1

ในวัย 30 คนรุ่นผมจำนวนไม่น้อยค้นหาว่า ความสุขของชีวิตคืออะไร… ส่วนตัวของผมคือการออกไปท่องโลกกว้าง มองหาสถานที่ หาประสบการณ์ใหม่ๆ ออกจากเซฟโซน ออกจากความเคยชิน เป็นการพักสักครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาเผชิญโลกความเป็นจริง ที่บางครั้งก็โหดร้ายเหลือเกิน

ลม ฟ้า อาหาร เป็นผลงานของ โตมร ศุขปรีชา ที่เขียนบันทึกการเดินทางยุคแรกๆ ของเขา ผมหยิบเล่มนี้ขึ้นมาเพราะ Brown Books หยิบขึ้นมาพิมพ์ใหม่เมื่อปีกลาย ก่อนที่วันหนึ่งผมจะหยิบขึ้นมาอ่านจากร้านหนังสือที่สยามพารากอน

ผมใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงอ่านรวดเดียวก็จบทั้งเล่ม โตมรหยิบเรื่องที่ธรรมดาสามัญที่สุดที่คนคุยกันว่าด้วยเรื่อง อาหาร และ อากาศ มาผนวกเข้ากับความทรงจำส่วนตัวของเขาอย่างน่าสนใจ เรื่องในหนังสือเริ่มต้นจากบ้านยายของเขา ตัดสลับไปกับการท่องโลกกว้างในหลายดินแดน สหรัฐอเมริกา เนปาล ไอร์แลนด์ ลาว แม่ฮ่องสอน กลับมายังวัยเด็กของเขา บนโต๊ะหมากฮอสที่โรงเรียน เรียงไปจาก ฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูฝน ก่อนจะทิ้งท้ายให้อื่นๆ ที่​ฤดูหนาวอีกที

ความละเมียดละไมของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่การเป็นหลาย นักของโตมร บางช่วงเวลาเขาเป็นนักสังเกต ในเวลาเดียวกันเขาเป็นนักอ่านวรรณกรรมตัวยง และเป็น นักกินที่พินิจรสชาติอาหารอย่างละเมียดละไม ขณะเดียวกัน เมื่อไปถึงเรื่องวิทยาศาสตร์ ว่าด้วยความผันแปรของสภาพภูมิอากาศ สภาพภูมิประเทศ โตมรก็สามารถอธิบายได้เป็นฉากๆ ไม่ได้ดูประดิษฐ์ ไม่ได้ดูโชว์เหนือ แต่คือความพยายามกลั่นอารมณ์ผ่านตัวหนังสือให้เราร่วมดื่มด่ำไปกับสารพัดเรื่องสั้นที่รายล้อมตัวเขาในฤดูที่ผันแปร และราตรีที่แตกต่าง

“ผมมักลืมตัวบ่อยๆ ว่าตัวเองเล็กน้อยแค่ไหน เรามักแสวงหาสิ่งต่างๆ มารายล้อม เพื่อปิดบังตัวเองว่าเราเล็กจ้อย เพื่อสร้างอาณาจักรที่เราคิดว่าจะควบคุมมันได้ทั้งหมด

“แต่เราทำอย่างนั้นไม่ได้ตลอดไปหรอก

“เมื่อลมพัด เราจะรู้ว่าเราเล็กน้อยเกินกว่าจะบอกลมให้พัดด้วยความเร็วกี่เมตรต่อวินาที เมื่อฝนตก เราก็กะเกณฑ์ไม่ได้ว่าจะให้ฝนตกลงมากี่มิลลิเมตร เมื่อฟ้าร้อง ฟ้าควรร้องด้วยเสียงดังกี่เดซิเบล และเราบอกชีวิตได้หรือ ว่าเราควรจะดำรงอยู่ไปตลอดกาล”

คือคำนำที่น่าสนใจของโตมร ที่จะบอกเล่าเรื่องราวอีก 200 กว่าหน้าถัดไปในหนังสือเล่มนี้

2

เสน่ห์ของงานโตมรคือเขามักจะมีบทสนทนากับ คนแปลกหน้าที่น่าสนใจเสมอ ครั้งหนึ่งที่เนปาล เขาสร้างบทสนทนาว่าด้วย เหมาอิสต์ กับไกด์ท้องถิ่นชาวเนปาล ครั้งหนึ่งเขาคุยกับ ป้าเฮเลนชาวไอร์แลนด์ ที่ไอริชผับอย่างออกรสในดับลิน ว่าด้วยวัฒนธรรม การดื่มที่นั่น เรื่อยไปจนถึงวัฒนธรรม Pub Grub หรือการตระเวนลิ้มรส ลิ้มบรรยากาศของแต่ละผับไปเรื่อยๆ 

ในหนังสือเล่มเดียวกัน โตมรยังเล่าเรื่องวัฒนธรรมการต้มหมูกินของชาวลัวะ ที่อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ก่อนจะตกผลึกสิ่งที่เขาเรียนรู้ว่าด้วย รสชาติและ ความอร่อยว่าไม่ได้หมายถึงรสสัมผัสเท่านั้น หากแต่หมายรวมถึงประเพณีที่ชาวลัวะ ที่นำหมูเลี้ยงไปฆ่าเพื่อบูชาผีละมาง เป็นการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับผี รวมถึงเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ ทั้งกับคนในชุมชนเดียวกัน และกับคนแปลกหน้า

เรื่องเล่าระหว่างกินดื่มมักจะน่าสนใจเสมอ เพราะเป็นเวลาที่ผู้คนผ่อนคลายมากที่สุด อาหารแต่ละชนิดที่พวกเขาสั่งคือการบ่งบอกว่าเขาและเธอชอบอะไรไม่ชอบอะไร เหตุผลในการเลือกสิ่งเหล่านั้นคือเหตุผลข้อไหน

สุดท้ายจะพาเราลากยาวถึงบทสนทนาว่าด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ก่อนจะลงท้ายด้วย ความหมายของการมีชีวิต และการใช้ชีวิต

“ไม่มีใครหยุดคิดสักนิดเลยหรือ–ว่าแม้เนื้อหมูอาจจืดชืดเกินไป ทว่าเบื้องหลังเนื้อหมูกลับมีความละเอียดอ่อนแห่งมนุษย์ถักทออยู่อย่างซับซ้อนและบอบบาง”

3

ในบรรดาเรื่องสั้นของโตมร มีหลายเรื่องที่ชวนให้ ‘อึน’ บทสนทนาที่ภูเก็ตระหว่างโตมรกับชาวต่างชาติชายหญิง 2 คน ว่าด้วยการหายตัวไปจากโลกนี้–และทีรามิสุราดด้วยเหล้าริมทะเล–ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนที่วันหนึ่งก็จะหายไป ความสัมพันธ์ที่วันหนึ่งเราจะถูกลืม

จากนั้น ฉากหลังที่ตามมาก็คือเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2547 ที่เปลี่ยนทุกอย่างไป แล้วคนที่บอกว่าหายไป ก็หายไปแบบติดต่อไม่ได้

หรือบทสนทนาที่แคลิฟอร์เนีย เรื่องราวระหว่างพาสต้า โบสถ์ คู่หนุ่มสาว โตมรค่อยๆ เล่าเรื่องผ่านเมนูอาหาร ผ่านร้านอาหาร ก่อนจะจบด้วยความรักที่ไม่สมหวัง และการเริ่มต้นใหม่ โดยขมวดด้วยฉากหลังเป็น ‘มิชชั่น’ สัญลักษณ์แห่งชัยชนะที่สเปนมีเหนืออินเดียนแดงในซานตาบาร์บารา

เรื่องทั้งหมด ชวนให้เราออกเดินทาง ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล การพบปะบรรยากาศใหม่ อาหารต่างรส ผู้คนต่างถิ่น ย่อมทำให้ตกผลึกอะไรบางอย่างเสมอ

4

“ผมเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีวันเวลาของตัวเองขึ้นอยู่กับว่าเราค้นพบมันหรือเปล่าว่า วันเวลาของเราคืออะไร อยู่ในฤดูกาลใด  มีรสชาติแบบไหนกัน และเราเลือกแล้วใช่ไหมที่จะทำให้วันเวลาเหล่านั้นเป็นของเรา หรือบางครั้ง เราก็เลือกที่ค้น, เพื่อไม่ให้พบ”

สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนผมหลังจากอ่าน ลม ฟ้า อาหาร คือพยายามตกผลึกมากขึ้นว่าในแต่ละสถานที่ ในแต่ละทริปที่รังสรรค์ขึ้น มีมากกว่าแค่การพยายามเก็บ เช็กพอยท์แต่คือการเรียนรู้อาหาร เรียนรู้ผู้คน และเก็บ อากาศเก็บบรรยากาศให้มากที่สุด เพื่อที่วันหนึ่งจะได้กลับมานึกถึงใหม่ และหากวันหนึ่งจะต้องออกเดินทางใหม่ เราล้วนมีความทรงจำ มีเรื่องราวเหล่านี้เก็บไว้เต็มกระเป๋า

ลม ฟ้า อาหาร ไม่ใช่ไกด์บุ๊ก ไม่ใช่หนังสือ How To ว่าด้วยการท่องเที่ยว แต่เป็นทั้งหนังสือที่ทั้งสร้างแรงบันดาลใจ และสำหรับนักพรรณนา สำหรับนักเขียนอย่างพวกผม นี่อาจเป็นหนังสือครูเล่มหนึ่ง ที่กำลังสอนว่าหากจะเขียนความเรียงดีๆ สักเล่ม ควรเขียนแบบไหน

ในวันที่เหนื่อยล้า อยากออกไปเดินทาง อยากหาอะไรเยียวยาจิตใจ ลองติดเล่มนี้ไปอ่านข้างกายดู​ หรือระหว่างพักผ่อนริมทะเล อยากจะหยิบหนังสือสักเล่มขึ้นมาอ่านก็อย่าลืม ลม ฟ้า อาหารเพื่อจะสัมผัสรสชาติใหม่ๆ ท่ามกลางบทสนทนา หรือ ละเลียดอากาศรอบกาย เพื่อสัมผัสว่าชีวิตนั้นสวยงามเพียงใด

Fact Box

ลม ฟ้า อาหาร, ผู้เขียน: โตมร ศุขปรีชา, สำนักพิมพ์: Brown Books, จำนวน 253 หน้า, ราคา 285 บาท 

Tags: , , , ,