การประกาศรายชื่อร้านอาหารมิชลินสตาร์กลับมาอีกครั้ง สำหรับร้าน 1 ดาวมิชลิน ปีนี้มีจำนวน 23 ร้าน โดย 13 ร้าน เป็นร้านที่เคยได้ดาวในปีที่ผ่านมา และยังคงรักษามาตรฐานไว้ได้ ส่วนร้านใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามาอีก 10 ร้าน เน้นทิศทางไปที่ร้านอาหารไทยเป็นส่วนใหญ่ และเนื่องจากปีนี้ทางมิชลินได้ขยายขอบเขตไปที่ภูเก็ตและพังงาด้วย จึงมีอีก 1 ร้านที่ได้รับ 1 ดาวมิชลิน นั่นคือ PRU (พรุ) ร้านไฟน์ไดน์นิ่งที่เน้นวัตถุดิบสดจากฟาร์ม ในจังหวัดภูเก็ต
ส่วนร้าน 2 ดาวมิชลิน มีทั้งหมด 4 ร้าน ทั้ง 3 ร้านเมื่อปีที่แล้วยังคงรักษารางวัลไว้ดังเดิม เพิ่มเติมอีก 1 ร้านคือ Sühring ร้านอาหารเยอรมันทวิสต์ในย่านสาทร
ทั้งยังมีการมอบรางวัล บิบ กูร์มองด์ (Bib Gourmand) สำหรับร้านโปรดของผู้ตรวจสอบมิชลินที่เสิร์ฟอาหารคุณภาพดีในราคาย่อมเยา ซึ่งปีนี้มีจำนวน 72 ร้าน เป็นร้านใหม่ 42 ร้าน ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารไทยในกรุงเทพฯ ที่หลายคนรู้จักกันดี รวมถึงร้านสไตล์สตรีทฟู้ด เช่นโจ๊กปรินซ์, เจ๊โอว, ราดหน้ายอดผักสูตร 40 ปี (ร้านใหม่) , โบ๊กเกี่ย ท่าดินแดง (ร้านใหม่) , สุกี้เมาเวอริค (ร้านใหม่) ฯลฯ โดยมี 14 ร้านอยู่ในภูเก็ตและพังงา
การประกาศรางวัลเกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.00 ที่ผ่านมา ในงานเปิดตัวคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พัก ‘มิชลิน ไกด์ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต และพังงา’ ประจำปี 2019 มิชลินไกด์ฉบับนี้นับเป็นฉบับที่ 2 ของไทย โดยได้ขยายขอบเขตไปถึงพังงาและภูเก็ตซึ่งเป็นสองจังหวัดที่การท่องเที่ยวเฟื่องฟูรองจากกรุงเทพฯ และปีที่แล้วภูเก็ตก็เพิ่งได้รับเลือกเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางอาหารหรือ city of gastronomy โดยองค์การ UNESCO
มิสเตอร์เกว็นเดล พูเลเนค (Gwendal Poullennec) ผู้อำนวยการนานาชาติ มิชลิน ไกด์ เผยว่า “ร้านอาหารที่ได้รับเลือกในปีนี้สะท้อนให้เห็นถึงประสบการณ์ด้านอาหารที่หลากหลาย ทั้งในและนอกกรุงเทพฯ นอกจากนี้เรายังเห็นแนวโน้มความนิยมในการให้เชฟเป็นผู้กำหนดเมนูแบบครบคอร์ส” ในข้อหลังนี้เองเป็นแนวทางที่ร้านไฟน์ไดน์นิ่งหลายร้านเลือกทำและได้รับความสนใจจากแขกและนักท่องเที่ยวอย่างยิ่งในปีที่ผ่านมา
วิธีการทำงานของผู้ตรวจสอบมิชลินคือปฏิบัติตัวเหมือนลูกค้าทั่วไป ไปใช้บริการร้านอาหารหรือโรงแรมโดยไม่เปิดเผยสถานะ และจ่ายเงินเองทุกครั้ง ทั้งยังมีการกลับไปลองใช้บริการซ้ำเพื่อตรวจสอบความสม่ำเสมอของรสชาติอาหาร คุณภาพวัตถุดิบ และการบริการ ก่อนจะนำมาพิจารณาตัดสินโดยใช้มาตรฐานสากล
สำหรับร้านอาหาร 1 ดาวมิชลิน คือร้านอาหารที่ดีมากเทียบกับในประเภทเดียวกัน ร้านอาหาร 2 ดาวมิชลินคือ ร้านอาหารที่ยอดเยี่ยม คุ้มค่าแม้จะต้องออกนอกเส้นทางไปกิน ส่วนร้านอาหาร 3 ดาวมิชลิน คือร้านอาหารที่เลอเลิศ ต่อให้ไกลแค่ไหนก็ควรต้องเดินทางไปกิน โดยในเมืองไทยยังไม่มีร้านอาหารที่ได้รับรางวัลนี้
ในงานประกาศรางวัลยังมีการเชิญเชฟผู้หญิงขึ้นไปถ่ายภาพร่วมกัน เพื่อเฉลิมฉลอง women empowerment เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าวงการเชฟยังเป็นสนามที่ยากสำหรับเพศหญิง ที่จะก้าวขึ้นไปอยู่ระดับท็อป และมิชลินเองก็หวังจะสนับสนุนให้ความเท่าเทียมเกิดขึ้นในเวลาต่อไป