็อกเกอร์เก็บเสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งแบบหน้ากระดานยาว ที่นั่งอาบน้ำ และบ่อแช่น้ำร้อนในร่ม บ่อไม้น้ำร้อนและน้ำเย็นด้านนอก และบ่อหินในสวน อุณหภูมิน้ำอยู่ที่ประมาณ 37-38 องศาเซลเซียส โดยน้ำที่ใช้แช่ก็เป็นน้ำแร่จากภูเขาแหล่งเดียวกับที่ออราใช้ทำน้ำแร่บรรจุดื่มนั่นล่ะค่ะ ซึ่งแตกต่างจากน้ำแร่จากน้ำพุร้อนแห่งอื่นๆ ในเชียงใหม่ ตรงที่ที่นี่ไม่มีกลิ่นกำมะถัน แช่เพลินและฟินสุดๆ      

กฎระเบียบการแช่ก็เป็นแบบญี่ปุ่น คือต้องเปลื้องผ้าทั้งตัว (แต่ฝั่งผู้หญิงเขามีกางเกงชั้นในแบบใช้ครั้งเดียวให้สวม) ห้ามถ่ายรูป และห้ามนำโทรศัพท์มือถือเข้าไป โดยสำหรับใครที่ยังไม่เคยแช่ เขาก็มีคำอธิบายบอกขั้นตอนการแช่ไว้ภายในให้เรียบร้อย ซึ่งโรงแรมเขาก็รับลูกค้าแบบ walk-in ด้วย ช่วงโปรโมชั่นตอนนี้อยู่ที่คนละ 350 บาท (ถ้าฤดูท่องเที่ยวจะขึ้นเป็น 500 บาท) มีผ้าเช็ดตัวและน้ำแร่ให้ดื่ม แถมแช่เสร็จก็มีชาร้อนหรือ soft drink เสิร์ฟที่คาเฟ่ของโรงแรม

โรงแรมไม่มีสระว่ายน้ำ แต่มีฟิตเนส และสนามพัตกอล์ฟเล็กๆ อยู่ข้างบึงน้ำ นอกจากนั้นก็มีครบตามมาตรฐานโรงแรมระดับบน คือมีคาเฟ่ ร้านอาหาร รวมถึงซิการ์บาร์ (ซึ่งเป็นพื้นที่สูบบุหรี่ได้จุดเดียวในโรงแรมด้วย) และบริการอื่นๆ ทั้งนี้โรงแรมก็ชัดเจนในจุดแข็งของการเป็น onsen resort ของตัวเอง คือไม่เน้นสิ่งอำนวยความสะดวกฟู่ฟ่ามากมาย มีแค่การตบแต่ง ทิวทัศน์ธรรมชาติ บรรยากาศ และโรงอาบน้ำ

แด่คนที่ชอบเอาตัวเองไปจุ่มในบ่อน้ำร้อน โดยไม่ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินไปไกลถึงญี่ปุ่น แค่หารถขับออกมาจากเมืองเชียงใหม่ สวรรค์อยู่ห่างออกไปไม่ถึง 40 นาทีค่ะ  

Fact Box

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.onsenmoncham.com/

Tags: , , , , , ,