สำหรับชีวิตเรียบๆ ของผู้ชายคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในเหมืองก่อสร้าง จิมมี โลแกน (แชนนิง ทาทัม) ได้พบว่าบ็อบบี (เคธี โฮล์มส์) อดีตภรรยา กำลังจะย้ายออกจากเวสต์ เวอร์จิเนีย การย้ายบ้านในครั้งนี้จะทำให้จิมมีไปมาหาสู่เซดี (ฟาร์ราห์ แม็คเคนซีย์) ลูกสาวของเขาได้ยากขึ้น ครั้นจะจ้างทนายเพื่อมาต่อสู้เรื่องสิทธิเลี้ยงดูบุตรก็ดูจะยากเกินเอื้อม เพราะจิมมีเพิ่งถูกไล่ออกจากงาน เนื่องจากความขาเป๋ที่เกิดจากอุบัติเหตุในวัยเยาว์
ความรู้สึกที่ต้องดิ้นรนทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้ใกล้ชิดลูก ก่อเกิดเป็นแผนการที่คนงานก่อสร้างขาเป๋ดูไม่น่าเอื้อมถึงหากไม่มีโชคช่วย เขาพุ่งไปที่บาร์ของน้องชายที่เสียมือข้างซ้ายจากการเป็นทหารที่อิรัก ด้วยบทสนทนาผ่านรหัสลับที่สองพี่น้องสร้างขึ้นมาด้วยการโน้มน้าวอย่างง่ายๆ ไคลด์ โลแกน (อดัม ไดรเวอร์) ผู้เป็นน้องชาย ก็ตกลงร่วมแผนปล้นเงินมหาศาลจากงานแข่งรถซึ่งจะใช้สนามแข่งรถชาร์ล็อต (Charlotte Motor Speedway)
โชคที่อาจจะช่วยจิมมีได้ คือการรู้รายละเอียดของระบบต่างๆ ของรายการแข่งรถและสนามแข่งเป็นอย่างดี เพราะงานก่อสร้างที่เขาทำก็เพื่ออุดซ่อมท่อใต้ดินของสนามแข่งรถแห่งนั้น ลู่ทางทั้งหมดดูแจ่มมากแล้ว เหลือเพียงแต่ว่าใครกันที่จะเป็นคนระเบิดตู้เซฟ? เรื่องจึงนำไปสู่การชักชวนโจ แบง (แดเนียล เคร็ก) ผู้ถูกตัดสินโทษจำคุกจากการระเบิดตู้เซฟ แซม แบง (ไบรอัน กลีสัน) และฟิช แบง (แจ็ค เควด) น้องชายของโจ รวมถึงเมลลี (ไรลีย์ คีโอห์) น้องสาวคนเล็กตระกูลโลแกน
แผนการปล้นของพี่น้องโลแกนเป็นไปอย่างตรงไปตรงมาและทุกอย่างก็ดูลงตัวจนไม่น่าเชื่อ สำหรับลักษณะตัวละครที่ทั้งขาดและเกิน ทั้งลักษณะการพูดจาที่ทำให้ดูซื่อบื้อและมีความไม่เอาไหนให้เห็นเป็นระยะๆ โดยเฉพาะจิมมีที่เหมือนไม่เคยไปดูลูกสาวซ้อมเต้นและร้องเพลงเพื่อแข่งประกวดได้ทัน ส่วนไคลด์ที่เสียมือไปข้างหนึ่งก็ไม่ได้มีความเป็นผู้นำสักเท่าไหร่ คำหยอกล้อว่าหนึ่งขาเป๋กับหนึ่งแขนด้วนรวมกันก็ได้ครบคนพอดี ดูยิ่งตอกย้ำคำสาปตระกูลโลแกนที่ว่าซวยซ้ำซวยซ้อน ก็ทำให้ทุกคนไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่
แน่นอนว่าไม่มีแผนการใดที่จะราบรื่นไปตลอด เพราะไม่มีตัวละครใดในเรื่องที่ถนัดการบู๊ ไม่มีใครฉลาดเป็นกรด แต่หนังได้นำเสนอการเฉือนคมของการวางแผนปล้นที่ไม่ได้ใช้แค่โชค พลิกความไม่สมบูรณ์ของตัวละคร กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยคาดคิด
ตลอดเรื่อง หนังได้ถ่ายทอดวิถีชีวิตของชาวเวสต์ เวอร์จิเนีย ที่มีความบ้านๆ ซื่อๆ จนการโจรกรรมดูจะเป็นเรื่องที่ทุกคนมองข้ามไปเสียสนิท กิเลสแบบบ้านๆ อย่างการไม่ยอมเสียหน้า ความลำพองใจ และการที่ไม่มีใครรู้ดีไปทุกเรื่อง ล้วนเป็นรายละเอียดของความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์ที่แสนจะสมจริง ซึ่งหนังแอกชันหลายเรื่องอาจมองข้ามไปแต่ Logan Lucky สอดแทรกไว้อย่างเฉียบคม
เพลง ‘Take me home, Country road’ ของจอห์น เดนเวอร์ถูกนำมาใช้ในหนังเชิงสัญญะ แทนค่าความสัมพันธ์ระหว่างจิมมีและเซดี ตอบโจทย์ทั้งความเป็นคันทรีบ้านๆ อุ่นๆ แบบเวสต์ เวอร์จิเนีย และคำว่า ‘กลับสู่บ้าน’ ชวนให้คิดต่อเรื่องครอบครัวว่า สิ่งที่คนคิดว่าคือความพร่องและปัญหาภายในครอบครัวนั้น สุดท้ายแล้วคือสิ่งใดกันแน่
ในแง่ตัวละคร พี่น้องโลแกนมีความขาดเกินบดบังและเสริมรับกันได้อย่างเป็นธรรมชาติและคาดไม่ถึงอยู่หลายครั้ง แม้แต่ตัวละครที่เราคาดหวังว่าจะต้องเป็นผู้ร้ายอย่างโจ แบง ก็มีรายละเอียดที่ทำให้เราประหลาดใจ ขัดกับภาพลักษณ์ของเขาโดยสิ้นเชิง
หนังมีการตัดต่อตามลำดับเวลา เล่นจังหวะทั้งช้าและเร็วอย่างพอดิบพอดีที่ทำให้ความสนใจของคนดูไม่หลุดไปไหนเสียก่อน รวมถึงบทพูดที่เฉียบคมหลักแหลม ซ่อนความตลกร้ายอย่างแยบยล แม้แต่ตัวละครเด็กก็ยังมีจังหวะเด็ดอยู่หลายครั้ง การตบมุกนั้นก็ไม่ได้ย้ำจนทำให้เสียอรรถรส ออกแนวลื่นไหลเป็นธรรมชาติเหมือนอยู่ในวงสนทนาของเพื่อนสนิท ความตลบแตลงเป็นไปอย่างสมเหตุสมผลบนความพอดี หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังโจรกรรมบู๊หวือหวาบ้าระห่ำ แต่ก็ทำให้เราลุ้นจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ได้
Logan Lucky ถือได้ว่าเป็นหนังต้อนรับการกลับมาของสตีเวน โซเดอร์เบิร์ก ในรอบ 4 ปีที่ทำได้สมศักดิ์ศรี หนังเรื่องนี้เริ่มถ่ายทำเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2016 ใช้เวลาถ่ายทำทั้งหมดเพียง 36 วัน ซึ่งสตีเวนทั้งกำกับถ่ายทำและตัดต่อเอง เขากล่าวว่า Logan Lucky กลายเป็นหนังทดลองที่ทำให้เขาได้ทำตามใจอย่างที่คิดอยากทำมาหลายสิบปี สตีเวนเป็นผู้กำกับที่อยากเลิกทำหนังและประกาศเลิกมาหลายครั้ง แต่ก็กลับมาอยู่ดี หนนี้เมื่อเขาเห็นบทของ Logan Lucky ระหว่างช่วยค่ายหนังหาตัวผู้กำกับ เขาก็ทนความรู้สึกที่จะเห็นคนอื่นนำมันไปทำไม่ได้
การกลับมาทำหนังแนวโจรกรรมที่เขาคุ้นเคยดีหนนี้ แม้เราจะได้เห็นหลายสิ่งที่เป็นลายเซ็นของโซเดอร์เบิร์ก อย่างเช่นตัวละครจะต้องพยายามช่วยกันแก้ปัญหายากๆ ย่อยข้อมูลขนาดใหญ่ แต่ทำทุกอย่างอย่างมีชั้นเชิงและขบขัน แต่หนังก็มีความสดใหม่ในหลายด้าน โดยเฉพาะกลิ่นอายแบบคอมิกส์ หนังยังมาพร้อมกับนักแสดงคนโปรดของโซเดอร์เบิร์กในยุคหลังอย่างแชนนิง ทาทัม รับบทบาทเป็นหนุ่มเวสต์ เวอร์จิเนีย ที่ต้องพูดสำเนียงใต้ซึ่งทำออกมาได้ดี อดัม ไดรเวอร์ก็แสดงได้เหมาะเจาะ ทั้งภาพลักษณ์ น้ำเสียง และสำเนียงที่ทำให้เราหัวเราะทุกครั้งที่ปรากฏตัว ในจอ แดเนียล เคร็ก สลัดภาพสุขุมเยือกเย็นของสายลับอังกฤษได้หมดจด กลายเป็นชายที่น่าจะเรียกได้เต็มปากว่าจิ๊กโก๋หน้าปากซอยผู้พราวสเน่ห์ รวมถึงนักแสดงฝีมือเยี่ยมคนอื่นๆ ที่เดินขบวนกันมาทำให้หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยสีสัน
ชั้นเชิงและความแพรวพราวคือสิ่งที่หนังเรื่องนี้มอบให้เต็มๆ นอกเหนือจากเรื่องโชคและความซวยของตระกูลโลแกน
FACT BOX:
สตีเวน โซเดอร์เบิร์ก เป็นผู้กำกับที่ฝากผลงานดีๆ ไว้มากมาย ซึ่งหนังนอกกระแสเรื่อง Sex, Lies, and Videotape ในปี 1989 ได้รับรางวัล Palme d‘Or ในเทศกาลหนังเมืองคานส์สตีเวนมีอายุเพียง 26 ปี ทำให้เขาเป็นผู้กำกับที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รางวัลนี้ หนังดังเรื่องอื่นของสตีเวน โซเดอร์เบิร์ก ได้แก่ Ocean’s Eleven, Haywire, Side Effects และ Magic Mike
Tags: Movie, film, ภาพยนตร์, Logan Lucky, สตีเวน โซเดอร์เบิร์ก, West Virginia, Steven Soderbergh, Channing Tatum, Review