ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงติดอันดับโลกเสมอ  สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นตัดสินใจจบชีวิตตัวเองมักเป็นเรื่องของความเครียด ความโดดเดี่ยว ปัญหาเรื่องเงิน ความมั่นคงในชีวิต ไปจนถึงการถูกรังแกของนักเรียนนักศึกษา และผลจากโรคซึมเศร้า และช่วงปลายปี 2020 จำนวนการฆ่าตัวตายของชาวญี่ปุ่นก็พุ่งสูงอย่างน่าใจหายอีกครั้ง

ย้อนกลับไปยังการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงแรก กระทรวงสาธารณสุข แรงงานและสวัสดิการญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลน่าสนใจ เมื่ออัตราการฆ่าตัวตายของชาวญี่ปุ่นช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ลดลงเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมปี 2019 ถือเป็นสถิติที่ลดลงอย่างมาก ทั้งที่ในช่วงเวลานั้นนักวิชาการและแพทย์หลายคนได้แสดงความกังวลเมื่อประเทศอยู่ในสภาวะล็อกดาวน์ และมีไวรัสกระจายอยู่เต็มท้องถนน

เมื่อคนญี่ปุ่นถูกสั่งให้อยู่แต่ในบ้าน มนุษย์เงินเดือนชายหญิงต่างมีเวลาเหลือมากขึ้น แต่เดิมที่ต้องใช้ไปกับการเดินทางบนรถไฟแออัด เดิน หรือขับรถไปทำงาน พอไม่ต้องเดินทางรวมถึงหลายบริษัทที่ลดชั่วโมงการทำงาน เหล่าพนักงานกินเงินเดือนจึงมีเวลาเหลือมากขึ้น ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัวที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน รวมถึงเด็ก ๆ ที่ได้อยู่บ้านกับพ่อแม่เพราะทางโรงเรียนถูกสั่งให้เลื่อนเปิดการเรียนการสอน มวลความเครียดและความวิตกกังวลของชาวญี่ปุ่นจึงลดลง แต่สถานการณ์ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงแค่ช่วงแรกที่ไวรัสระบาดเท่านั้น

การทำงานที่บ้านเพราะมาตรการล็อกดาวน์ผ่อนคลายความเครียดของชาวญี่ปุ่นได้เพียงไม่นาน เมื่อสภาพเศรษฐกิจหยุดชะงัก บางคนถูกลดเงินเดือน หลายบริษัทเริ่มปลดพนักงานออก เหล่าแม่บ้านที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับสามี 24 ชั่วโมง รวมถึงโรงเรียนที่เริ่มกลับมาเปิดสอน ทั้งหมดเริ่มสร้างความเครียดให้กับชาวญี่ปุ่นอีกครั้ง โดยแต่ละช่วงวัย เพศ หรือสายอาชีพ ก็ได้รับผลกระทบที่ต่างกันไป

ผู้ชายที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ถูกลดเงินเดือนหรือถูกไล่ออกต้องเผชิญหน้ากับปัญหาค่าใช้จ่าย พนักงานหญิงจำนวนมากโดยเฉพาะพนักงานในบริษัทสายการบิน โรงแรม และห้างสรรพสินค้า ถูกไล่ออกเพราะบริษัทขาดทุนมหาศาลจนต้องลดจำนวนคน แม่บ้านที่ไม่ได้ทำงานและต้องใช้เวลาอยู่กับสามีมากขึ้นก็เริ่มเกิดปัญหา นอกจากนี้ยังมีกรณีที่แม่บ้านถูกสามีทำร้ายร่างกายเพราะความเครียดอีกหลายครัวเรือน ส่วนเด็ก ๆ ที่ต้องกลับไปเรียนอีกครั้งก็ต้องเผชิญหน้ากับการถูกรังแกจากเพื่อนร่วมชั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลว่า จำนวนคนที่ตัดสินใจทำอัตวินิบาตกรรมในช่วงเดือนตุลาคมมีทั้งหมด 2,153 ราย เป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นมาแล้วสี่เดือนติดต่อกัน หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน การฆ่าตัวตายของชาวญี่ปุ่นในปีนี้พุ่งสูงขึ้นถึง 39.9% รายงานระบุถึงเหตุผลที่ทำให้คนจำนวนมากฆ่าตัวตายว่าเป็นเพราะผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะผลกระทบทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเผยข้อมูลว่าเพศหญิงฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นถึง 82.6% ส่วนเพศชายเพิ่มขึ้น 21.3% รวมแล้วทำให้อัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในรอบ 5 ปี นอกจากนี้ กลุ่มผู้สุ่มเสี่ยงจะฆ่าตัวตายของชาวญี่ปุ่นไม่ได้จำกัดอยู่แค่กลุ่มวัยทำงานเท่านั้น เด็ก ๆ ก็อยู่ในกลุ่มสุ่มเสี่ยงด้วยเช่นกัน เมื่อโรงเรียนกลับมาเปิดการเรียนการสอนหลังจากปิดไป 3 เดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นและครูได้รับรายงานว่าพบเห็นการถูกรังแกในชั้นเรียนมากขึ้นกว่าเดิม (จากที่ปกติก็มีการรังแกกันมากอยู่แล้ว)

สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเคยเปิดเผยอัตราการฆ่าตัวตายของนักเรียนช่วงปี 1972-2013 พบว่า ในวันเปิดเรียน เด็กญี่ปุ่นอยู่ในช่วงเสี่ยงจะฆ่าตัวตายมากที่สุด โดยเฉพาะกับเด็กนักเรียนที่ถูกรังแก หรือเด็กที่ไม่สามารถทนกับความเครียดจากระบบการเรียนการสอน รวมถึงการแข่งขันเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เข้มข้น ทำให้มีนักเรียนจำนวนมากตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง กระทรวงสาธารณสุขแรงงานและสวัสดิการญี่ปุ่น ได้ออกมาแจ้งกับประชาชนว่าเมื่อพบเจอกับความเครียด โปรดอย่าเก็บไว้ลำพัง ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่หรือบอกเล่าให้คนใกล้ตัวฟังถึงสภาวะไม่ปกติทางอารมณ์ และรัฐบาลญี่ปุ่นจะเพิ่มงบประมาณไปยังศูนย์บำบัดและโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายสูงขึ้นไปกว่านี้

 

ที่มา

https://www.theguardian.com/world/2020/may/14/japan-suicides-fall-sharply-as-covid-19-lockdown-causes-shift-in-stress-factors

https://www.japantimes.co.jp/news/2020/11/11/national/japan-suicide-rise-coronavirus/

https://www.rt.com/news/506278-japan-suicides-rise-pandemic/ 

Tags: , , , , , , , , , ,