จูลี เดลปี นักแสดง ผู้กำกับฯ และนักเขียนบทสัญชาติฝรั่งเศส-อเมริกัน คลุกคลีอยู่ในแวดวงบันเทิงมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย เนื่องจากทั้งพ่อและแม่มีอาชีพเป็นนักแสดงและผู้กำกับละครเวที เธอมีโอกาสได้เล่นละครเวทีตั้งแต่อายุ 5 ขวบ และเริ่มแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกตอนอายุ 14 ปี เรื่อง Detective (1985) ของฌอง-ลุก โกดารด์ มาแจ้งเกิดกับ Europa Europa (1990) ของอักนีซกา ฮอลลันด์ ผู้กำกับฯ ชาวโปลที่ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศ และเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลง

แต่บทบาทที่จูลีกลายเป็นที่จดจำของคนทั้งโลก คือบท ‘เซลีน’ สาวฝรั่งเศสที่พบรักกับ ‘เจสซี’ หนุ่มอเมริกันใน Before Sunrise (1995) ของริชาร์ด ลิงก์เลเทอร์

เรื่องราวชีวิตและวิถีความคิดของจูลี เดลปี ที่หล่อหลอมจากประสบการณ์การทำงานในวงการมานานกว่า 30 ปี สามารถบอกเล่าได้ด้วยภาพยนตร์ที่เธอโปรดปราน 12 เรื่อง ดังต่อไปนี้

2001: A Space Odyssey (1968 / สแตนลีย์ คูบริก)

“ฉันรักคูบริก เรื่องนี้เป็นผลงานสุดยอดหนังไซ-ไฟระดับปรมาจารย์ สไตล์ของหนังเปิดกว้าง พอจะมีพื้นที่ว่างสำหรับผู้ชมที่จะคิดตาม ฉันชอบที่มันเป็นทั้งวิทยาศาสตร์และปรัชญาในเวลาเดียวกัน เรื่องเกี่ยวกับอวกาศเป็นเหมือนการเดินทาง ฉันไม่เสพยาเสพติดหรอกนะ แต่คิดว่ามันน่าจะเป็นอะไรแบบนั้น”

Photo: Openculture.com​

 

Contempt (Le mepris / 1963 / ฌอง-ลุก โกดารด์)

“หนังเรื่องนี้ยิ่งใหญ่มากสำหรับฉัน เป็นการเล่าเรื่องราวของหนังที่แตกต่างไปจากธรรมดา จนทำให้ฉันคิดว่า เออ…อย่างนี้ก็ได้ด้วย นี่เป็นหนังเรื่องแรกของโกดารด์ที่ฉันได้ดู ก่อนจะร่วมแสดงในหนังของเขาเรื่อง Detective ตอนฉันอายุ 14”

Tess (1977 / โรมัน โปลันสกี)

Tess เป็นหนังที่สำคัญมากสำหรับฉันเรื่องหนึ่ง ฉันชอบมันตั้งแต่ยังเป็นเด็กอยู่เลย ได้ดูตั้งแต่หนังเข้าฉาย ตอนฉันอายุประมาณ 9 หรือ 10 ขวบ ความปรารถนา ความรุนแรง และความมืดหม่นของหนัง ทำให้ฉันรู้สึกทึ่งมาก”

 

The Tin Drum (Die Brechtrommel / 1979 / โฟล์เกอร์ ชเลินดอร์ฟฟ์)

“ตอนที่ดูหนังเรื่องนี้ ฉันน่าจะอายุราว 9 ขวบ มันจับใจฉันเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับวัยเด็ก และความเป็นเด็กที่ไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่ ตลกที่เรื่องแบบนั้นก็เคยเกิดขึ้นกับฉันด้วย ฉันแทบไม่โตขึ้นเลยจนถึงอายุ 13 เป็นเด็กที่ตัวเล็กที่สุดในชั้นเรียน จนต้องไปรับการบำบัดที่อังกฤษ หมอที่นั่นบอกว่าฉันมีปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมน ใครจะรู้ว่าร่างกายคนเราเต็มไปด้วยความลึกลับขนาดนี้ สองเดือนหลังจากการบำบัด ฉันก็เติบโตตามปกติ”

Photo: Los Angeles Times​

 

West Side Story (1961 / โรเบิร์ต ไวส์)

“ตอนเป็นเด็ก ฉันรักหนังเรื่องนี้มาก ฉันชอบตรงความเป็นมิวสิคัล ชอบตรงเรื่องราวของมัน คล้ายๆ กับ ‘โรเมโอกับจูเลียต’ ที่ฉันประทับใจ ฉันดูหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ เป็นโรงจอพาโนรามาซึ่งตอนนั้นมีขนาดใหญ่ที่สุดในปารีส มันเป็นหนังฮอลลีวูดที่แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ หนังถ่ายทำในนิวยอร์กจริงๆ และไม่ใช่แค่ถ่ายกันในสตูดิโอ น่าทึ่งมากสำหรับยุคนั้น เพราะ West Side Story นี่ละที่ทำให้ฉันอยากไปอเมริกา พอได้เงินจากงานแสดงเรื่อง Beatrice (1987) ฉันก็ซื้อตั๋วไปเลย ฉันรักนิวยอร์ก”

The Rules of the Game (La regle du jeu / 1939 / ฌอง เรอนัวร์)

“หนังเรื่องนี้ฉันมาค้นพบตอนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ตอนนี้มันเป็นหนังในดวงใจของฉันเรื่องหนึ่ง และเป็นหนังที่สุดยอดในทุกด้าน งดงามจริงๆ มีหนังอีกหลายเรื่องมากที่ดึงดูดให้ฉันเข้าโรงหนัง รวมทั้งทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลง แม้ว่าฉันจะไม่ค่อยได้อ่านหนังสือมากเท่าที่ควร แต่ฉันก็เข้าโรงหนังบ่อยมาก เหมือนเป็นการทดแทน”

 

Starship Troopers (1997 / พอล เวอร์โฮเวน)

“เรื่องนี้เป็นหนังที่ฉันนั่งดูกับเพื่อนผู้หญิงขี้ยาอย่างสนุกสนาน แล้วฉันจะดื่มไวน์สักแก้ว ในค่ำคืนแบบนี้เรายังต่อด้วยเรื่อง Galaxy Quest ทั้งสองเรื่องเป็นหนังไซ-ไฟที่สนุกสุดยอดจริงๆ”

2 Days in Paris (2007 / จูลี เดลปี)

“ในที่สุดฉันก็สามารถกำกับหนังได้ และมันทำให้ทิศทางชีวิตของฉันเปลี่ยนไปด้วย แม่ของฉันก็แสดงในหนังเรื่องนี้ หลังจากนั้นไม่นาน แม่ก็เสียชีวิต มันเป็นหนังเรื่องเดียวที่ฉันมีแม่ในความทรงจำตลอดไป เป็นอะไรที่งดงามมาก”

Before Sunrise (1995 / ริชาร์ด ลิงก์เลเทอร์)

“หนังเรื่องนี้มีความหมายกับฉันมากทีเดียว เพราะฉันมีส่วนร่วมในการเขียนบทส่วนใหญ่ มันช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ฉันเต็มๆ แม้ว่าจะไม่มีชื่อของฉันในฐานะคนเขียนบทก็ตาม เป็นความรู้สึกปลื้มอย่างบอกไม่ถูกที่หลายคนชอบในสิ่งที่ฉันเขียน ผิดกับหนังเรื่องอื่นๆ ที่ฉันเคยร่วมงานด้วย”

Photo: Berlin Film Journal​

 

Scenes from a Marriage (1973 / อิงมาร์ เบิร์กแมน)

“เป็นหนังที่ฉันสามารถดูซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไม่รู้สึกเบื่อเลย จับใจกับเรื่องความเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ ฉันคิดว่ามันเป็นหนังที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยทำเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ หนังเรื่องต่อไปของฉัน (Lolo) ก็จะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์เหมือนกัน ต่างกันตรงที่จะมีความเป็นมนุษย์น้อยหน่อย”

 

It’s a Wonderful Life (1946 / แฟรงก์ คาปรา)

“ฉันร้องไห้ตลอดทั้งเรื่อง ทั้งๆ ที่เป็นหนังงดงามเรื่องหนึ่ง เล่าเรื่องของชายคนหนึ่งที่ถูกสังคมทำร้ายจนยับเยิน ฉันเคยให้ลูกชายของฉันดู แต่เขากลับบอกว่ามันน่าเบื่อ ตอนนี้เลโอ (ลูกชาย) อายุ 8 ขวบแล้ว เขาชอบหนังของฌอง คอคโต เรื่อง La Belle et la Bete (โฉมงามกับเจ้าชายอสูร) ฉันคิดว่าเขาคงยังไม่เข้าใจปัญหาสังคมว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงต่อสู้เพื่อคนจน ฉันพยายามอธิบายให้เขาฟังว่าทุกวันนี้ยังมีคนอีกมากที่ยากจน ไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง ซึ่งเขาก็เห็นจากพ่อของฉันที่ใช้ชีวิตอยู่ในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ เราเองก็มีบ้านหลังเล็กๆ เหมือนกัน แต่เรามีสวนที่สวยมาก อยู่ในย่านที่ดีของลอสแอนเจลิส”

Bananas (1971 / วูดดี อัลเลน)

“ฉันชอบหนังของวูดดีไม่กี่เรื่อง โดยเฉพาะงานเก่าๆ อย่าง Bananas, Sleeper, Love and Death และผลงานเด่นในยุคหลังๆ อย่าง Husbands and Wives เรื่อง Bananas เป็นหนังที่สนุกมาก ฉันเคยเจอวูดดีครั้งหนึ่ง เขาเป็นคน-อย่างที่รู้กันว่าไม่ค่อยอบอุ่นเท่าไหร่ ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะเขาไม่ค่อยชอบผู้คน ซึ่งฉันเข้าใจดี ฉันเองก็ไม่ค่อยชอบสังคมกับผู้คนเท่าไหร่นัก เวลาฉันถูกทักและชวนคุยในงานปาร์ตี้ ฉันมักจะวางตัวไม่ถูก”

Photo: Senscritique.com​

 

อ้างอิง:
https://de.wikipedia.org/wiki/Julie_Delpy
นิตยสาร Stern
Photo: REUTERS/Mario Anzuoni

 

FACT BOX:

หนังเรื่องที่จูลี เดลปี เกลียด คือ Forrest Gump เพราะว่า “เขาเป็นผู้ชายที่โง่ แต่ประสบความสำเร็จ”

Tags: , , ,