หลายคนอาจคิดว่าเรื่องราวจากแบบเรียน มานะ มานี ปิติ ชูใจ หนังสือเรียนภาษาไทยระดับชั้นประถมระหว่าง พ.ศ. 2521-2537 ที่เขียนโดยอาจารย์รัชนี ศรีไพรวรรณ เป็นเรื่องธรรมดาสามัญทั่วไป เช่น เรื่องชีวิตเด็กวัยประถม และวิถีชีวิตชาวบ้านในชนบท
ทว่านอกจากเรื่องราวที่ว่ามาแบบเรียน มานะ มานีฯ ยังสอดแทรกความเชื่อและเรื่องลี้ลับที่คุณอาจนึกไม่ถึง จนเผลออุทานว่า
“เรื่องอย่างนี้ก็มีด้วย!?”
การสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาว
มนุษย์ต่างดาวปรากฏตัวขึ้นในตอน เพื่อนจากแดนไกล ระหว่าง ‘เพชร’ นั่งจมอยู่กับความโศกเศร้าหลังแม่จากไป แล้วจู่ๆ ก็เหมือนมีดาวดวงหนึ่งส่องแสงเจิดจ้ากว่าทุกๆ ดวงบนท้องฟ้า…
ร่างร่างหนึ่งเคลื่อนออกมาอย่างช้าๆ หยุดอยู่ที่ปากอุโมงค์ที่มีแสงระยิบระยับและหมุนรอบตัวเองอยู่ตลอดเวลา เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างแปลกประหลาด สูงประมาณสามฟุต มีหัวกลมขนาดลูกฟุตบอลมีเส้นผมตาทั้งสองข้างเป็นท่อยาวยืดหดได้มีดวงตาสีดำวาวๆ อยู่ที่ปลายท่อที่ยื่นยาวส่ายไปมา จมูกเป็นรูเล็กๆ สองรู ริมฝีปากเป็นเส้นตรง ใบหูสองข้างใหญ่และกาง ผิวกายเป็นสีน้ำตาลเข้มหยาบย่น ต่อจากลำคอสั้นๆ เป็นทรวงอกขนาดใหญ่ ยุบเข้าและพองออกอย่างช้าๆ ตลอดเวลา ขณะยุบเข้าเกิดเสียงดัง ‘บู’ เมื่อขยายออกเสียงดัง ‘วา’ สลับกันเหมือนจังหวะการหายใจ แขนและขาเล็กๆ เคลื่อนไหวไปมาเหมือนกำลังว่ายน้ำ เพชรจ้องมองด้วยความตื่นเต้นประหลาดใจระคนหวาดกลัวเหลือที่จะกล่าว
…“เธอเป็นมนุษย์ต่างดาวหรือ” ห้วงความคิดของเพชรถามโดยเขาไม่ได้เปล่งเสียงออกมา
มานี-ชูใจ ทำสมาธิ ‘ถอดจิต’
ตอน ตำนานคนดี มานีกับชูใจนอนคุยกันว่า ถ้าเป็นคนดี ทำแต่ความดี จะมีจิตใจบริสุทธิ์ และสมาธิจิตแน่วแน่ จากนั้นชูใจก็สะกิดมานีชวนทำสมาธิจิต…
เด็กทั้งสองลุกขึ้นนั่งเข้าหากัน ประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกันแนบแน่น ดวงตาจับจ้องไปที่แถบทางสีขาวโพลนแผ่เป็นทางยาวระยิบระยับบนท้องฟ้า แล้วดวงจิตทั้งสองดวงก็ประสานกันเป็นหนึ่งเดียวแน่วแน่ ต่างอธิษฐานถึงสุมน มิตรอนันต์ ซึ่งอยู่ห่างไกลโพ้น ครู่เดียวมานีรู้สึกโปร่งเบา ไม่รู้สึกถึงลมหายใจของตนเองและสรรพสิ่งรอบข้าง ตัวเบาลอยคว้างขึ้นสู่ความเวิ้งว้างของห้วงนภากาศ เหมือนอยู่โดดเดี่ยวในความมืดสนิท ไม่มีชูใจ ไม่มีมือที่ประสานกันอยู่อย่างแนบแน่น แสงสว่างสีขาวสกาววาววับเป็นแถบยาวที่เธอจ้องมองอยู่ค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมา จนมองเห็นแต่ความขาวโพลนรอบตัวเธอ แล้วมานีก็เห็นภาพของเด็กสาวคนหนึ่ง ผมดำยาวประบ่า สวมชุดสีขาวเหมือนแม่ชี เดินอย่างรีบเร่งมาบนถนนที่เปล่าเปลี่ยว…
เห็นเทวดา-ผีสาง!?
ระหว่างที่ มานี มานะ ปิติ ชูใจ เพชร และวีระ เดินฝ่าป่าไม้สำรวจธรรมชาติบนภูผาน้ำตกเพื่อทำรายงานส่งคุณครูในตอน คำทำนาย จู่ๆ ก็มีร่างหญิงชราที่ไม่รู้ว่าเป็นผีหรือเทวดาปรากฏบนชะง่อนหินเบื้องหน้า
บนชะง่อนหินใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้มเบื้องหน้า หญิงชราคนหนึ่งนั่งอยู่ กำลังจ้องมองเขาอย่างแน่วนิ่ง ทุกคนมองเห็นก็สะดุ้งตกใจ มานีได้สติก่อนเพื่อน เธอเดินตรงเข้าไปใกล้ชะง่อนหินที่หญิงชรานั่งอยู่ พนมมือไหว้อย่างนอบน้อม “คุณยายคะ พวกเราหลงทางค่ะ…” ไม่ทันที่มานีจะพูดจบ หญิงชราก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวานใสไพเราะพร้อมกับยิ้ม “ไม่หลงหรอก ข้าพาพวกเจ้ามาที่นี่เอง”
ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องลี้ลับเหล่านี้เป็นเสมือนบันทึกของยุคสมัยที่สะท้อนความเชื่อ-วัฒนธรรมพื้นบ้าน ความคิดและความสนใจของผู้แต่ง ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ใน ‘มานะ มานีฯ’ แบบเรียนที่วันนี้กลายเป็นตำนานของเมืองไทย
อ้างอิง:
– ทางช้างเผือกและเรื่องชื่นใจ เขียน: อาจารย์รัชนี ศรีไพรวรรณ, สำนักพิมพ์ a book เรียบเรียง: จารุกิตติ์ ธีรตาพงศ์