เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ The Verge ได้เผยแพร่บทสนทราส่วนหนึ่งจากไฟล์เสียงการประชุมภายในระหว่างซีอีโอ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก กับพนักงานเฟซบุ๊ก ในช่วงถาม–ตอบ มีคำถามจากพนักงานคนหนึ่งถามเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับข้อความที่สร้างความเกลียดชัง (Hate Speech) ของเฟซบุ๊ก
“ตามนโยบายของคุณ ‘Men are trash’ (ผู้ชายขยะ) ถูกพิจารณาให้เป็นข้อความที่สร้างความเกลียดชังระดับ 1 ซึ่งหมายความว่าทุกโพสต์ ทุกคอมเมนต์ ที่มีวลีนี้จะถูกลบอัตโนมัติ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น” พนักงานผู้นั้นถาม
มาร์กตอบด้วยการให้คำอธิบายที่ละเอียดที่สุดถึงนโยบายการควบคุมดูแลเนื้อหาว่า นโยบายเกี่ยวกับข้อความที่สร้างความเกลียดชังนั้น ‘มีแต่ปัญหา‘ พร้อมกับให้เหตุผล
“เพศสภาพก็เป็นเรื่องที่ต้องได้รับการคุ้มครอง ลองเปรียบเทียบดูว่าถ้าประโยคนั้นคือ ‘Muslims are trash’ คุณก็คงไม่อยากให้ประโยคแบบนี้อยู่บนเฟซบุ๊กหรอก“
มาร์กกล่าวต่อไปว่า เฟซบุ๊กจำเป็นต้องมีข้อกำหนดที่เจาะจงเพื่อให้ผู้ดูแลเนื้อหากว่า 30,000 คนทั่วโลกเห็นพ้องกัน และเขายังให้ข้อสังเกตว่า บางคนอาจต้องการนโยบายที่แบ่งแยกชัดเจนระหว่างกลุ่มคนที่ถูกกดขี่ทางประวัติศาสตร์ ให้ปฏิบัติแตกต่างกัน เช่น ระหว่าง ‘men are trash’ กับ ‘women are trash’
นอกจากนี้ มาร์กยังเชื่อว่าเฟซบุ๊กไม่ควรมีภารกิจในการประเมินค่าเนื้อหาใดๆ เพราะเฟซบุ๊กมีเนื้อหาจำนวนมากเกินไปที่จะใช้ดุลพินิจเพื่อควบคุมดูแลทีละโพสต์ทีละคอมเมนต์
มาร์กเรียกนโยบายนี้ว่า ‘การผลักดันให้เกิดกรอบการทำงานที่สามารถบังคับใช้ได้ทั่วโลก‘ และเขาได้กล่าวว่า สิ่งที่ผู้ใช้ร้องเรียนมามากที่สุดมาจากที่ผู้ดูแลเนื้อหาทำงานผิดพลาด และไม่ปรับใช้กฎตามเจตนารมณ์ของกฎนั้น มากกว่ามีปัญหากับกฎนั้นโดยตรง
ในอดีต เฟซบุ๊กไม่มีนโยบายเรื่องข้อความที่สร้างความเกลียดชังที่ชัดเจน และเฟซบุ๊กก็ต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ปล่อยให้มีโพสต์ที่รุนแรงและก่อให้เกิดความไม่พอใจ นอกจากนี้การไม่สามารถรู้ได้ว่า อะไรบ้างที่เฟซบุ๊กจะอนุญาตให้อยู่บนแพลตฟอร์มได้ทำให้ผู้ใช้ต้องเดาเอง
อ้างอิง
ภาพ : Charles Platiau/REUTERS
Tags: Hate Speech, โซเชียลมีเดีย, เฟซบุ๊ก, มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก, นโยบายเฟซบุ๊ก