กลับมาอีกครั้งกับเทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น โดยเจแปนฟาวน์เดชั่น กรุงเทพฯ ร่วมกับโรงภาพยนตร์ในเครือเอสเอฟ ฉลองครบรอบ 133 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย พร้อมต้อนรับเดือนแห่งความรัก โดยในปีนี้เป็นการจัดเทศกาลครั้งที่ 43 แล้ว และได้คัดเลือกหนังหลากหลายประเภท รวม 14 เรื่อง ที่ล้วนแสดงถึงศิลปะ วัฒนธรรม และการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่น มาให้ได้ชมเพื่อเป็นการศึกษาและแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ภาพยนตร์แต่ละเรื่องยังแสดงถึงความโดดเด่นและความสวยงามด้านภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยเสน่ห์จนทำให้ประเทศญี่ปุ่นกลายเป็นจุดหมายในฝันของบรรดานักท่องเที่ยวทั่วโลกอีกด้วย
เริ่มต้นกันที่ภาพยนตร์เปิดเทศกาล A Banana? At This Time of Night? ภาพยนตร์คอมเมดี้ สร้างจากจากเรื่องจริงของยาสุอากิ ชิคาโนะ วัย 34 ที่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อลีบจากพันธุกรรม ร่างกายส่วนเดียวที่เขาสามารถขยับได้คือคอกับมือเท่านั้น แม้ว่าจะต้องอยู่ติดกับรถเข็น แต่เขาก็เลือกที่จะทิ้งโรงพยาบาลแล้วเลือกที่จะเอาชนะชีวิตด้วยอิสรภาพ เขาจ้างอาสาสมัครแต่ว่าก็มักเรียกร้องเอาแต่ใจจากทุกคนที่ดูแลเขา โดยเฉพาะกับทานากะ นักศึกษาแพทย์ ที่มักถูกชิคาโนะก่อกวนและชอบเรียกให้ไปซื้อกล้วยกลางดึกบ่อยครั้ง วันหนึ่งเขาตกหลุมรักแรกพบกับมิซากิ อาสาสมัครคนใหม่โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าเธอคือแฟนของทานากะ มิซากิรู้สึกรำคาญชิคาโนะ แต่ก็ค่อยๆเริ่มที่จะเรียนรู้ว่าเขาเป็นคนซื่อตรงกับตัวเองและปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม การพบกับชายคนนี้จึงเริ่มทำให้ชีวิตทุกคนเปลี่ยนไป
ภาพยนตร์ดราม่าเรื่อง ‘Bento Harassment’ เรื่องราวของคาโอริ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่พยายามดูแลฟุทาบะ ลูกสาววัยมัธยมปลายที่กำลังเข้าสู่ช่วงวัยขบถและเฉยชาต่อแม่ตัวเอง คาโอริตัดสินใจที่จะพยายามสื่อสารกับลูกสาวของเธอแต่ขณะเดียวกันก็เอาคืนไปด้วยในตัวโดยใช้กล่องข้าวเบนโตะเป็นสื่อกลาง
‘Children of the Sea’ ภาพยนตร์แอนนิเมชั่น นำเสนอเรื่องราวของรุกะ เด็กหญิงผู้มีความสามารถในการสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล วันหนึ่งเธอได้ไปที่อควาเรียมที่พ่อของเธอทำงานอยู่และพบกับเด็กผู้ชายปริศนาสองคน คืออุมิ และโซระ ซึ่งพวกเขาถูกเลี้ยงดูโดยฝูงพะยูนและมีสามารถเหมือนกับเธอทำให้เธอรู้สึกผูกพันกับเด็กทั้งสอง วันหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์ปริศนาที่ปลาทั่วโลกได้หายไปทำให้พ่อของรุกะและผู้ใหญ่คนอื่นๆ ต่างงุนงงงกับเหตุการณ์นี้ เด็ก ๆ ทั้งสามจึงร่วมมือกันออกผจญภัยไปในโลกใต้มหาสมุทร เพื่อปกป้องเหล่าสัตว์น้ำจากมหันตภัยครั้งนี้
Children of the Sea เป็นผลงานล่าสุดของ STUDIO4°C ที่กำกับโดย อายูมิ วาตานาเบะ และเพลงประกอบบรรเลงโดยโจ ฮิซาชิ นักประพันธ์ที่ได้รับรางวัลมากมายและร่วมงานกับสตูดิโอ จิบลิมาเป็นเวลานาน เนื้อเรื่องดัดแปลงจากมังงะของไดสึเกะ อิการาชิ ผู้ชนะรางวัลยอดเยี่ยมที่งานเทศกาลมีเดียอาร์ตประเทศญี่ปุ่น
‘Dance with Me’ ภาพยนตร์มิวสิคัลคอมเมดี้เรื่องราวของชิซูกะ พนักงานในบริษัทการค้าขนาดใหญ่ของโตเกียวที่แอบชอบเจ้านายของเธอ สุดสัปดาห์หนึ่งเธอพาหลานสาวไปเที่ยวงานเทศกาล โดยได้พบนักสะกดจิตในงานหลานสาวของเธอได้ลองสะกดจิตตัวเองเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการแสดงละครเพลงในโรงเรียนที่กำลังจะมาถึง แต่ปรากฏว่ากลับเป็นชิซึกะที่ถูกสะกดจิตและเธอเริ่มร้องเพลงและเต้นรำอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อใดก็ตามที่เธอได้ยินเสียงเพลงไม่ว่าจะเป็นบนท้องถนน ระหว่างการประชุม ที่ร้านอาหารหรู หรือแม้แต่เสียงโทรศัพท์มือถือ ชิซูกะต้องออกเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อหานักสะกดจิตคนนั้นให้เจอเพื่อแก้การสะกดจิตนี้โดยที่เธอร้องเพลงไปเต้นไปตลอดทาง!
‘Masquerade Hotel’ ภาพยนตร์ลึกลับ ระทึกขวัญที่เปิดตัวอันดับหนึ่งที่ญี่ปุ่น เรื่องราวของโคสุเกะ นิตตะ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ปลอมตัวเป็นพนักงานในโรงแรม Cortesia เพื่อสืบหาตัวฆาตกรต่อเนื่องซึ่งได้เบาะแสมาว่าจะก่อเหตุที่โรงแรมแห่งนี้ โดยเขาได้นาโอมิ ยามากิชิ พนักงานชั้นหนึ่งของโรงแรมมาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง แต่ก็ต้องพบกับอุปสรรคเมื่อนิตตะ ให้ความสำคัญกับการเปิดเผย ‘หน้ากาก’ ของแขกในโรงแรมและค้นหาว่าใครคือฆาตกร แต่ยามากิชิ ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและความปลอดภัยของแขก แม้ว่าความคิดเห็นของพวกเขาจะแตกต่างกัน ระหว่างการสืบสวนนิตะ และ ยามากิชิ ได้ค้นพบคุณค่าของกันและกันเมื่อเวลาผ่านไปและความเชื่อมั่นถูกสร้างขึ้นระหว่างพวกเขา ในขณะเดียวกันคดีดังกล่าวดำเนินไปอย่างรวดเร็วทำให้ตำรวจและโรงแรมต้องรีบหาตัวคนร้ายให้เจอ
นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์อีกหลากหลายรสชาติมาให้เลือกชมกันอย่างเต็มอิ่มทั้ง ภาพยนตร์มิวสิคัลดราม่า ‘Angel Sign’ ภาพยนตร์ครอบครัวเกี่ยวกับกีฬามวยปล้ำ ‘My Dad is a Heel Wrestler’ ภาพยนตร์พีเรียดคอมเมดี้เรื่องราวของขุนนางผู้ทรงอำนาจและซามุไร ‘Samurai Shifters’ และ ‘I Go Gaga, My Dear’ ภาพยนตร์สารคดีชีวิตครอบครัวที่มีแม่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ และเรื่องอื่นๆอีกหลากหลายแนว โดยภาพยนตร์ในเทศกาลจะทำให้ผู้ชมจะได้รับความสุขกับทุกเรื่องราวที่ได้เลือกสรรมาอย่างแน่นอน
เทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่นในครั้งนี้ จะจัดฉายพร้อมบทบรรยายภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ทุกเรื่อง ทุกรอบ ระหว่างวันที่ 6-17 กุมภาพันธ์ 2563 ในราคาเริ่มต้นที่ 150 บาท ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
อีกทั้งยังจะมีการจัดฉายที่จังหวัด ขอนแก่น เชียงใหม่ และภูเก็ตอีกด้วย ในราคาเริ่มต้นที่นั่งละ 100 บาท เริ่มต้นที่ขอนแก่นในระหว่างวันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2563 ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ ซีเนม่า เซ็นทรัลพลาซาขอนแก่น ตามมาด้วยเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม 2563 ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์ และปิดท้ายที่ภูเก็ตระหว่างวันที่ 6-8 มีนาคม 2563 ที่โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า ศูนย์การค้า เซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต
สนใจสามารถซื้อบัตรชมภาพยนตร์ได้ ณ จุดจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ รวมถึงสามารถซื้อบัตรชมภาพยนตร์ได้ผ่านเว็บไซต์ www.sfcinemacity.com และที่ Application: SF Cinema ได้ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านโซเชียลมีเดีย WeLoveSF หรือ #SFcinema และเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่หน้าโรงภาพยนตร์
Tags: ญี่ปุ่น, หนังญี่ปุ่น, เทศกาลภาพยนตร์ญี่ปุ่น