จากที่ศิลปินเกาหลีใต้ถูกแบนในจีนมาพักใหญ่ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา ยุนอา (Yoona) สมาชิกวงเกิร์ลเจเนอเรชั่น ฮยอนอา (Hyuna) และคิมฮีชอล (Kim Heechul) สมาชิกวงซูเปอร์จูเนียร์ ก็ได้ไปเดินพรมแดงงานนิตยสาร 时尚COSMOPOLITAN ในงาน COSMO Glam Night 2019 ซึ่งเป็นหนึ่งในนิตยสารรายใหญ่ของจีน นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ที่ศิลปินจากเกาหลีใต้ได้ปรากฏตัวบนหน้าสื่อจีนอย่างยิ่งใหญ่และเป็นทางการ

การปรากฏตัวบนพรมแดงครั้งนี้สะท้อนว่าความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างจีนและเกาหลีใต้ลดความเข้มข้นลงไปบ้างแล้ว หลังจากการตัดสินใจของเกาหลีใต้ที่อนุญาตให้สหรัฐฯ เข้ามาติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD ในประเทศตนเองเมื่อปี 2016 ได้กลายเป็นชนวนความขัดแย้ง ที่ทำให้เส้นทางขุดทองในประเทศจีนของอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้ต้องหยุดชะงักลง ประเทศจีนออกตัวแบนเกาหลีใต้อย่างเต็มรูปแบบ ศิลปินจากเกาหลีใต้ไม่สามารถปรากฏตัวบนเวทีประเทศจีนได้ตั้งแต่ตอนนั้น

THAAD คืออะไร ทำไมจึงเป็นข้อขัดแย้ง

Terminal High Altitude Area Defense หรือ THAAD คือหนึ่งในเครื่องมือป้องกันขีปนาวุธ และดักจับขีปนาวุธที่สร้างโดยสหรัฐอเมริกา โดยใช้สกัดกั้นขีปนาวุธพิสัยใกล้ และพิสัยกลาง THAAD สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธได้ในระยะ 200 กม. และระดับความสูงไม่เกิน 150 กม. นอกจากนี้ยังมีระบบสกัดกั้นขีปนาวุธจากภายนอกชั้นบรรยากาศ รวมถึงสามารถใช้ระบบการกระจายข้อมูลทางยุทธวิธีแบบร่วม (JTIDS) ผ่านอุปกรณ์บนโทรศัพท์มือถือ ระบบช่องสัญญาณภาคพื้นดินและระบบวิทยุทางอากาศ (SINCGARS) อีกด้วย

สหรัฐอเมริกาตกลงที่จะติดตั้ง Terminal High Altitude Area Defense (THAAD) ในเกาหลีในเดือนกรกฎาคม 2016 และไม่ใช่แค่เกาหลีใต้ที่ติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธนี้เท่านั้น แต่ยังมีอีกสองแห่งที่ได้รับการติดตั้ง คือเกาะกวม หรือ หรือชื่อทางการว่า ดินแดนกวมแห่งสหรัฐฯ และฮาวาย รัฐหนึ่งในสหรัฐฯ มาก่อนแล้วในปี 2007 จึงกล่าวได้ว่าเกาหลีใต้เองไม่ใช่ที่แรกที่ยินยอมให้สหรัฐฯ เข้ามาติดตั้งเครื่องดักจับขีปนาวุธครั้งนี้ เพียงแต่ในฐานะที่อุตสาหกรรมบันเทิงรวมถึงบริษัทเทคโนโลยีเกาหลีใต้ กอบโกยรายได้จากจีนไปมากมายและกำลังจะไปได้สวย การตัดสินใจครั้งนั้นจึงส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด

แม้รัฐบาลสหรัฐฯ และเกาหลีใต้กล่าวว่าระบบป้องกันขีปนาวุธนี้จะใช้เพื่อป้องกันภัยจากเกาหลีเหนือเท่านั้น แต่จีนระบุว่า THAAD สามารถใช้สอดแนมและขโมยข้อมูลของจีนได้ ทั้งยังถือเป็นภัยต่อความมั่นคงที่ร้ายแรงของชาติ โดย Lindsay Maizland นักข่าวต่างประเทศของ VOX ชี้ว่า เรื่องความมั่นคงทางทหารอาจไม่ใช่เหตุผลเดียวที่จีนใช้มาตรการตอบโต้รุนแรง แต่เพราะจีนต้องการตอกย้ำสถานะที่ยิ่งใหญ่ของประเทศตนเองในภูมิภาคเอเชีย หมายรวมถึงในโลกด้วย

‘限韩令’ ร่วมด้วยช่วยกันแบน

เมื่อรัฐบาลเกาหลีใต้บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ฝ่ายรัฐบาลจีนจึงใช้มาตรการตอบโต้ด้วยการคว่ำบาตร โดยมีคำศัพท์ที่เรียกการกระทำดังกล่าวในภาษาจีนว่า “限韩令” หรือการแช่แข็งดาราและศิลปินเกาหลี เริ่มจากอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีในเดือนตุลาคม ปี 2016 ด้วยการประกาศยกเลิกคอนเสิร์ตของนักร้องเกาหลี ยกเลิกคอนเสิร์ตทั้งหมดที่มีผู้ชมมากกว่า 10,000 คน ตามรายงานจากกระทรวงวัฒนธรรมของจีนชี้ว่าคอนเสิร์ตทั้งหมดถูกยกเลิก และไม่มีนักร้องคนใดได้แสดงตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา ในเดือนธันวาคม ปี 2017 คอนเสิร์ตใหญ่อย่าง EXO Planet #3 ของวง EXO ที่มีตารางแสดงที่สนามกีฬาโอลิมปิกหนานจิงก็ถูกประกาศยกเลิก นับเป็นการตอกย้ำว่าสถานการณ์การเมืองที่ตึงเครียดนั้นไม่สามารถผ่อนปรนได้ 

การปรากฏตัวของศิลปินเกาหลีถูกคว่ำบาตรทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นห้ามปรากฏตัวบนโทรทัศน์ของจีน โฆษณาทางโทรทัศน์ ป้ายโฆษณา หนังสือพิมพ์ ห้ามนายทุนจีนร่วมมือหรือทำสัญญากับศิลปินเกาหลี แม้กระทั่งสินค้าที่ใช้รูปดาราเกาหลีก็ต้องถูกลบออกด้วย รายการทีวีเกาหลีใต้ และมิวสิกวิดีโอ K-pop ถูกบล็อกไม่ให้สตรีมมิ่งในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่ง หากบริษัทนำเข้าฝ่าฝืนกฎด้วยการเปิดแสดงคอนเสิร์ตของดาราเกาหลี ก็จะถูกปรับเงินเป็นจำนวนมหาศาล หมายรวมถึงถูกยกเลิกใบอนุญาตหากเมินเฉยต่อคำเตือนของรัฐบาล 

ปาร์ก ชินฮี (Park Shin-hee) นักเขียนบทภาพยนตร์ชาวเกาหลีใต้กล่าวกับสำนักข่าวบีบีซีจีนว่ามีโครงการละครโทรทัศน์ร่วมกับผลิตกับบริษัทภาพยนตร์ของจีน ซึ่งบทละครเริ่มเขียนในปี 2015 ความร่วมมือดังกล่าวถูกระงับไป ต่อมาก็มีละครที่ร่วมผลิตระหว่างจีนและเกาหลีอีกหลายเรื่องที่งดการออกอากาศไป 

ไม่เพียงแต่ฝั่งรัฐบาล ฝั่งประชาชนและเอกชนส่วนหนึ่งก็คว่ำบาตรสินค้าเกาหลีด้วย ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันที่มาจากบริษัทของเกาหลี รถฮุนได (Hyundai) หรือห้างสรรพสินค้าเกาหลีชื่อดังอย่างลอตเต้ (Lotte) มีรายงานว่าบริษัททัวร์จีนงดจำหน่ายโปรแกรมทัวร์สถานที่ท่องเที่ยวในเกาหลี เกาะเชจูที่เป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน รายได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ความขัดแย้งดังกล่าวทำให้ให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้สูญเสียเงินไปหลายพันล้านดอลลาร์

วัฒนธรรมป๊อปเกาหลีดูเข้มข้นในจีน แต่อาจจะยังเจ๋งไม่มากพอ? 

เจาะตลาดจีนได้ก็เท่ากับเม็ดเงินจำนวนมหาศาล ก่อนหน้านั้นการส่งออกวัฒนธรรมเกาหลีสู่จีนนับว่าประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น ทั้งแฟชั่น เครื่องสำอาง ดนตรี รายการทีวี จนถึง อาหาร ที่ปักกิ่งและเมืองต่างๆ ในจีนมีร้านบาร์บีคิวเกาหลี และโปสเตอร์ดาราเกาหลีอยู่ทั่วไป 

ประเทศจีนถือเป็นหนึ่งในตลาดสตรีมมิ่งเพลงที่เติบโตเร็วที่สุดทั่วโลก ข้อมูลของ Forbes รายงานว่าบริษัทใหญ่อย่าง Tencent Music Entertainment (TME) ที่มีแพลตฟอร์มย่อยอีกคือ QQ Music, KUGOU Music, KUWO Music และ Wesing ที่มีผู้ใช้งานมากถึง 800 ล้านคนต่อเดือน เมื่อเทียบกับ Spotify ที่มีผู้ใช้บริการอยู่ที่ 191 ล้านคน (ข้อมูลจากไตรมาสที่สาม ปี 2018) พบว่าตลาดจีนมีพื้นที่กว้างกว่าทีเดียว โดยผู้ผลิตก็คาดหวังว่าไอดอลเชื้อชาติจีนและเพลงภาษาจีนกลางจะช่วยเพิ่มฐานแฟนคลับจากต่างประเทศได้มากขึ้น โดยเฉพาะค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง SM Entertainment ที่รุกตลาดจีนได้แบบเห็นชัดกว่าใครเพื่อน เมื่อปี 2008 ค่าย SM เปิดตัววง Super Junior-M ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของวงหลัก ที่เน้นให้ไอดอลพูดภาษาจีนกลาง ร้องเพลงภาษาจีนกลาง (M มาจาก Mandarin) ต่อมาในปี 2009 เปิดตัวกลุ่มไอดอลหญิงที่มีวิกตอเรีย (ซ่งเฉียน) หัวหน้าวง f(x) ซึ่งเป็นคนจีน

ไม่หยุดเท่านั้น ในปี 2012 ก็มีการเปิดตัววง EXO ที่แยกออกเป็นสองกลุ่มย่อย คือ EXO-K และ EXO-M โดยมีจุดประสงค์ในการโปรโมตในเกาหลีและจีนพร้อมกัน มีสมาชิกเป็นชาวจีนมากถึง 4 คน ได้แก่ อู๋อี้ฝาน (คริส) ลู่หาน จางอี้ชิง (เลย์) หวงจื่อเทา (เทา) ที่แม้ในที่สุดพวกเขาจะทยอยกันออกจากวงไป แต่ทุกคนก็ล้วนประสบความสำเร็จและมีที่ทางในวงการบันเทิงจีนอย่างงดงาม

SM ทุ่มเทเวลาหลายปีในการรุกตลาดจีน เห็นได้จากการเปิดรับเด็กฝึกจากประเทศจีนเป็นจำนวนมาก และแม้จะได้รับผลกระทบจากกระแสแบนเกาหลีของจีนแต่เดือนมกราคม ปี 2019 ก็ยังคงเปิดตัววง NCT ยูนิตใหม่ที่มีสมาชิกชาวจีน ฮ่องกง และไทย สำหรับทำกิจกรรมที่เมืองจีนเป็นหลัก โดยใช้ชื่อวงว่า Way V อยู่ภายใต้บริษัทที่ใช้ชื่อว่า LABEL V ถือเป็นความร่วมมือระหว่าง SM และบริษัทสตรีมมิ่งชื่อดังอย่าง Tencent ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น ซึ่งการร่วมมือของทั้งสองเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นจากผลกระทบทางการเมือง เพื่อให้ทำกิจกรรมในจีนได้อย่างราบรื่น อีกทั้งเพื่อขยายตลาดเพลงให้กว้างขึ้นด้วย

ไม่เพียงบริษัท SM ที่ดูตั้งใจเจาะกลุ่มแฟนคลับชาวจีน อีกค่ายใหญ่อย่าง JYP Entertainment ก็มีกลยุทธ์ด้านนี้ ในปี 2014 ก็มีการเปิดตัวสมาชิกจากวง GOT7 อย่าง แจ็คสัน หวัง ที่มีสัญชาติฮ่องกง (ภายหลังมีข้อมูลอัพเดตว่า แท้จริงแล้วพ่อกับแม่แจ็คสันเป็นชาวจีนทั้งคู่ เพียงแต่แจ็คสันเติบโตในฮ่องกง) ทั้งนี้ก็เพื่อขยายฐานแฟนคลับไปยังประเทศจีนด้วย

นอกจากไอดอลแล้ว ซีรีส์เกาหลีก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน โดยซีรีส์เกาหลีเรื่อง Uncontrollably Fond (2016) ที่นำแสดงโดยคิมวูบิน และซูจี มียอดวิวมากกว่า 4.1 พันล้านใน Youku ซึ่งถือเป็น YouTube ของจีน จนต่อมามีประกาศแฟนมีตติ้งในจีน เป็นการยืนยันความสำเร็จ แต่ภายหลังก็ถูกยกเลิกเพราะปัญหา THAAD  ไม่เพียงเท่านั้น ความนิยมของละครเรื่อง Descendants of the Sun (2016) ทำให้กระทรวงความมั่นคงของจีนถึงกับออกมาเตือนประชาชนว่า “การดูละครเรื่องนี้อาจเป็นอันตรายต่อความคิด และทำให้มีผลกระทบต่อกฎหมาย” 

อย่างไรก็ตามแม้กระแสความนิยมเกาหลีจะมีมากในจีนเพียงใด แต่เมื่อเกาหลีบรรลุข้อตกลงเรื่อง THAAD นั้น กระแสการคว่ำบาตรก็เริ่มส่งผลต่ออุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีทันที ชาวจีนอาจยังคงอินกับวัฒนธรรมป๊อปสไตล์เกาหลีใต้ แต่พวกเขาเลือกจะผลิตเองเสพเองแทน

“ไม่มีไอดอลคนใดอยู่เหนือผลประโยชน์ของชาติ”

แม้วัฒนธรรมป๊อปเกาหลีจะเหนียวแน่นในจีน ทว่าก็ยังพ่ายแพ้ต่อความเข้มข้นที่ชาวจีนมีต่อรัฐบาลตนเอง พวกเขาเชื่อมั่นและแสดงท่าทีที่เหนียวแน่นต่อรัฐบาลในการต่อต้านธุรกิจและวัฒนธรรมของเกาหลี โดยสำนักข่าวซินหัว (XinHua) สำนักข่าวซึ่งเป็นกระบอกเสียงหลักของรัฐบาลจีน ยืนยันว่ากว่าร้อยละ 80 ของประชาชนจีนสนับสนุนการแบนดาราเกาหลีในปี 2016 ชาวเน็ตหลายรายได้ย้ำถึงความรักชาติของตนเอง และเรียกร้องให้คว่ำบาตรผลิตภัณฑ์เกาหลี โดยเฉพาะบน Weibo ซึ่งเป็นเว็บไซต์บล็อกคล้ายกับ Twitter ผู้ใช้ Weibo คนหนึ่งโพสต์ว่า “ตั้งแต่วันนี้ไปจะไม่ดูละครเกาหลีแล้ว และจะคว่ำบาตรสินค้าเกาหลีด้วย” และอีกคนกล่าวว่า “ไม่มีไอดอลคนใดอยู่เหนือผลประโยชน์ของชาติ”

จากภาวะความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างเกาหลีใต้และจีนเป็นอุปสรรคในการขยายตัวของศิลปินเกาหลีในตลาดจีน ขณะเดียวกันได้เพิ่มพื้นที่ในวงการบันเทิงให้กับศิลปินจีนเอง และเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด บริษัทสื่อรายใหญ่ของจีนอย่าง iQIYI และ Tencent ซื้อลิขสิทธิ์รายการแข่งขันไอดอลชื่อดัง Produce 101 ของเกาหลี เพื่อผลิตไอดอลสัญชาติจีนเองบ้าง โดย Idol Producer รายการของ iQIYI ได้รับรายงานว่ามียอดคนร่วมโหวตมากกว่า 200 ล้านโหวต ในรอบสุดท้ายผู้ชนะอันดับหนึ่งอย่างไช่ สวีคุน (Cai Xukun) ได้รับโหวตจากผู้ชมมากถึง 70 ล้านโหวต สะท้อนความแข็งแกร่งของผู้ชมและความนิยมอย่างมาก

ทั้งนี้ประเทศจีนเองก็มีศิลปินที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอมา ไม่เพียงโด่งดังในจีนแต่ในเอเชียเองก็ได้รับความนิยมมาก เช่น Jay Chou, JJ Lin และ Jolin Tsai อีกทั้งจีนเองก็มีกลุ่มไอดอลชายที่โด่งดังจนได้รับฉายาว่าเป็นวงที่อยู่บนยอดปีรามิดบอยแบนด์ของจีนอย่าง TFBOYS ยืนยันความนิยมได้จากสมาชิกทั้ง 3 คน มีผู้ติดตามบน Weibo รวมกันมากกว่า 200 ล้านคน และติดอันดับ 100 คนดังของจีนจากการจัดอันดับของ Forbes ติดต่อกัน 4 ปีตั้งแต่ปี 2015 อีกทั้งรัฐบาลจีนเองก็สนับสนุนสมาชิกวง TFBOYS อยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากสมาชิกทั้งสามคนถือว่าเป็นกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์ ในการเสริมสร้างค่านิยมของเยาวชนที่ดีในประเทศจีน การเสื่อมความนิยมในเกาหลีก็ยิ่งสนับสนุนให้พวกเขามีฐานแฟนคลับแน่นกว่าที่เคย

อย่างไรก็ตาม ในปี 2018 ที่ผ่านมา ละครทีวี รายการเพลง และมิวสิควีดีโอของเกาหลีเริ่มได้รับการโปรโมตในบริการสตรีมจีนอีกครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น และถือว่าการแบนอุตสาหกรรมเกาหลีของจีนคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่มีศิลปินเกาหลีรายได้เดินทางไปจีนเพื่อแสดงคอนเสิร์ต จนกระทั่งในงาน Cosmo Glam Night 2019 ที่มีไอดอลเกาหลีไปเดินพรมแดง อีกทั้งงานละครร่วมทุนระหว่างเกาหลีและจีนที่เคยถูกพับเก็บไป ก็จะได้ออกอากาศในปี 2020 ด้วย เช่น Jade Lovers (อีจงซอก, เจิ้งส่วง) Time City (จางเจ๋อฮั่น, ปาร์คมินยอง) Graduation Season (เติ้งหลุน, คริสตัล)  

เป็นที่น่าสนใจว่าในอนาคต ไอดอลเกาหลีจะกลับมาทวงบัลลังก์ความปังในจีนได้หรือไม่ หลังจากที่ข้อพิพาทและสถานการณ์การเมืองเริ่มคลี่คลายลงไปแล้ว ในเมื่ออุตสาหกรรมบันเทิงจีนเองก็เริ่มเติบโตขึ้นมากกว่าเดิม อีกทั้งยังเสาะหากลยุทธิ์ใหม่อยู่เสมอ การกลับมาของกระแสเกาหลีในจีนจึงถือเป็นบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งพลังเคป๊อป ว่าจะสามารถผ่านด่านความรักชาติที่ยังคงแน่นหนาได้อีกครั้งหรือไม่

อ้างอิง : 

https://www.army-technology.com/projects/thaad/

https://www.ft.com/content/1067ceb6-aaa0-11e8-94bd-cba20d67390c

https://baike.baidu.com/item/%E9%99%90%E9%9F%A9%E4%BB%A4

https://www.bbc.com/zhongwen/simp/chinese-news-42319225

https://www.forbes.com/sites/tamarherman/2019/01/16/wayv-represents-sm-entertainments-goals-for-global-dominance-through-cultural-technology/#118885074129

https://www.forbes.com/sites/caitlinkelley/2019/02/15/sm-entertainment-tencent-music-kpop-exclusive/#77d637592382

https://radiichina.com/tfboys-to-men-pop-propaganda-and-the-growing-pains-of-chinas-biggest-boy-band/

http://www.mtv.com/news/3109825/wayv-debut-c-pop-guide/