คงต้องบอกว่า Lady Butcher เป็นสเต็กเฮ้าส์ที่ดีที่สุดในจังหวัดนนทบุรี ที่สำคัญร้านนี้ยังดึงเอาคนกรุงเทพฯ ที่ชื่นชอบเนื้อวัวเดินทางออกไปนอกเมืองเพื่อกินสเต็กของร้านนี้ ทั้งๆ ที่ในเมืองก็มีสเต็กเฮ้าส์มากมายเป็นตัวเลือก เราไปหาคำตอบมาให้แล้วว่าทำไมต้องไป แต่บอกก่อนว่าไกลแต่คุ้มค่า

เจ้าของร้าน Lady Butcher คือ คุณณัฐ-ณัฐธิดา หนูอินทร์ เธออยู่ในวงการธุรกิจนำเข้าเนื้อวัวจากต่างประเทศมายาวนานกว่า 10 ปี โดยเป็นซัพพลายเออร์ส่งเนื้อวัวนำเข้าให้ร้านอาหารและโรงแรมต่างๆ แน่นอนว่าด้วยความที่เธออยู่ในวงการนี้มานาน ความรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้เธอหันไปเรียนรู้เรื่องของบุชเชอร์ด้วย จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมร้านนี้จึงชื่อว่า บุชเชอร์สาว ไม่เพียงเท่านั้นหลังจากนำเข้าชิ้นเนื้อ เมื่อมีองค์ความรู้เธอจึงเปิดโรงงานแปรรูปซากวัวของตัวเอง และแน่นอนว่าเธออยากโชว์เคสให้คนเข้าใจเรื่องเนื้อวัว เธอจึงเปิดร้าน Lady Butcher ขึ้นมา แรกเริ่มจะเป็นเพียงที่เวิร์กช็อปให้กับลูกค้าและคนที่สนใจเรื่องเนื้อวัว แต่ในที่สุดก็ปรับกลายเป็นร้านอาหารให้เข้าใจผ่านการกินไปเลย

ณัฐ-ณัฐธิดา หนูอินทร์ เจ้าของร้าน

คุณณัฐ เล่าว่าร้านของเธอเด่นเรื่องเนื้อวัวนำเข้าและเนื้อวัวดรายเอจ (Dry Aged) เราขอบอกแทนเธอว่าร้านเธอมีชนิดของเนื้อวัวมากที่สุดในย่านนี้ หรืออาจจะมามากกว่าร้านในกรุงเทพฯ ด้วยซ้ำ ที่นี่มีทั้ง US Prime, Australian Black Angus, Australian Charolais, Japanese Kampo, Japanese Hokkaido, Spanish Rubia Gallega, Poland Roja, German Bavarian, French Charolais และ French Semental ที่สำคัญเนื้อวัวแต่ละชนิดก็ยังมีชิ้นเนื้อที่แตกต่างกันให้เลือกตามความชอบ แน่นอนว่ามีเนื้อวัวไทยด้วยแต่เป็นเพียงตัวเลือก เนื่องจากราคาค่อนข้างสูง 

นอกจากนี้คุณณัฐยังเป็นหนึ่งในผู้นำเทรนด์เรื่องการคัตติ้งชิ้นเนื้อที่แปลกๆ เธอบอกว่าเธอคือคนแรกๆ ที่แนะนำเนื้อวัวโทมาฮอว์กให้เป็นที่รู้จัก เช่นเดียวกันตอนนี้เธอเริ่มแนะนำเนื้อหมูโทมาฮอว์ก และหลายที่ก็เริ่มนำเอามาใช้กันแล้ว นอกจากนี้ยังแนะนำ Oyster Blade Bone in เมื่อ 2-3 ปีก่อน เธอบอกว่าเทรนด์เปลี่ยนเราต้องเป็นผู้นำ

มากันที่เนื้อดรายเอจ หลายคนอาจจะสงสัยว่าเราดรายเอจกันทำไม ส่วนหนึ่งเป็นการเก็บรักษาชิ้นเนื้อ อีกส่วนคือการเพิ่มกลิ่นรสให้กับชิ้นเนื้อ แน่นอนว่าการดรายเอจทำให้ชิ้นเนื้อเล็กและเบาลงเนื่องจากสูญเสียน้ำออกไป โดยปกติการดรายเอจจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน โดยนำเอาชิ้นเนื้อส่วนต่างๆ ที่ยังติดกระดูกเข้าไปดรายเอจเนื่องจากจะทำให้เนื้อไม่แห้งมากและได้รสชาติจากกระดูกด้วย โดยดรายเอจที่ 2-4 องศาเซลเซียส มีแสงยูวีคอยฆ่าเชื้อ และรองด้วยแผ่นเกลือหิมาลายัน ซึ่งเมื่อดรายเอจออกมาก็จะได้เนื้อที่มีกลิ่นรสที่ว่ากันว่าดีขึ้น แน่นอนว่าที่ Lady Butcher ทำดรายเอจมากกว่านั้น มีบางชิ้นดรายเอจไว้นานถึง 1 ปี ซึ่งคุณณัฐบอกว่าไม่เหมาะกับทำสเต็กแต่เหมาะสำหรับทำเป็นโคลด์คัต 

70% ของเนื้อวัวที่ Lady Butcher จึงเป็นเนื้อที่ผ่านการดรายเอจ โดยเฉพาะเนื้อวัวจากฝั่งยุโรปที่ดรายเอจทั้งหมด ส่วนเนื้อวัวจากออสเตรเลียมีทั้งที่เป็นเนื้อสดและดรายเอจ และเนื้อว้วจากญี่ปุ่นไม่ดรายเอจเลยเนื่องจากแช่แข็งมาแล้ว สิ่งที่จะได้จากดรายเอจก็คือ กลิ่นของวัวแต่ละชนิด เหมือนไวน์ที่หมักในถังสแตนเลสกับถังโอ๊คก็ให้รสต่างกัน

หลังจากได้เนื้อที่ผ่านการบ่ม หรือดรายเอจ มาไม่ต่ำกว่า 30 วัน ที่นี่จะนำเอาเนื้อวัวมาบุชเชอร์วันต่อวัว โดยไม่ได้หมัก เพียงแค่ปรุงรสด้วยน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น เกลือ และพริกไทย ย่างบนเตาถ่านที่ใช้ไม้มะขามหวานจากเพชรบูรณ์ ไม้เนื้อแข็งที่ให้ไฟและความร้อนที่ยาวนาน ให้สุกตามที่ลูกค้าต้องการ 

นอกจากนี้ Lady Butcher ยังเปรียบได้กับร้านอาหารที่ใช้เป็นที่แสดงฝีมือของเชฟที่ไม่มีร้านของตัวเอง ก่อนหน้านี้ที่นี่เคยเป็นพื้นที่ให้เชฟผู้เข้าร่วมการแข่งขันจาก Top Chef Thailand มาทำดินเนอร์มื้อพิเศษถึง 2 ครั้ง และเร็วๆ นี้ คุณณัฐได้ชวนน้องๆ จาก Masterchef Junior Thailand ซีซั่น 1 มาทำอาหารให้ผู้ใหญ่กินในวันที่ 16-17 พฤศจิกายนนี้

ใครยังไม่ได้กินเนื้อวัวดรายเอจของ Lady Butcher แนะนำว่าคุ้มค่าที่จะขับรถออกนอกเมืองเพื่อไปกินสเต็กเนื้อดีๆ ของที่นี่ คุณณัฐยังฝากบอกมาว่า เร็วๆ นี้ เธอเตรียมทำแบรนด์ใหม่ Lady Butcher Burger ซึ่งน่าจะเปิดประมาณปีหน้าด้วย

Fact Box

  • Lady Butcher ซอยสมหวัง อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เปิดบริการ 10.00-23.00 น. โทร.099-646-9365 www.facebook.com/LadyButcher.bangbuathong/ 

 

Tags: ,