ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติสั่งเพิกถอนสิทธิการสมัคร นายสุรพล เกียรติไชยากร ว่าที่ ส.ส. เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้คะแนนมาเป็นอันดับที่หนึ่ง 52,165 คะแนน เป็นการชั่วคราว 1 ปีหลังจากสำนักงาน กกต. เชียงใหม่ได้พิจารณาสืบสวนการร้องเรียนที่เข้ามาแล้วพบว่าพฤติกรรมของนายสุรพล เข้าข่ายผิด พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73(2) ที่ระบุว่า

          ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนน ไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

(๒) ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือ โดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด

โดยมาจากการร้องเรียนของกลุ่มคนจอมทองและผู้รักประชาธิปไตยจอมทอง กรณีการทอดผ้าป่าในพื้นที่ของนายสุรพล เกียรติไชยากร ว่าอาจเข้าข่ายการสัญญาว่าจะให้ ตามมาตรา 73(2) พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งนายสุรพลกล่าวว่า เขาได้ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดต่อ กกต. แล้วก่อนหน้านี้ และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทอดผ้าป่าดังกล่าว เพียงแต่ถวายปัจจัยพระหนึ่งรูปเป็นจำนวนเงิน 2,000 บาทเท่านั้น และพระรูปนั้นก็ได้เข้าชี้แจงเป็นพยานต่อ กกต. พร้อมกันไปแล้วด้วย

ผลจากมติดังกล่าว ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งที่ 8 จังหวัดเชียงใหม่ โดยผู้สมัครชุดเดิมเว้นแต่นายสุรพล นอกจากนี้คะแนน 52,165 คะแนน ของนายสุรพล จะไม่นำมารวมนับเป็นคะแนนที่จะนำมาคำนวณ ส.ส. แบบปาร์ตี้ลิสต์ให้กับพรรคการเมืองอีกด้วย  ทั้งนี้ นอกจากจะระงับสิทธิการสมัครของนายสุรพลแล้ว ยังต้องดำเนินการความผิดของนายสุรพล ตามมาตรา 138 พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.

“เมื่อมีการดําเนินการตามมาตรา 132 หรือภายหลังประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง หรือรู้เห็นกับการกระทําของบุคคลอื่น ให้คณะกรรมการยื่นคําร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น

การพิจารณาของศาลฎีกาให้นําสํานวนการสืบสวนหรือไต่สวนของคณะกรรมการเป็นหลักในการพิจารณา และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ให้ศาลมีอํานาจสั่งไต่สวนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน เพิ่มเติมได้

เมื่อศาลฎีกามีคําสั่งรับคําร้องไว้พิจารณาแล้ว ถ้าผู้ถูกกล่าวหาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ผู้นั้น หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลฎีกาจะพิพากษาว่าผู้นั้นมิได้กระทําความผิด

ในกรณีที่ศาลฎีกาพิพากษาว่าบุคคลตามวรรคหนึ่งกระทําความผิดตามที่ถูกร้อง ให้ศาลฎีกาเพิกถอน สิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกต้ังของผู้นั้น และในกรณีที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้สมาชิกภาพของผู้น้ันสิ้นสุดลงนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้คณะกรรมการจัดให้มีการเลือกต้ัง แทนตําแหน่งที่ว่าง”

เพื่อพิจารณาสั่งเพิกถอนสิทธิการสมัครรับเลือกตั้ง (ใบดำ) หรือสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง ) ต่อไป

 

อ้างอิง

“https://www.matichon.co.th/politics/news_1463856

http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/833301

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/A/068/40.PDF

Tags: , , , , , ,