ถ้าเรียกสาวน้อยวัย 17 ปีคนนี้ว่า ‘เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ’ อาจจะไม่คุ้นเท่า ‘เจนนิษฐ์ BNK48’ นามสกุล BNK48 ของเธอ-ต่อให้คุณไม่ใช่ ‘โอตะ’ ก็น่าจะเคยได้ยินเพลงฟังง่ายอย่าง ‘คุกกี้เสี่ยงทาย’ ที่ความน่ารักสดใสของเพลงนี้ทำให้คนรู้จักสาวๆ วงนี้ในวงกว้างขึ้น

แต่สิ่งที่ทำให้เจนนิษฐ์น่าสนใจมากไปกว่าที่เห็นในเอ็มวีและสื่ออื่นๆ ก็คือข้อความต่างๆ ที่เธอโพสต์ในแฟนเพจและไลฟ์ผ่าน IG Stories ซึ่งนอกจากจะอัปเดตเรื่องงานและเล่าเรื่องส่วนตัวแล้ว หลายครั้งเธอยังใช้พื้นที่เหล่านี้ในการสนับสนุนการใช้ภาษาให้ถูกต้อง ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ในยุคที่ไม่ว่าเด็กๆ วัยเดียวกับเธอหรือผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยใช้ภาษาได้ชวนปวดหัวทีเดียว

ก่อนหน้าที่จะพบกับเจนนิษฐ์ มีคนเตือนไว้ว่า ระวังได้คุยด้วยแล้วจะโดนเธอ ‘ตก’ โดยไม่รู้ตัว และไม่แน่ว่าคุณก็อาจเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

และหากบังเอิญมีคำผิดในบทสัมภาษณ์นี้ เราก็เชื่ออีกว่า เจนนิษฐ์จะต้องสังเกตเห็นแน่นอน

ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้วตอนอายุ 16 อะไรคือเหตุผลที่เจนนิษฐ์อยากมาออดิชั่น BNK48

หนูชอบร้อง ชอบเต้นมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เรียนเต้นมาตั้งแต่เด็ก เริ่มจากเรียนบัลเลต์ตอน 5 ขวบ แล้วก็มาเรียนสตรีทแจ๊ซ ตามด้วยฮิปฮอป แล้วก็ติ่งไอดอลทุกประเทศ หนูดูแล้วชอบ ก็อยากจะเป็นแบบเขา อยากจะไปอยู่บนเวทีแบบนั้นบ้าง

ตอนที่สมัคร มั่นใจในตัวเองมากน้อยแค่ไหน

ตอนที่สมัคร หนูยังไม่แน่ใจว่าจะติดหรือเปล่า แต่ว่าหนูลาออกจากโรงเรียนแล้ว เพราะคิดเผื่อไว้แล้วว่าถ้าออดิชั่นรอบนี้แล้วไม่ติด ก็จะรอออดิชั่นรอบต่อไปอีก เลยลาออกจากโรงเรียนไทยมาเรียนโรงเรียนอินเตอร์ฯ เพื่อให้มีเวลาว่างมากขึ้น แล้วก็คิดไว้ว่าถ้าไม่ได้รอบนี้ ก็จะเอาเวลาที่เหลือไปเรียนเต้น ไปเรียนร้องเพลงเพิ่ม จะได้ลองให้สุด ไม่อยากลองแบบครึ่งๆ กลางๆ

เรื่องนี้คุณพ่อคุณแม่ว่าอย่างไรบ้าง

ก่อนหน้านี้หนูเคยขอไปออดิชั่นที่เขามาเปิดหาเด็กไปเทรนที่ต่างประเทศอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่แบบนั้นต้องไปอยู่ต่างประเทศ ซึ่งป๊ากับแม่ก็เป็นห่วง แต่วง BNK48 มาทำงานที่ไทย มาปักหลักอยู่ที่ไทย ป๊ากับแม่รู้สึกว่ายังอยู่ในสายตาก็เลยยอม แล้วแม่ก็รู้ว่าหนูชอบทางนี้ ก็เลยไม่ได้ห้ามอะไร

อย่างเรื่องย้ายโรงเรียนก็เป็นแม่นี่แหละค่ะที่เป็นคนบอกว่าย้ายโรงเรียนไหม แล้วก็จัดการหาโรงเรียนให้เรียบร้อยเลย สนับสนุนเต็มที่

พอรู้ผลว่าออดิชั่นผ่าน นอกจากดีใจแล้วเจนนิษฐ์รู้สึกอย่างไรอีก

ตอนนั้นดีใจส่วนหนึ่ง เครียดส่วนหนึ่งค่ะ เพราะว่าต้องรีบจัดการชีวิตให้เรียบร้อย รู้ว่าเดี๋ยวจะต้องซ้อมหนัก ก็เลยรีบอ่านหนังสือ รีบสอบ จะได้มีเวลาพัก แล้วเอาช่วงที่พักระยะเวลาหนึ่งมาซ้อม เพราะว่าช่วงปรับพื้นฐานเป็นช่วงที่ต้องซ้อมหนักหน่อย

เมื่อได้เป็นหนึ่งใน BNK48 ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปมากไหม

แน่นอนว่าหนูกลายเป็นคนที่อัปโซเชียลถี่มาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี่แทบจะไม่ลงหน้าตัวเองเลย เมื่อก่อนนี่หนูไม่เซลฟี่เลยนะ ลงรูปใน IG ประมาณเดือนละครั้ง สองครั้ง เดี๋ยวนี้ต้องลงทุกวัน จากที่ไม่เคยเซลฟี่ก็ต้องเซลฟี่เป็นแล้วล่ะ บางทีถ้าโชคดี ถ่ายแล้วก็ใช้รูปได้เลย แต่บางทีก็ต้อง 2-3 รูป ขึ้นอยู่กับคอนดิชั่นหน้าในวันนั้นด้วยค่ะ (หัวเราะ)

ที่เปลี่ยนอีกอย่างก็คือเวลาในชีวิต จากที่ตื่นเช้าไปโรงเรียนแล้วก็นอนเร็ว บางวันเราก็จะตื่นสายกว่าเดิม ออกไปทำงาน แล้วก็กลับดึกแทน นอนดึกขึ้น เพราะมีกิจกรรมที่ต้องทำเยอะขึ้น

อ่านแคปชั่นในโซเชียลมีเดียของเจนนิษฐ์ ทำไมถึงมีภาษาไทยตามด้วยภาษาอังกฤษเกือบทุกโพสต์

หนูชอบเรื่องภาษาอยู่แล้ว ชอบมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่ที่เพชรบุรี อย่างภาษาอังกฤษ แม่จ้าง teacher ที่เป็นฝรั่งมาสอนตัวต่อตัว ก็เลยติดมาตั้งแต่ตอนนั้นว่าถ้าอยากได้ภาษาอังกฤษก็ให้พยายามพูดไปเลย ทำไมจะต้องอาย

แล้วหนูก็มองว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เราต้องใช้บ่อย รองลงมาจากภาษาไทย ไปไหนตอนนี้ก็มีแต่ภาษาอังกฤษ รู้สึกว่ามันมีประโยชน์มากทั้งในการทำงานและการเรียน แล้วหนูติดซีรีส์ด้วย แม่จะชอบเปิดซีรีส์ฝรั่งอย่าง CSI กับ NCIS ซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนนี่หนูจะชอบมาก แล้วแม่จะไม่เปิดพากย์ไทย เปิดเสียงเป็นซาวนด์แทร็กแล้วก็ดูซับไตเติ้ลเอา หนูก็เลยชินกับภาษาอังกฤษไปโดยปริยาย

แต่ก่อนหนูเคยโพสต์สามภาษา ทั้งไทย อังกฤษ และญี่ปุ่น แล้วมันเกินลิมิตตัวอักษร (หัวเราะ) คือภาษาไทยก็ยาวแล้ว หนูเคยลงไปสองภาษา แล้วก็งงว่าทำไมมันโพสต์ต่อไม่ได้…อ่อ สรุปเกินลิมิต ก็เลยได้แค่สองภาษา

ก็มีหลายคนบอกนะคะว่าชอบมากเลยที่หนูอัปเดตเฟซบุ๊ก เหมือนมีเพื่อนมาคุยด้วยเลย อัปเยอะๆ นะ เอ่อ…หนูว่าแค่นี้ก็เยอะแล้วนะคะ (หัวเราะ)

เวลาโพสต์อะไรยาวๆ นี่ต้องพิสูจน์อักษรสิ่งที่ตัวเองพิมพ์ก่อนที่จะกดโพสต์ด้วยไหม

พิสูจน์คร่าวๆ ค่ะ ถ้ายาวหน่อยก็จะดูอีกทีก่อนโพสต์ แต่ส่วนใหญ่หนูจะดูตั้งแต่ตอนพิมพ์แล้ว จะตั้งใจพิมพ์ไม่ให้ผิด แต่บางทีก็มีพลาดบ้าง ตัวสองตัว

เวลาสะกดผิด พิมพ์ผิดล่ะ มีแฟนคลับทักบ้างไหม

มีค่ะ เราจะขอบคุณเขา แล้วก็ไปแก้ เพราะหนูก็เคยบอกเองว่า ถ้าหนูพิมพ์ผิดก็มาบอกด้วยนะคะ เผื่อบางครั้งที่หนูใช้ผิดจริงๆ อย่างภาษาต่างประเทศ ล่าสุดก็มีนะคะ ลืมเติม s ก็มีคนบอก

ชอบโพสต์อะไรยาวๆ แบบนี้ เดาว่าเจนนิษฐ์น่าจะเป็นคนชอบเขียนหนังสือ

จริงๆ เป็นคนชอบอ่านค่ะ แล้วก็ชอบเขียนมากกว่าชอบพิมพ์ คือหนูไม่ได้เขียนไดอารี่อะไรอย่างนั้น แต่หนูจะโน้ตทุกอย่าง อะไรที่ต้องซื้อ อะไรที่ต้องทำ จะโน้ตไว้หมด สมุดโน้ตหนูจะเยอะมากๆ เพราะแยกย่อยตามเรื่องที่ต้องทำ เล่มนี้คือของที่อยากได้ เล่มนี้คือของที่ต้องซื้อ เล่มนี้คือของที่ต้องโอนเงินให้ เล่มนี้เป็นแพลนเนอร์เรื่องงาน BNK เล่มนี้เป็นแพลนเนอร์เรื่องเรียน ต้องแยกเป็นเล่มๆ เพราะว่าเขียนเยอะทุกเล่ม

สมุดโน้ตเยอะแบบนี้ เวลาไปไหนมาไหน กระเป๋าน่าจะต้อง—

หนักค่ะ (หัวเราะ) หนูเป็นพวกพกทุกอย่าง เป็นบ้าหอบฟาง คนมายืมอะไรมีหมดเลย อย่างเวลาไปทำงานหนูจะมีเครื่องสำอางของหนูทุกอย่าง แบกเป็นกระเป๋าเครื่องสำอางเลย แล้วก็มีเครื่องเขียน มีสมุดโน้ต สมุดจดงาน ใบเช็กชื่อของ BNK แล้วก็มีกล่องอุปกรณ์ที่เหมือนกล่องปฐมพยาบาล มีพลาสเตอร์ มีกรรไกรตัดเล็บ มีหมดเลย สมมติว่าถ้าตอนนั้นใครท้องอืด หนูก็มียา ใครท้องเสีย หนูก็มียา แก้แพ้ แก้ปวดหนูก็มี ทุกคนก็งงว่าหนูแบกไปได้ยังไง หนูก็บอกว่าก็มันต้องใช้

ถ้าเกิดเป็นงานที่เราต้องรอทั้งวัน หนูก็จะมีผ้าไปอีกผืน เพราะว่าคนมันเยอะ เก้าอี้ไม่พออยู่แล้ว หนูก็เอาผ้าไปปูที่พื้น แล้วก็วางๆๆ ของ จองพื้นที่

ที่บอกว่าชอบอ่านหนังสือ ชอบอ่านแนวไหน

อ่านทุกแนวเลยค่ะ ตอนเด็กๆ ก็จะชอบอ่านพวกการ์ตูนชุดวิทยาศาสตร์ฉลาดรู้ พอโตมาหน่อยก็จะอ่านนิยายที่ไม่ต้องมีการ์ตูนแล้ว แรกๆ จะอ่านโรแมนติกคอเมดี้ สักพักหนึ่งเริ่มมาเป็นสยองขวัญ ตอนนี้ก็เริ่มมาแนวปรัชญา การ์ตูนมังงะก็ยังอ่านอยู่ ตอนนี้ที่ติดตามอยู่เป็นการ์ตูนสยองขวัญ ต้องตามล่าหาร่างที่หายไปในโรงเรียน สนุกมาก

นักเขียนเรื่องแนวสยองขวัญคนไหนที่เจนนิษฐ์ติดตามเป็นพิเศษ

ถ้าเป็นนักเขียนนิยาย หนูจะอ่านนิยายสยองขวัญของคุณภาคินัย (ภาคินัย กสิรักษ์) เพราะมีวันหนึ่งเดินไปที่ร้านแล้วเห็นหน้าปกมันเตะตา เป็นรูปหน้ากากของญี่ปุ่นที่เอาไว้เล่นละคร แสดงละคร แต่ว่าเป็นศพ หนูก็สงสัยว่าคืออะไร เลยไปเปิดอ่าน 2-3 หน้า สรุปซื้อค่ะ เสร็จแล้วก็มีอีกสิบเล่มตามมา

หนูชอบแนวที่อ่านแล้วต้องคิดว่าใครเป็นฆาตกร ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ จะชอบอ่านพวกสืบสวนสอบสวนที่ตอนจบมักจะพลิกล็อกมาก เพราะถ้าอ่านไปแล้วเราเดาได้ มันก็จะไม่สนุกใช่ไหมคะ

ถ้าเป็นมังงะ อย่างของอาจารย์จุนจิ อิโต้ นี่มีหมดเลยค่ะ คลังสยองนี่มาหมด เล่มเก่าๆ ก็ไปขอซื้อจากร้านเช่าหนังสือที่ต่างจังหวัด เพราะร้านเช่าหนังสือเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีคนเข้าแล้วก็ไปขอซื้อเล่มเก่าๆ ของอาจารย์จุนจิ มา เป็นเล่มบางๆ เล่มละ 30 บาท

คลังหนังสือทั้งหมดของเจนนิษฐ์ยังอยู่ที่เพชรบุรีหรือเปล่า

ไม่ค่ะ เพราะว่าหวง ถ้าเกิดเอาไว้ที่เพชรบุรีจะไม่มีใครดูแล ก็เลยต้องเอามากรุงเทพฯ ด้วย ตอนนี้ชั้นหนังสือเต็ม กำลังจะเป็นปัญหามาก ก็เลยเตรียมโละหนังสือที่เราไม่ได้อ่านหรือหนังสือของคนอื่น นี่เลยเป็นความฝันมากว่าในอนาคตหนูจะสร้างห้องสมุดเหมือนในซีรีส์เรื่อง You Who Came From the Star ที่เป็นเรื่องโทมินจุน มนุษย์ต่างดาวน่ะค่ะ บ้านเขาจะมีบันไดลงไปแล้วก็เป็นห้องสมุด

ถ้าไม่ติดงาน เวลาว่างของเจนนิษฐ์ก็คืออ่านหนังสือเป็นหลัก

ใช่ค่ะ หนูชอบอ่านมากกว่าชอบดู เพราะว่าเวลาอ่าน เราเดินไปอ่านไปได้ แต่ถ้าดู มันต้องนั่งอยู่กับที่ ช่วงนี้งานเยอะ แต่ก็ยังอ่านเกือบทุกวัน นอกจากชอบอ่านแล้ว เคยคิดไว้ด้วยว่าถ้ามีโอกาสตอนโตก็อยากจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับแม่ เพราะรู้สึกว่าเวลาไปคุยกับคนอื่นแล้วบอกว่า แม่ฉันอย่างนั้นอย่างนี้ ทุกคนก็จะบอกว่า แม่ฉันก็เหมือนกันๆๆ เป็นจุดร่วม เคยคิดชื่อหนังสือไว้ด้วยนะคะว่า ‘แม่ฉันก็เหมือนกัน’ แบ่งเป็นตอนสั้นๆ หน้าเปิดก็จะมีชื่อบท แล้วก็มีประโยคสั้นๆ อย่างเช่น “แม่ฉันหาทุกอย่างเจอ” แล้วก็เล่าเป็นเหตุการณ์ คิดไว้แล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะได้ทำเมื่อไร

การอ่านหนังสือเยอะๆ คิดว่าช่วยอะไรในชีวิตได้บ้าง

หนูรู้สึกว่ามันทำให้ความคิดและกระบวนการคิดของเราเร็วขึ้น เวลาเราฟังอะไรที่ใช้ภาษายากๆ ถ้ามันมีคำที่เราคลิก เราก็จะเข้าใจที่เหลือเลย ความคิดมันจะมาเป็นลำดับขั้นตอนเลย แล้วการอ่านเยอะๆ มันทำให้เราใช้ภาษาถูกต้องด้วย สำนวนภาษาก็ได้จากที่เราอ่านมาตลอด

ยุคนี้เราจะเห็นการใช้ภาษาที่เป็นภาษาวิบัติอยู่บ่อยๆ เจนนิษฐ์มองเรื่องนี้ว่าอย่างไร

ไม่ใช่ว่าหนูไม่ใช้ภาษาวิบัติเลยนะคะ วิบัติมากด้วยในแชท เวลาแชทหนูก็ชอบใช้ภาษาย่อๆ เหมือนกัน อย่างคำว่า ‘อยู่’ ก็จะเป็นแค่ ‘ยุ’ อันนี้ก็คือเข้าใจกันว่าเป็นแค่ในแชทเฉยๆ แต่ถ้าเป็นเวลาที่เราพิมพ์ออกไปที่ไหน แล้วเป็นอะไรที่คนมาอ่านกันเยอะๆ จะใช้ภาษาแบบนี้ไม่ได้ ต้องปรับตามสถานการณ์ค่ะ ขึ้นอยู่กับบุคคลที่เราใช้ภาษาด้วย

อย่างถ้าเป็นโพสต์ของคนทั่วไป หนูจะไม่อะไรเท่าไร แต่ถ้าเป็นสำนักพิมพ์หรือเป็นคนที่คนหมู่มากติดตามก็น่าจะใช้ให้ถูก เพราะเขาเป็นตัวอย่างของคนที่ติดตาม อย่างเมมเบอร์ของเราก็มีคนตามเยอะ เด็กๆ ก็ตามเยอะ ก็ควรจะใช้ให้ถูกค่ะ

‘งานจับมือ’ (Handshake Event) ครั้งล่าสุดของ BNK48 ที่เพิ่งผ่านมา คำถามจากแฟนๆ ที่เจอมากที่สุดคืออะไร

งานจับมือเขาจะไม่ค่อยมาถามค่ะ เขาจะมาอึ้ง ส่วนใหญ่จะได้พูดคุยเฉยๆ แต่ถ้าเป็นคำถามก็จะเป็นคำถามว่า กินข้าวหรือยัง อันนี้บ่อยสุดเลย เขาจะเป็นห่วง เพราะว่ารอบแรกก่อนมื้อเที่ยง รอบหลังก็หลังมื้อเที่ยง เขาก็เลยจะถามว่ากินข้าวหรือยัง ระวังเป็นโรคกระเพาะ

เวลาจับมือนี่เขาจับกันแบบไหน

บางคนเขาจะยื่นอย่างนี้มา (หงายมือขึ้น) หนูก็จะทำมืออย่างนี้รออยู่ (คว่ำมือลง) บางคนเขาจะไม่กล้า หนูก็จะยื่นมือไปจับมือเขามา หรืออย่างถ้าเป็นผู้หญิงเขาจะชอบจับมือแล้วก็จะกระโดดๆ แต่เมื่อวานมีคนมาของัดข้อด้วยหลายคนเหมือนกัน หนูก็บอกว่า อย่าอ่อนให้นะ ซึ่งเขาก็ไม่ได้อ่อนให้ แต่ว่าเสมอกัน นี่คือผู้ชายนะคะ แต่เป็นเพราะว่าหนูเป็นผู้หญิงที่ออกกำลังกาย แต่เขาเป็นผู้ชายที่ไม่ได้ออกกำลังกาย ก็เลยสูสี

ในงานจับมือแต่ละครั้ง รู้สึกตื่นเต้นตรงไหน

รู้สึกตื่นเต้นตรงที่แต่ละรอบจะมีคนหน้าใหม่มาหาเราเยอะขึ้นเยอะเลย คนเดิมๆ เราก็จะจำได้ พอมีคนใหม่ๆ ที่เพิ่งมาครั้งแรก เราจะดูออกเลยว่าเขามาครั้งแรก

ดูออกได้อย่างไร

 เขาจะตื่นเต้นมาก (ทำเสียงตื่นเต้น) ไม่ก็มือเย็นมาก หนูเป็นคนมือเย็นอยู่แล้วตามปกติ แล้วไปเจอคนมือเย็นกว่า แสดงว่ามือเขาต้องเย็นแค่ไหน แล้วเขาก็จะเป็นแบบทำไงดี ทำไงดี พูดไม่ออก หนูก็จะบอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวหนูพูดเอง แล้วก็จะรัวๆๆ เพราะเวลามีค่า แล้วก็บอกเขาว่า ไม่เป็นไรนะ มาอีกบ่อยๆ จะได้หายตื่นเต้น

อย่างงานจับมือครั้งที่ผ่านมา คนใหม่ๆ เยอะมากค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง แต่ก่อนผู้ชายจะเยอะกว่า ครั้งนี้ผู้หญิงมาเยอะขึ้นเยอะเลย หน้าตาดีด้วย สวยเชียว ผู้หญิงหลายคนที่เพิ่งมาเขาบอกว่าติดตามมาจากไลฟ์ที่หนูพูดตรง หนูก็บอกว่า ขอบคุณที่ติดตามแต่หนูก็ยังมีส่วนที่หนูต้องแก้ไขอยู่นะคะ

เจนนิษฐ์มองว่าตัวเองเป็นคนพูดตรงระดับไหน

พูดตรงแบบไม่มีวาทศิลป์ จนหนูว่าจะไปหาหนังสือเรื่องนี้มาอ่านแล้วค่ะ

ถ้าให้พูดตรงๆ ถึงตัวเองล่ะ

หนูไม่อยากพูดเลย ไม่อยากให้เหมือนชมตัวเอง แต่หนูเป็นคนจริงใจนะคะ ถ้าใครจริงใจมา หนูก็ให้เต็มร้อยเลย คนที่สนิทอย่างเมมเบอร์เขาจะรู้ว่าหนูหวังดี อันนี้ต้องแก้นะ หนูก็จะบอกตรงๆ ไม่ได้บอกอ้อมๆ เพื่อถนอมน้ำใจ แต่หนูจะบอกเลย เพราะหนูอยากให้เขาดีขึ้น โดยเฉพาะเมมเบอร์เด็กๆ หนูจะสนิทกับเมมเบอร์เด็กๆ หลายคน แต่ที่อยู่ด้วยกันบ่อยก็อย่าง ‘เปี่ยม’ เพราะว่าจะเม้าธ์มอยกันเรื่องติ่งบ่อยมาก หนูก็เลยจะพูดตรงๆ ว่าอยากให้แก้ตรงนี้นะเพราะว่าอะไร ก็จะใส่เหตุผลด้วย เพราะอยากให้เขาเข้าใจ แต่ถ้าคุยกับพี่ๆ ก็จะอีกแบบหนึ่ง จะระวังหน่อยเพราะว่าเราก็เด็กกว่าเขา

ด้วยความเป็นคนพูดตรงแบบนี้ เวลาไลฟ์แต่ละครั้งต้องคิดหรือเตรียมก่อนไหมว่าจะพูดอะไรบ้าง

คิดค่ะ เพราะไม่อย่างนั้นหนูจะพูดพลาด หนูจะใช้คำพูดที่ดูรุนแรงเกินไป หนูก็เลยต้องมีสคริปต์ มีหัวข้อ เหมือนลองไลฟ์กับตัวเองก่อน พอรู้ว่าพูดเรื่องนี้แล้วตัวเองจะพูดอะไรออกมา ประโยคนี้พูดไม่ได้ก็จะห้ามตัวเอง จะเขียนไว้ว่าห้ามพูดแบบนี้นะ เพราะมันดูเสี่ยงเกินไป ต้องทำอย่างนั้นเลย

ในการเป็น BNK48 เจนนิษฐ์มองว่า เรื่องไหนยากที่สุด ระหว่างร้อง เต้น หรือสื่อสารกับแฟนๆ

น่าจะเป็นเรื่องการสื่อสารกับคนดูระหว่างการแสดง เพราะถ้าเราไม่ได้ทำให้มันออกมาจากข้างในจริงๆ เราจะส่งพลังไปไม่ถึงข้างหลัง พลังก็จะตกอยู่แค่ข้างหน้า มันจะไปไม่ถึง คนข้างหลังอาจจะไม่รู้สึกอะไรเลยเวลาดูเรา เวลาอยู่บนเวทีหนูก็เลยจะพยายามมองไปไกลๆ ด้วย

แล้วมีวิธีส่งพลังอย่างไรให้ไปถึงข้างหลัง

ต้องสนุกกับเพลงค่ะ ตามเนื้อเพลงไปเลย เราต้องรู้สึกกับเนื้อเพลงจริงๆ แล้วก็ใส่เต็มที่ เต้นเต็มที่

นอกจากจะเป็นสิ่งที่ชอบและอยากทำอยู่แล้ว มีอะไรอีกที่เจนนิษฐ์สนุกกับการเป็นหนึ่งใน BNK48

สนุกตรงที่มีคนสนุกกับเรานี่ล่ะค่ะ เขาสนุกเพราะว่าเราสนุก เราก็จะรู้สึกดีกว่าปกติ เราดีใจที่คนเขาชอบเราที่เป็นเราอย่างนี้ ทั้งที่เราแทบไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ทำในสิ่งที่เราชอบเท่านั้น แต่เขาก็มีความสุขที่เราเป็นแบบนี้

แม่กับป๊ายังพูดเลยว่า ดูสิ มีคนรักลูกเราเยอะขนาดนี้ ทั้งที่ลูกเราก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง

ช่วงนี้ BNK48 รุ่น 2 กำลังเปิดรับสมัครอยู่ ให้คำแนะนำสำหรับน้องๆ ที่สมัครปีนี้ว่าอย่างไรบ้าง

หนูเชื่อว่าถ้าถามเมมเบอร์คนอื่นด้วย ทุกคนก็จะพูดเหมือนกันว่าให้เป็นตัวของตัวเอง อย่าไปฝืนเพื่อสร้างคาแรกเตอร์ อย่าไปเลียนแบบคาแรกเตอร์ใคร ให้เป็นตัวของตัวเองแล้วเขาจะเห็นจุดนั้น จะเห็นความน่าสนใจของเรา ส่วนเรื่องความสามารถ ไม่ต้องกลัวว่าร้องไม่เป็น เต้นไม่เป็น อย่างหนูเองก็ไม่ได้ร้องเป็นขนาดนั้น เดี๋ยวก็ต้องมาฝึกกันใหม่อยู่ดี แค่แสดง passion ว่าเราชอบจริงๆ เราอยากจะทำจริงๆ เขาก็จะเห็นว่าน่าสนใจ

ถามจริงๆ เถอะ เวลามีสื่อมาสัมภาษณ์ เจนนิษฐ์คุยเก่งอย่างนี้ทุกครั้งหรือเปล่า

ก็จะเป็นอย่างนี้ล่ะค่ะ พูดเยอะอย่างนี้ ถามนิดเดียว พูดเป็นสิบเลย หนูพูดมากค่ะ วันไหนอารมณ์ดี เพื่อนก็จะบอกว่าหนูพูดไม่หยุดเลย แต่ถ้าวันไหนหนูไม่พูด ก็จะไม่พูดเลยนะคะ บางทีก็แล้วแต่อารมณ์วันนั้นด้วยค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ ถ้านัดสัมภาษณ์ นัดวันไหน หนูก็พูดค่ะ

…แล้วที่คุยกันวันนี้นี่เอาไปเขียนเป็นเล่มได้แล้วหรือเปล่าคะ

Fact Box

เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ สาว 17 ผู้สดใส ฉาดฉาน และรู้คิด มีชื่อเล่นว่า ‘กระเต็น’ แต่คนส่วนใหญ่จะรู้จักเธอในชื่อ ‘เจนนิษฐ์ BNK48’ และสำหรับฉายาของเธอในวงคือ ‘ลูกพี่’

ปัจจุบัน เจนนิษฐ์เรียนอยู่ที่ Singapore International School of Bangkok - Year 11

ผลงานเพลงในนาม BNK48: อยากจะได้พบเธอ (Aitakatta), คุกกี้เสี่ยงทาย (Koi Suru Fortune Cookie)

อยากรู้จักเธอให้มากไปกว่านี้ ติดตามได้ที่ Facebook: https://www.facebook.com/bnk48official.jennis/  และ IG: @jennis.bnk48official

Tags: , , , , ,