เวลาผู้หญิงจำเป็นต้องใช้ผ้าอนามัย ส่วนใหญ่มักแสดงพฤติกรรมคล้ายผู้ค้ายาเสพติด ต้องลับๆ ล่อๆ หลบๆ ซ่อนๆ ‘ประจำเดือน’ หรือ ‘ระดู’ ของสตรีเพศยังเป็นเรื่องเขินอาย เรื่องเหล่านี้อาจมีให้ได้ยินในห้องเรียนเด็กผู้หญิง แต่ไม่มีครูอาจารย์คนไหนเล่าถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมัน ตรงนี้มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ว่า…สำหรับใครที่ไม่เบือนหน้าหนี
มาน้อยหรือมามาก…แค่ไหน?
มโนภาพของมนุษย์มักเลวร้ายกว่าความเป็นจริง โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับ ‘ประจำเดือน’ ทั้งๆ ที่น้อยคนจะรู้ว่า เมื่อถึงวันนั้นของเดือน ผู้หญิงจะมีเลือดตกยางออกกี่มากน้อย เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยพูดถึง ในสปอตโฆษณา ทุกคนจะเห็นแค่เพียงการทดลองความซึมซับของผ้าอนามัยด้วยน้ำสีฟ้าๆ หรือในภาพยนตร์สยองขวัญ (อย่าง Carrie) ก็มีเลือดให้เห็นแบบเล่นใหญ่มาก
แท้ที่จริงแล้ว ในแต่ละรอบเดือน ผู้หญิงจะสูญเสียเลือดประมาณ 50-150 มิลลิลิตร หรือโดยเฉลี่ยเพียง 60 มิลลิลิตร และมากที่สุดในวันแรกก็เพียง 10 มิลลิลิตรเท่านั้น
Premenstrual Syndrome (PMS) คืออะไร?
PMS คือกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือนที่พบได้เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงในวัยระหว่าง 20-40 ปี เป็นอาการคล้ายคนป่วย ไม่สบายตัว มีอารมณ์หงุดหงิด เหวี่ยงวีนง่ายกว่าปกติ มักจะเป็นในช่วงก่อนมีประจำเดือนประมาณ 5-11 วัน อาการเหล่านี้จะเริ่มดีขึ้นหลังจากประจำเดือนมาได้ 4-7 วัน
PMS เคยมีผลให้ผู้หญิงในอังกฤษก่อคดีมาแล้ว – เมื่อปี 1981 แซนดี แครดด็อก (Sandie Craddock) ต้องตกเป็นจำเลยในคดีฆาตกรรม แต่ผลตรวจและรายงานของแพทย์ รวมทั้งข้อวินิจฉัยจากสมุดบันทึกประจำวันของเธอ ช่วยยืนยันได้ชัดเจนว่า เธอมักก่อเหตุทำร้ายผู้อื่นและพยายามฆ่าตัวตาย ทุกๆ 29 วัน ซึ่งสอดคล้องกับรอบเดือนของเธอ จึงเป็นหลักฐานข้อมูลพิสูจน์ต่อศาลได้ว่า แท้ที่จริงแล้ว แซนดีเป็นเหยื่อของฮอร์โมนตนเอง เธอจึงได้รับโทษรอลงอาญา และถูกนำตัวเข้ารับการบำบัดฮอร์โมน
ธรรมชาติของผู้หญิงกับศาสนา ทำไมถึงกลายเป็นปัญหาใหญ่หลวง?
ศาสนาใหญ่ๆ อย่างยิว อิสลาม หรือฮินดู ล้วนไม่นับญาติกับระดู เพราะเป็นความเชื่อที่ว่า ผู้หญิงมีประจำเดือนจะปราศจากความบริสุทธิ์ พวกเธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในศาสนสถาน อีกทั้งการมีเพศสัมพันธ์กับพวกเธอในช่วงเวลานั้นในพระคัมภีร์ก็ระบุว่าเป็นสิ่งต้องห้าม แม้แต่ในคริสตจักรคาทอลิกเองก็ถือว่าผู้หญิงมีประจำเดือนคือข้อด้อย และอาจถูกแยกตัวออกจากกลุ่ม เพราะเชื่อกันว่า การมีประจำเดือนเป็นบทลงโทษสำหรับการประพฤติผิดของอีวา
ทฤษฎีเหล่านี้ฝังอยู่ในหัวสมองผู้ชายมาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณแล้ว พลินีผู้อาวุโส (Pliny the Elder) นักธรรมชาติวิทยาและแม่ทัพชาวโรมันเคยบันทึกไว้ในสารานุกรม ‘ธรรมชาติวิทยา’ (Naturalis historia) ของเขาเกี่ยวกับผู้หญิงมีประจำเดือนว่า พวกเธอมีส่วนทำให้อาหารเน่าเสีย กระจกหมองคล้ำ และผึ้งตาย ความคิดความเชื่อเกี่ยวกับความไม่บริสุทธิ์ของผู้หญิงที่ฝังแน่นมานานนับศตวรรษนี้ สืบต่อมาจนถึงทศวรรษ 1970s ที่ห้ามผู้หญิงมีประจำเดือนบริจาคเลือด ให้อยู่ห่างจากห้องแล็บถ่ายภาพและห้องฉายรังสี หรือห้ามเข้าไปเป็นลูกมือในห้องครัว
ออกัสซัมคลายความเจ็บปวดได้หรือ?
มีวิธีการบำบัดอาการที่เกิดขึ้นระหว่างมีประจำเดือน เช่น ปวดหลัง เหน็บชา ฯ ซึ่งเป็นวิธีธรรมชาติและไม่น่าจะเสียเงิน นั่นก็คือ ออกัสซัม ข้อนี้นรีแพทย์ยืนยันว่า อาการกระสับกระส่ายและอาการปวดต่างๆ จะบรรเทาลงได้เมื่อมีฮอร์โมนความสุขหลั่งออกมา การหดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดไหลผ่านได้เร็วขึ้น
น่าเสียดายที่การมีเพศสัมพันธุ์ระหว่างมีประจำเดือนถูกมองว่าเป็นเรื่องน่ารังเกียจ และเป็นที่น่าวิตกของคู่รัก จึงมักไม่มีการตอบสนองในเรื่องนี้ ทางออกคือการช่วยตัวเอง โดยใช้สำลี(ห้ามเลือด)พันรอบนิ้วมือหรือใช้ผ้าอนามัยแบบสอด (Tampon) ซับเลือด
ขี่ม้าหรือสอด?
หญิงไทยรู้จักการขี่ม้าเวลามีระดูมาตั้งแต่ยุคสมัยอยุธยา อย่างน้อยคนรุ่นใหม่ก็รับรู้ได้จากแม่นายการะเกดในละครเรื่อง ‘บุพเพสันนิวาส’ ตราบถึงทุกวันนี้ ผ้าอนามัยแบบแผ่นยังคงได้รับความนิยมในเมืองไทย แถมมีการแข่งขันทางการตลาดอย่างหลากหลาย ไม่ว่าในเรื่องของความบาง การซึมซับ หรือแม้กระทั่งความเย็นโปร่งโล่งสบาย
ผิดกับในโลกตะวันตก ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่นิยมผ้าอนามัยแบบสอดมากกว่า และจัดอยู่ในหมวดสินค้าสุขอนามัยที่รัฐของประเทศต่างๆ เช่น แคนาดา อังกฤษ ไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา ฯลฯ ยกเว้นการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ในเยอรมนี ผ้าอนามัยถูกนับรวมอยู่ในหมวดสินค้าฟุ่มเฟือย ที่ผู้บริโภคเพศหญิงต้องแบกภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม 19 เปอร์เซ็นต์
อ้างอิง:
- Spiegel Online
- https://gesund.co.at