ศาลสูงสุดของอังกฤษมีมติ 8 ต่อ 3 ตัดสินว่ารัฐบาลอังกฤษไม่สามารถดำเนินการเจรจาให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรปตามมาตรา 50 ได้ หากไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา

การตัดสินครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการที่อังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรปหรือไม่ แต่เกี่ยวกับอำนาจของรัฐบาลในการเจรจาเอาอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป ที่จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาก่อน

หมายความว่านายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ไม่สามารถเริ่มการเจรจากับสหภาพยุโรปได้ จนกว่ารัฐสภาจะสนับสนุนขั้นตอนการเจรจาของรัฐบาล แม้ว่าตอนแรกรัฐบาลตั้งใจว่าจะเริ่มการเจรจาออกจากสหภาพยุโรปภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2017

เจเรมี ไรต์ (Jeremy Wright) อัยการสูงสุดเปิดเผยว่า “แน่นอนรัฐบาลรู้สึกผิดหวังต่อคำตัดสินของศาล แต่เราอยู่ในประเทศที่ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ซึ่งแน่นอนว่ารัฐบาลยืนยันว่าจะทำตามคำตัดสินของศาล”

อำนาจของรัฐบาลอังกฤษต่อเรื่อง Brexit ที่ก่อนหน้านี้ยังเป็นที่ถกเถียง

ระหว่างการพิจารณาของศาล บางส่วนเห็นว่า การที่รัฐบาลปฏิเสธการลงมติของรัฐสภาต่อเรื่องนี้นั้นไม่เป็นประชาธิปไตย และการเจรจาออกจากสหภาพยุโรปจำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากรัฐสภาก่อน เพราะเกี่ยวข้องกับสิทธิของประชาชน เพราะ Brexit นั้นจะไปกระทบต่อสิทธิของผู้อยู่อาศัยในสหราชอาณาจักร ในขณะที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลยืนยันว่า รัฐบาลมีอำนาจที่จะดำเนินการเจรจากับสหภาพยุโรป ตามมาตรา 50 โดยไม่จำเป็นต้องปรึกษารัฐสภาก่อน

และก่อนหน้านี้ศาลสูงอังกฤษได้ตัดสินว่า การเจรจาออกจากสหภาพยุโรปจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาก่อน จึงทำให้รัฐบาลยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุด

อย่างไรก็ตามเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เทเรซา เมย์ ได้ประกาศว่า เธอจะยังคงให้แผนการเจรจา Brexit ได้รับการยินยอมจากรัฐสภา ไม่ว่าผลตัดสินของศาลสูงสุดในวันนี้จะออกมาเช่นไรก็ตาม

สำหรับมาตรา 50 นั้นจะเกี่ยวข้องกับการเจรจาให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป และคาดว่าจะใช้เวลาถึง 2 ปี

อ้างอิง:
​     – http://www.independent.co.uk/news/uk/politics/brexit-supreme-court-ruling-live-latest-news-updates-uk-eu-article-50-vote-theresa-may-a7542436.html
​     – https://www.theguardian.com/politics/blog/live/2017/jan/24/supreme-court-article-50-judgement-announces-its-article-50-judgment-politics-live?CMP=Share_iOSApp_Other

Tags: ,