มาเลเซียถึงคราวสิ้นสุดยุคการปกครองของกลุ่มการเมืองเพียงพรรคเดียว ที่ปกครองประเทศมาเป็นเวลาร่วม 60 ปีใต้อำนาจของกลุ่มบาริซัน เนชันแนล หรือบีเอ็น (Barisan Nasional)

จากการเลือกตั้งเมื่อ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา แนวร่วมพรรคฝ่ายค้านมาเลเซีย ‘ปากาตัน ฮาราปัน (Pakatan Harapan) นำโดย ‘มหาเธร์ โมฮัมหมัด’ ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงข้างมากในสภา ได้ 112 ที่นั่ง จาก 222 ที่นั่ง ส่วนบีเอ็นได้ 76 ที่นั่ง

ตัวเลข 112 ที่ ปากาตัน ฮาราปัน ได้รับ มากพอที่จะชนะ กลุ่มบาริซัน เนชันแนล หรือบีเอ็น (Barisan Nasional) ที่นำโดยอดีตนากรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค จากพรรคอัมโน (United Malays National Organization)

ขณะที่ชัยชนะของปากาตัน ฮาราปันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ผู้สนับสนุนต่างพากันแสดงความยินดีผ่านโซเชียลมีเดีย ตามท้องถนนในกรุงกัวลาลัมเปอร์มีการโบกธงของพรรคฝ่ายค้าน ผู้สื่อข่าวของอัลจาซีรารายงานว่า อารมณ์ในการรวมตัวกันของประชาชนในเมืองเต็มไปด้วยความสุข

มหาเธร์ โมฮัมหมัดบอกว่า นาจิบ ราซัค (Najib Razak) เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา ทำให้เขาตัดสินใจตั้งพรรคใหม่ และร่วมมือกับเครือข่ายพรรคฝ่ายค้านที่เคยต่อต้านเขาเมื่อครั้งที่มหาเธร์ยังมีอำนาจ รวมถึงอันวาร์ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) แกนนำแนวร่วมพรรคฝ่ายค้านที่ต้องโทษจำคุก 5 ปีจากข้อหาคดีการร่วมเพศทางทวารหนัก

หลังจากได้รับชัยชนะ มหาเธร์บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เขาจะหาทางขอพระราชทานอภัยโทษจากสุลต่านมาเลเซีย

“หากเขาได้รับการอภัยโทษแล้ว เขาจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่เขายังคงต้องได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา”

เมื่อถูกถามว่าเขาจะทำอย่างไรกับกรณีคอร์รัปชั่นที่อื้อฉาวของนาจิบ มหาเธร์ตอบว่า เขาจะไม่แก้แค้น

“เราจะหาทางฟื้นฟูหลักนิติธรรม (rule of law)” มหาเธร์กล่าวในเช้าวันพฤหัสบดี

เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 10 พ.ค. นาจิบ ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน หลังจากรับทราบผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ

“ผมยอมรับการตัดสินของประชาชน”  เขาบอกว่าการเลือกตั้งที่สูสีนี้ได้พิสูจน์ความเป็นประชาธิปไตยของมาเลเซีย

เขายังบอกด้วยว่า “เราโชคดีที่ได้บริหารประเทศนี้มายาวนาน” บีเอ็นจะยอมรับการตัดสินใจของยังดี เปอร์ตวน อากง (กษัตริย์มาเลเซีย) ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดจากสมาชิกสภา

ทั้งนี้โฆษกของสำนักพระราชวังกล่าวว่าการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของมหาเธร์จะถูกเลื่อนออกไปก่อน จากเดิมที่มหาเธร์บอกว่าจะเข้าสาบานตนในวันพฤหัสบดีนี้ และยังไม่ระบุวันที่แน่นอน แต่ไม่ได้แจ้งเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงกำหนดการ

การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่สุดของประวัติศาสตร์มาเลเซีย มหาเธร์อดีตนายกรัฐมนตรีวัย 92 ปีก้าวออกมาจากการเกษียณ ต่อสู้กับ นาจิบ ราซัค ลูกศิษย์ของตัวเอง เพราะต้องการช่วยฝ่ายค้านกำจัดนาจิบที่พัวพันคดีคอรัปชั่นอื้อฉาว โดยเฉพาะกรณีที่มีเงินกองทุนวันเอ็มดีบี (1MDB) กว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของนาจิบ แต่เขาปฏิเสธ

พรรคฝ่ายค้านยังกวาดที่นั่งในรัฐต่างๆ รวมทั้งรัฐยะโฮห์ ซึ่งเป็นถิ่นของบีเอ็น

ก่อนหน้านี้ แทบจะไม่มีใครคาดคิดว่าแนวร่วมพรรคฝ่ายค้านจะชนะ บริดเจท เวลช์ (Bridget Welsh) ผู้เชี่ยวชาญเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ที่มหาวิทยาลัยจอห์น คาบอต ในกรุงโรมกล่าวว่า “คนที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นคือมหาเธร์ เขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ เขาทำให้คนรู้สึกว่าการเปลี่ยนผ่านอำนาจนี้เป็นไปได้”

“มีคนมาเลเซียน้อยมากที่คิดว่าจะได้เห็นวันนี้” บทบรรณาธิการของสำนักข่าวมาเลเซียกินี (Malaysiakini) นี่เป็นครั้งแรกที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล นับตั้งแต่ได้รับอิสรภาพจากอังกฤษเมื่อปี 1957”

มาเลเซียกินีบอกว่า ความพ่ายแพ้ของบีเอ็นมาจาก ‘สึนามิมาเลเซีย’ ซึ่งไม่ใช่กลุ่มชาติพันธุ์ส่วนใหญ่ในมาเลเซียอย่าง มาเลย์ จีน หรืออินเดียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งในซาบาห์และซาราวักเปลี่ยนมาลงคะแนนให้กับพรรคฝ่ายค้านด้วย

ชัยชนะของแนวร่วมพรรคฝ่ายค้านสำคัญมาก เพราะการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบเอาเปรียบ ความพยายามหลายครั้งของคณะกรรมการเลือกตั้งในการสั่นคลอนการรณรงค์หาเสียงของฝ่ายค้าน และการจัดการเลือกตั้งกลางสัปดาห์ ซึ่งจะทำให้มีผู้ไปลงคะแนนเสียงน้อยลง

บทบรรณาธิการของสำนักข่าวมาเลเซียกินีบอกว่า นี่เป็น ‘ก้าวแรกของการเป็นประเทศปกติของมาเลเซีย’

“ประเทศปกติที่มีแนวร่วมสองหรือมากกว่านั้นแข่งขันเพื่อครองอำนาจ ประเทศปกติที่อำนาจอยู่กับประชาชน ไม่ใช่นักการเมือง ประเทศปกติที่เชื้อชาติและศาสนาไม่ใช่การหมกมุ่นอยู่กับความบริสุทธิ์”

ชาวมาเลเซียจำนวนมากกล่าวชื่นชมมหาเธร์ผ่านโซเชียลมีเดีย และขอบคุณชาวมาเลเซียสำหรับชัยชนะที่เหนือความคาดหมาย ขณะเดียวกันก็ยังมีคนที่ไม่เชื่อผลที่ออกมา

“มันเหนือจริงมาก เราสิ้นหวังกับการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้มานาน” ผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งกล่าว ขณะที่อีกคนบอกว่ามี “น้ำตาแห่งความสุข”

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทของ มหาเธร์ โมฮัมหมัด ที่มีต่อการเมืองในมาเลเซีย จากบทความ ‘การกลับมาของ ‘มหาเธร์’ กับการเปลี่ยนแปลงที่ชาวมาเลเซียเฝ้ารอ’ โดย กานท์กลอน รักธรรม

 

ที่มา:

Tags: , , , , ,