ชายหนุ่มมีเรื่องเล่า และมันแสนพิสดารว่าด้วยเซ็กซ์

หลังจากวันที่เขาเข้าไปสมัครเป็นผู้ช่วยจัดเก็บเอกสารของคนไข้จิตเวชในโรงพยาบาล เขาก็เฝ้าคอยจดหมายตอบรับอย่างเป็นทางการ วันแล้ววันเล่า ตู้จดหมาย ทั้งที่อยู่ใต้ตึกและในโลกออน์ไลน์ ก็ยังคงว่างเปล่า

ชายหนุ่มตัดสินใจออกเดินทางเพื่อหาความเข้าใจที่มากขึ้นในโลกของจิตเวช เขาเดินออกไปร้านขายของอุปกรณ์ทางเพศ หรือ เซ็กซ์ช็อป หวังในใจว่า คงได้เพื่อนคุยสักคนหนึ่ง

อันที่จริง ร้านขายของประเภทนี้อาจจะประดักประเดิดอยู่บ้างสำหรับสังคมไทย ความคิดเรื่องศีลธรรมอันดีงามมักทำให้เรากระมิดกระเมี้ยนที่จะพูดเรื่องเซ็กซ์อย่างเปิดเผย เซ็กซ์กลายเป็นสิ่งที่ต้องอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว ห้ามเปิดเผยในพื้นที่สาธารณะ ขณะเดียวกัน การลักลอบมิได้หมายถึงเพียงความผิดทางศีลธรรม แต่มีนัยของความรื่นรมย์แอบแฝงอยู่

ความรื่นรมย์ประเภทนี้แหละ ที่ชายหนุ่มต้องการทำความเข้าใจ

เซ็กซ์และวัตถุของความจริง

ร้านขายของอุปกรณ์ทางเพศในเบอร์ลินมีมากมาย กระจายตัวไปตามตรอกซอยในแต่ละย่าน บางแห่งตั้งใกล้ร้านขายผัก บางแห่งตั้งไม่ไกลจากย่านมหาวิทยาลัย

ร้านที่ชายหนุ่มเลือกไปนี้คือร้านริมสุสานโปรเตสแตนต์ไม่ไกลจากตึกที่เขาพักมากนัก มีชื่อในภาษาเยอรมันคือ Himmel หรือสรวงสวรรค์ มันช่างสอดคล้องกับที่ตั้งของสุสานเสียจริง

คติความเชื่อว่าด้วยโลกหลังความตายของคริสตศาสนา ก็คือการเดินทางไปสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา หรือการไปอยู่บนสวรรค์กับพระเจ้า แน่นอน ดินแดนแห่งนั้นคือความจริงทางศาสนาสำหรับผู้มีศรัทธา

ทว่า ในเมื่อไม่เคยมีใครเห็นว่าดินแดนนั้นเป็นเช่นไร เซ็กซ์อาจเป็นหนทางหนึ่งที่จะนำไปสู่สวรรค์ในโลกของความเป็นจริง

บรรยากาศในร้านไม่จำเป็นต้องบรรยาย ชายหนุ่มเห็นชายอีกคนหนึ่งเดินซื้อชุดแม่บ้านเยอรมันที่ทำจากหนังและผ้าลายตารางผสมกัน มืออีกข้างมีไม้ขนไก่สำหรับปัดฝุ่นภายในบ้าน บางคนซื้อกุญแจข้อมือ และมีหลายคนกำลังเลือกพิจารณาอวัยวะเพศเทียมหลากหลายขนาดและสีสัน

เขายิ้มให้กับคนขายซึ่งนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ เมื่อเห็นว่าปลอดคน ชายหนุ่มจึงแนะนำตัวเล่าความสนใจทางจิตวิเคราะห์ที่มีให้เขาฟัง

ชายวัยกลางคนคนนี้เป็นชาวตุรกี ทำหน้าที่ขายของในสรวงสรรค์นี้มานานมาก เขาจำปีที่มาทำงานได้ไม่แม่นยำนัก แต่ถ้าจะนับรวมเอาประเภทของตุ๊กตายางที่ร้านรับเข้ามาขายเป็นเครื่องชี้วัดความเปลี่ยนแปลงแล้ว เขาน่าจะทำงานมาไม่ต่ำกว่าสิบปี

ชายหนุ่มนั่งฟังเรื่องเล่าต่างๆ ของคนขายอยู่นาน จึงถามถึงชุดแม่บ้านเยอรมันซึ่งชายคนแรกซื้อไป

“Ach so (อัค-โซ คำอุทานติดปาก ในภาษาเยอรมัน) ชุดแม่บ้านนั่นน่ะเหรอ จริงๆ แล้วคนที่ซื้อไปเขาน่ารักมากเลยนะ” ชายคนขายบอก จากนั้นก็เล่าเรื่องให้ฟังสั้นๆ

ชุดแม่บ้านคืออุปกรณ์ทางเพศที่คล้ายกับการคอสเพลย์แบบหนึ่ง ชายที่เพิ่งซื้อชุดไปเมื่อครู่ มักเอาไปให้ผู้ขายบริการทางเพศชาวเอเชียใส่ โดยเฉพาะคนไทย เขาชอบความอ่อนโยนของคนเอเชีย เขาไม่ได้ร่วมเพศกับผู้หญิงที่ใส่ชุดนั้น เพียงต้องการนอนหนุนตักแล้วให้ผู้หญิงในชุดแม่บ้านลูบไล้ใบหน้า ถ้าให้ดีก็ต้องร้องเพลงกล่อมเด็กพื้นบ้านด้วย

“เดี๋ยวๆ ทำไม ทำไมต้องเป็นคนไทยหรือคนเอเชีย แล้วทำไมต้องนอนหนุนตัก ทำไมต้องลูบหัวและร้องเพลงกล่อมเด็ก” ชายหนุ่มสงสัยแทบทุกประโยคที่คนขายเล่า และเขาก็ได้รับคำตอบที่น่าสนใจ

ชายที่เพิ่งซื้อชุดแม่บ้านไป โตมาพร้อมกับแม่ซึ่งเชื่อในอุดมการณ์แบบสังคมนิยม อาศัยอยู่ในดินแดนที่เคยเป็นเบอร์ลินตะวันออก ช่วงเวลานั้น ความคิดเรื่องความเท่าเทียมกันทางเพศส่วนหนึ่งเกิดขึ้นผ่านลักษณะการทำงานที่ใช้แรงงานทางกาย แม่บ้านเยอรมันในยุคนั้นจึงพยายามแสดงออกถึงความแข็งแกร่งและแข็งแรงเท่าเทียมกับผู้ชาย การแสดงออกทางอารมณ์แทบจะกลายเป็นสิ่งต้องห้าม ในหลายครอบครัว เด็กจะเติบโตขึ้นมาโดยมีใบหน้าที่เรียบเฉยของแม่และระยะห่างของพ่อ เป็นเสมือนการแสดงออกซึ่งความรักในครอบครัว

ไม่แปลกที่ชายคนนั้นซื้อชุดแม่บ้านเยอรมันให้คนเอเชียใส่ เพราะเขาคิดว่าคนเอเชีย โดยเฉพาะคนไทย มีนิสัยอ่อนโยน (ตามความเชื่อของเขา) และมีความเป็นแม่ในรูปแบบที่เขาปรารถนาจะเจอ แต่ไม่เคยพบเจอ

“นี่ยังดีนะที่ซื้อชุดแม่บ้าน ผมเคยได้ยินว่าบางคนซื้อไก่” ชายคนขายบอก

“ไก่?” ชายหนุ่มถามเสียงสูง

“ใช่ ไก่ตัวเป็นๆ นี่แหละ ไม่ใช่ตุ๊กตาหรือของเล่น” เขาตอบกลับมา

บางคนซื้อบริการทางเพศแต่ไม่ได้เข้าไปร่วมเพศจริงๆ กับคน ทว่าจ้างผู้ขายบริการให้นั่งดูตัวเองมีเพศสัมพันธ์กับไก่

“ทำไมพี่รู้เรื่องมากมายขนาดนี้ มันจริงหรือว่าเป็นเรื่องแต่งเนี่ย” ชายหนุ่มทักท้วง

“ก็ผมทำหน้าที่ให้เช่าห้องบริการด้วย อยากขึ้นไปดูไหม ชั่วโมงละห้าสิบยูโรเองนะ” นั่นคือ คำตอบที่ชายหนุ่มได้รับ

‘ความจริง’ (The real) ที่มนุษย์ไม่อาจเข้าถึง

อันที่จริง คำอธิบายในเรื่องชุดแม่บ้านเยอรมัน รวมไปถึงเรื่องไก่นั้นน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะด้านหนึ่ง เรื่องทั้งสองอาจเป็นสิ่งที่รับไม่ได้และไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ในชีวิตอัน ‘ปกติ’ ของคนทั่วไป ฟังดูออกแนววิปลาสเสียด้วยซ้ำหากใช้ไม้บรรทัดทางศีลธรรมเข้าตัดสิน

ทว่าในอีกด้าน เรื่องเล่านี้สะท้อนถึงเรื่องวัตถุของความจริง (the real object) ในทัศนะของ ฌาคส์ ลากอง การมีอยู่ (presence) ของวัตถุสภาพ ประเภทชุดแม่บ้านหรือไก่ ในฐานะสิ่งที่ถูกทำให้กลายเป็นวัตถุนั้น อาจไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่ไม่ปรากฎ (absence) หรือขาดหายไป

‘ความจริง’ (the real) สำหรับลากองแล้ว เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจเข้าถึงได้ เราจึงดำรงอยู่ท่ามกลางความขาดแคลนการเข้าถึงความจริงหรือสิ่งปรารถนาที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ภายในโดยที่ไม่สามารถเข้าถึงมันได้ โดยเฉพาะความจริงในความสัมพันธ์ทางเพศ (sexual relation) ที่อาจไม่มีอยู่จริง และเราไม่อาจเข้าถึง แล้วทดแทนมันด้วยภาพเพ้อฝันหรือแฟนตาซี

ความจริงทางเพศของชายผู้ซื้อชุดแม่บ้านเยอรมัน คือการขาดแคลนความรักจากแม่ในรูปแบบที่เขาต้องการ การนอนหนุนตักให้หญิงในชุดแม่บ้านลูบหัว ลูบใบหน้า และร้องเพลง เป็นดั่งการร่วมเพศในแฟนตาซีแบบหนึ่ง อุปกรณ์ทางเพศที่ขายในร้านทั้งหมดนี้ มิใช่ภาพสะท้อนของความเพ้อฝัน หากกำลังบอกเราถึงแรงปรารถนาที่จะตรึงความจริงทางเพศให้คงหยุดกับที่เพื่อชดเชยสภาวะของความขาด

สำหรับลากองและนักจิตวิเคราะห์ ชายที่ซื้อชุดแม่บ้านไม่ใช่คนจิตเภท เนื่องจากพวกเขามีศักยภาพในการถ่ายโอนแรงปรารถนาที่ไม่สามารถเกิดขึ้นจริงได้ให้ปรากฏออกมาเป็นวัตถุสภาพ ผู้ป่วยทางจิตเภทจริงๆ แล้ว คือคนที่ไม่สามารถแปรภาพความจริงที่ไม่มีวันเข้าถึงนั้นออกมาผ่านวัตถุต่างหาก

แฟนตาซีและความเป็นจริง

ชายหนุ่มมิอาจสร้างบทสรุปหรือข้อเสนออะไรได้มากไปกว่านี้ ความต่างระหว่างเขากับชายผู้ซื้อของในร้านมีมากมาย ทั้งเชื้อชาติ การเติบโต ภาษา ตลอดจนภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ในดินแดนที่เติบโต เขาทำได้เพียงนึกถึงลากอง

ในบรรดาคนที่อ่านงานของลากอง เรื่องซึ่งถกเถียงกันอย่างมากคือ ‘ซุยซองด์’ (Jouissance) ซึ่งอาจแปลได้ว่าความรื่นรมย์ ทว่า ในความหมายของลากอง อาจตีความคำนี้ว่า ความรู้สึกอันมากล้นเกินกว่าร่างกายจะรับไว้ได้ และความรู้สึกดังกล่าวนี้ดำรงอยู่ในความจริงที่มนุษย์ไม่อาจเข้าถึง

ความเจ็บป่วยทางจิตแบบหนึ่ง ก็คือการทำงานอย่างหนักหน่วงและแปลกแยกกันระหว่างจิตใจกับร่างกาย ซุยซองด์ทำงานอย่างเงียบเชียบท่ามกลางภาพความเพ้อฝันและแรงปรารถนาที่ถูกบ่มเพาะขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นความเป็นพ่อและความเป็นแม่ในอุดมคติ ตลอดจนการเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ สิ่งเหล่านี้เป็นเสมือนปีศาจร้ายที่คุกคามและวางแนวศีลธรรมเอาไว้ภายในใจใต้สำนึกของมนุษย์

ปีศาจแห่งความรื่นรมย์นี้จะย่างกรายออกจากพรมแดนทางจิตมาคุกคามชีวิตและร่างกายของผู้ป่วย สร้างความย้อนแย้งและขัดแย้งกันระหว่างร่างกายกับจิตใจ ชายหนุ่มคิดอยู่เสมอว่าโรคซึมเศร้า (Depression) น่าจะมีลักษณะที่พอเทียบเคียงกันได้ พวกเขาไม่ได้เจ็บป่วยเพราะซึมเศร้า หากแต่ตกอยู่ในกรงขังของความรื่นรมย์ และถูกทำร้ายด้วยความรู้สึกที่มิอาจถ่ายโอนออกมาเป็นวัตถุที่สามารถทดแทนได้ต่างหาก

ความเจ็บป่วยทางจิต ด้านหนึ่งเกิดขึ้นจากการตัดขาดซุยซองด์จากความสามารถในการเชื่อมโยงตนเองอย่างเสรีกับภาพลักษณ์ (Image) ในจินตนาการ และเมื่อปราศจากภาพลักษณ์ดังกล่าวแล้ว พวกเขาก็มิอาจสร้างตัวตนของตนเองขึ้นมาได้

ภาพลักษณ์ดังกล่าว เปรียบไปก็คือ ‘ระยะกระจกเงา’ ลองคิดดูเล่นๆ ว่าหากเราส่องกระจกแล้วพบว่าไม่เห็นสิ่งใดเลย ทุกอย่างล้วนว่างเปล่า เราจะสร้าง ‘Subject’ ขึ้นมาได้อย่างไร เราอาจพบว่า ‘อุดมคติของอีโก’ กำลังชักพาเราไปอย่างไร้ทิศทาง และปราศจาก ‘อีโกในอุดมคติ’ อันเป็นเป้าหมายในการสร้างตัวตน ตัวตนของเราก็ประหนึ่งถูกฉีก รื้อ และทำลาย ด้วยแรงปรารถนาและบรรทัดฐานทางศีลธรรม แต่ไม่อาจสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้

ความเจ็บป่วยทางจิตในทัศนะของนักจิตวิเคราะห์มีลักษณะนี้ การรักษาในด้านหนึ่ง ก็คือ การสร้างวิธีการเชื่อมโยงตนเองอย่างเสรีของซุยซองด์กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราไม่จำเป็นต้องเข้าถึง ‘ความจริง’ (The real) อันเป็นตัวแทนและแกนกลางของความรู้สึกนั้น หากเราสามารถเข้าถึง ‘ความเป็นจริง’ (Reality) ผ่านวัตถุสภาพและภาพลักษณ์ต่างๆ ได้

ความเป็นจริงที่ว่านี้เอง คือสิ่งยืนยันการมีตัวตนของมนุษย์ ในลักษณะที่อาจทั้งแตกต่างและเหมือนกับคนอื่นๆ เพราะมนุษย์แต่ละกลุ่มแต่ละคนมีวิธีการเข้าถึงความเป็นจริงที่แตกต่างกันออกไป

ชายหนุ่มย้อนคิดถึงความเป็นจริงทางเพศของชายผู้ซื้อชุดแม่บ้านเยอรมันอีกครั้ง เขาสามารถเชื่อมโยงและถ่ายโอนความจริงทางเพศอันไม่มีวันเข้าถึงของเขา และเชื่อมโยงซุยซองด์ของเขาสู่สิ่งอื่น เขาตระหนักดีว่าเขาขาดอะไร และต้องการความรักแบบไหนเป็นการทดแทน ยามที่เขานอนหนุนตักหญิงในชุดแม่บ้าน เขาคือเด็กน้อยที่กำลังเติมเต็มความรักที่ขาดหาย เมื่อเขาก้าวออกไปจากห้องนั้น เขาก็คือชายหนุ่มคนหนึ่งที่อาจเดินสวนและมอบรอยยิ้มให้เราบนถนน

ภาพของแฟนตาซีที่เรามักเชื่อว่ามันคือความเพ้อฝันไร้ความจริง ถึงที่สุดมันคือความเป็นจริงรูปแบบหนึ่งที่คอยหล่อเลี้ยงให้มนุษย์มีลมหายใจอยู่ได้ มันคือสิ่งที่คอยรักษาความสมดุลระหว่างจิตใจกับร่างกาย

คนซึ่งไร้แฟนตาซีต่างหาก คือผู้ซึ่งถูกหลอกหลอนด้วยความจริงและตกอยู่ในกรงขังของซุยซองด์

ส่งท้าย

ชายหนุ่มเดินออกจากร้านขายอุปกรณ์ทางเพศ เขาข้ามถนนและเดินลัดเลาะไปในสุสานที่เขาคุ้นเคย สำหรับเขา บรรยากาศในป่าร่มคลึ้มแห่งนั้นล้วนมีซุยซองด์ตกค้างอยู่มากมาย บนสวรรค์หรือในดินแดนแห่งพันธะสัญญาคงไม่มีพื้นที่ว่างให้ความสุขทางโลก ซุยซองด์คือความรู้สึกเปี่ยมล้นในโลกสามานย์ ไม่แปลกที่ป่าช้าหรือสุสานจะมีความรู้สึกยากบรรยายทุกครั้งเมื่อย่างกรายเข้าไป

สุสานแห่งนี้ เขามักมานั่งครุ่นคิดและพักใจหลายครั้ง ปล่อยให้ซุยซองด์ที่ล่องลอยอยู่เวียนวนเข้ามาในใจ บนเก้าอี้ตัวเดิม เขานึกถึงคำถามถึงความสนใจเชิงจิตวิเคราะห์ เพราะแนวคิดนี้ถูกวิพากษ์บ่อยครั้งถึงการให้ความสำคัญกับสำนึกของปัจเจกบุคคล และไม่สามารถนำไปวิเคราะห์สังคมหรือทำความเข้าใจอะไรได้มาก

คำถามพวกนี้ไร้สาระ ความรู้สึกแวบนึงทะลักออกมาและเขาก็ไม่ปิดกั้นมันไว้ในใจ

อันที่จริง เราสามารถทำความเข้าใจปรากฏการณ์หรือปัญหาร่วมสมัยอื่นๆ ในสังคมได้ผ่านแนวคิดจิตวิเคราะห์แบบลากอง โดยเฉพาะการควบคุมความจริงและการสร้างภาพแฟนตาซีเพื่อให้เราเข้าถึงความจริงนั้น ผ่านความเป็นจริงชุดต่างๆ

ที่ผ่านมา มีงานเขียนจำนวนไม่น้อยที่อภิปรายถึงรัฐกับการสร้าง Subject ทางการเมือง (political subject) ผ่านบรรทัดฐานทางศีลธรรม (moral normativity) โดยเฉพาะในเรื่องเพศและบทบาททางเพศอย่างต่อเนื่อง ความเป็นพ่อ ความเป็นแม่ และแม้แต่การเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์แบบ ล้วนถูกจัดการด้วยความจริงโดยรัฐ และได้รับความชอบธรรมผ่านศาสนา

สิ่งเหล่านี้ดำรงอยู่ก่อนที่เราจะถือกำเนิดและถูกจับวางลงไปในกล่องอย่างสำเร็จรูป จินตนาการว่าด้วยชายในชุดผ้าเหลือง หรือสตรีในชุดขาว ล้วนเป็นแฟนตาซีของความดีที่รัฐสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดความเป็นปกติ เฉกเช่นเดียวกับความเป็นแม่ที่อ่อนโยนและความเป็นพ่อที่เมตตาอบอุ่น เหล่านี้คือซุยซองด์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เราตามหาและปรารถนาที่จะมีและเป็นในอนาคต

ในหลายๆ รัฐ จึงต้องสร้างลักษณะของความเป็นชายและหญิง หรือบทบาททางเพศที่ควรเป็น ความเป็นพ่อและความเป็นแม่กลายจึงเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าพ่อและแม่ที่มีชีวิตอยู่จริง บางรัฐจึงต้องมีพ่อ แม่ และเด็ก แห่งชาติ เพื่อย้ำให้เห็นถึงความจริงซึ่งเปี่ยมอารมณ์ความรู้สึก

ในทางตรงข้าม สำหรับคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นต่างออกไป ซุยซองด์หรือความจริงของพวกเขามิได้ถูกจำกัดเพียงแค่รัฐ หากขยายออกไปในพรมแดนของแรงปรารถนาอื่นๆ ในทัศนะของรัฐ คนพวกนี้คือคนที่จำเป็นต้องได้รับการเยียวยา เพราะไม่อาจเชื่อมโยงตนเองกับภาพแทนความจริงชุดต่างๆ ที่รัฐหยิบยื่นให้ได้ ทั้งยังรู้สึกแปลกแยกกับภาพแฟนตาซีที่รัฐสร้างขึ้น พวกเขาหาได้ไม่รักพ่อหรือแม่ หากแต่รับรู้ถึงความเป็นพ่อและความเป็นแม่ที่ต่างออกไป

ซุยซองด์ที่ต่างออกไปนี้เอง คือการเมืองของแรงปรารถนาซึ่งสร้างขึ้นมาบนฐานของการรับรู้ความจริงในลักษณะที่ต่างจากรัฐ และพยายามค้นหาการเชื่อมโยงอย่างเสรีกับภาพแทนอื่นๆ ซึ่งเข้ามาสร้างความเป็นจริงทางการเมืองในทิศทางของตนเอง ลากองทำให้เราตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงและปลดปล่อยตนเองทางการเมืองจากจิตใต้สำนึก มากกว่าความเชื่อผิดๆ ที่เน้นแต่เรื่องปัจเจคบุคคล

สังคมซึ่งถูกผูกขาดความจริงและการเข้าถึงความเป็นจริงต่างหาก คือสังคมที่สร้างให้ผู้คนเจ็บป่วยทางจิต

ชายหนุ่มลุกขึ้นและกล่าวคำอำลาเลาๆ ต่อซุยซองด์ที่แวดล้อมตัวเขา ไม่นาน กลิ่นหอมของร้านอาหารที่เขาคุ้นเคยก็ลอยผ่านกระแสลม มันคือกลิ่นไก่ย่างราคาถูกและเลิศรสของชาวตุรกี

ใช่ เขาลืมนึกถึงไก่ในฐานะวัตถุสภาพทางเพศไปเสียสนิท

Tags: , , , ,