คนที่ชอบรับประทานอาหารญี่ปุ่น คงจะรู้จักโอมากาเสะเป็นอย่างดี ปกติจะเป็นการเสิร์ฟซูชิทีละคำ โดยที่เชฟจะเป็นผู้เลือกวัตถุดิบให้ลูกค้า ซึ่งทั่วไปแล้วจะเป็นปลาหรืออาหารทะเลสดใหม่ของแต่ละวัน
แต่ Mihara Tofuten ร้านอาหารสไตล์โอมากาเสะย่านสาทรได้ทำลายขนบการรับประทานอาหารประเภทนี้ โดยเสิร์ฟอาหารที่มีเต้าหู้เป็นส่วนประกอบสำคัญในทุกจาน
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังร้าน Mihara Tofuten คือ กากั้น อานันท์ (Gaggan Anand) เจ้าของร้านอาหารสไตล์อินเดียสมัยใหม่ที่ได้รางวัลร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชีย จากรางวัล Asia’s 50 Best Restaurants Award มาแล้วสี่ปีซ้อน และเชฟเพื่อนซี้ ทาเคชิ ฟุกุยามะ (Takeshi Fukuyama) เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ฝรั่งเศส La Maison de la Nature Goh ที่เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น และยังร่วมมือกับผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารชาวไทยอย่าง บิ๊ก-วเรศรน สมิตะสิริ เจ้าของร้านอาหารใต้ชื่อดัง ‘คั่วกลิ้งผักสด’ และ แทน ฟู้ดบล็อกเกอร์ที่เรารู้จักกันจากชื่อในอินสตาแกรม @itan
จุดกำเนิดของร้าน Mihara Tofuten เริ่มแรกเป็นโรงงานเต้าหู้ขนาดเล็กในเมืองคะชิมะซึ่งอยู่ในแคว้นซากะ ตั้งแต่ปี 1961 และเจ้าของโรงงานได้เปิดร้านอาหารโดยใช้เต้าหู้ที่ผลิตจากโรงงานมาเป็นพระเอกหลัก ร้านแรกเปิดอยู่ข้างโรงงาน ส่วนสาขาที่สองอยู่ไกลออกมาที่เมืองฟุกุโอกะ
เมื่อคุณกากั้นได้มีโอกาสไปทานเต้าหู้ที่สาขาฟุกุโอกะก็ชื่นชอบอาหารที่ใช้เต้าหู้ที่ร้านมาก จึงเกิดไอเดียที่จะนำเต้าหู้จากโรงงาน Mihara Tofuมาทำอาหารในรูปแบบใหม่สไตล์ไฟน์ดายนิ่งแบบโอมากาเสะที่กรุงเทพฯ และถือว่าเป็นร้านอาหารแบบโอมากาเสะเต้าหู้แห่งแรกในโลก
โอมากาเสะเต้าหู้ที่ Mihara Tofuten ราคาอาจจะสูงสักหน่อย (ราคา 4,900 บาท ต่อคน) แต่ทางร้านพิถีพิถันกับวัตถุดิบมาก เต้าหู้แต่ละชนิดส่งตรงจากโรงงาน Mihara Tofu โดยเครื่องบิน แต่เต้าหู้ไม่ได้เป็นดาวเด่นในจานแต่เพียงอย่างเดียว เพราะทางร้านยังใช้วัตถุดิบพรีเมี่ยมซึ่งสั่งตรงจากประเทศญี่ปุ่นมาเป็นตัวชูโรง อย่างเช่น เนื้อวัวเกรด A5 จากเมืองโกเบ ปูยักษ์จากฮอกไกโด และ ไข่หอยเม่น เป็นต้น
เมนูเต้าหู้ 16 คอร์ส โหมโรงด้วย น้ำเต้าหู้สดซึ่งมีความเข้มข้นตัดเปรี้ยวด้วยแยมจากผลส้มยูสุ ตามมาด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยเสิร์ฟในปิ่นโตแบบญี่ปุ่นที่จะทำให้เราลืมเต้าหู้แบบเดิมๆ ที่เราเคยทานไปได้เลย เต้าหู้หิมะ หรือ Yuki tofu มีเนื้อเนียนเปรียบได้กับหิมะ โรยเกลือและน้ำมันเลมอนเล็กหน่อย เป็นการเพิ่มความเปรี้ยวและเค็มโดยไม่ทำลายความหวานธรรมชาติของเต้าหู้หิมะ ฟองเต้าหู้ถูกปรุงมาให้มีลักษณะเหมือนขนม Millefeuille โดยมีเยลลี่พอนสึเพิ่มรสเค็ม และเต้าหู้โกมะ ซึ่งมีรสสัมผัสหนืดคล้ายขนมโมจิและมีรสและความหอมของงาดำ
ใครที่ชอบปูคงจะฟินกับจานต่อไปอย่าง kinu tofu เป็นเต้าหู้หิมะที่นำมาทอดกรอบเสิร์ฟในซุปปู Zuwai ให้รสหวาน กินกับลูกชิ้นปลาที่ผสม kinu tofu หรือเต้าหู้อ่อน นับว่าเป็นจานที่ให้รสชาติแบบอุมามิได้ดี
ส่วนคนที่ชอบทานไข่หอยเม่น คงไม่ผิดหวังกับการเสิร์ฟข้าวปั้นแบบ ‘ช่วยตัวเอง’ หรือ DIY โดยสามารถตักไข่หอยเม่นพร้อมเต้าหู้หิมะซึ่งกินแทนข้าวมาห่อสาหร่ายกรอบได้ตามชอบ
สายเนื้อห้ามพลาดจานสุกี้ยากี้ที่ใช้เนื้อวัวโกเบมาต้มกับเต้าหู้แข็งหรือ Momen tofu ในน้ำซุปที่มีความหอมของหัวหอม
ส่วนของหวานยังไม่พ้นธีมของความเป็นเต้าหู้ โดยยังมีเต้าหู้เป็นส่วนประกอบหลัก เช่น ไอศกรีมเต้าหู้สุดหอมหวานเสิร์ฟพร้อมแยมลูกฟิก อีกจานคือขนมฝรั่งเศส Blancmange ที่มีความหวานมันของเต้าหู้ตัดเลี่ยนด้วยช็อตเอสเปรสโซ่ และช็อคโกแลตรสต่างๆ ที่ทำมาจากเต้าหู้ นับว่าเป็นการจบคอร์สได้อย่างน่าประทับใจ
Mihara Tofuten ทำให้เราเห็นว่าเต้าหู้เป็นวัตถุดิบที่พิเศษและสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายอย่างคาดไม่ถึง สำหรับคนที่อยากจ่ายน้อยหน่อย ทางร้านยังมีเมนูอาหารเที่ยง 5 คอร์สในราคา 1,750 บาท
Fact Box
Mihara Tofuten ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 5 แขวงมหาดเล็กหลวง เขตสาทร กรุงเทพฯ เปิด พุธ - จันทร์ 11:30-13:30 น. และ 18:00-23:00 น. เบอร์ 083 655 4245