หากศิลปะกับกาแฟเป็นสิ่งที่ต้องค่อยๆ ดื่มด่ำ ทั้งสองสิ่งก็ได้มาอยู่รวมกันอย่างลงตัวที่ INK & LION Café ในเวิ้งตรงเอกมัยซอย 2 ที่แฟนห่างๆ หลายคนอาจนึกสงสัยว่าทำไมร้านจึงเปลี่ยนการตกแต่งอยู่บ่อยๆ คำตอบก็คือ นั่นไม่ใช่เพียงการตกแต่งร้าน แต่เป็นนิทรรศการขนาดย่อมต่างหาก
ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ตัวร้านไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเป็นร้านกาแฟ แต่ยังเป็นแกลเลอรี่กลายๆ ให้ศิลปินทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ได้เวียนมาจัดแสดงผลงานกันคนละเดือนครึ่งหรือ 2 เดือน ซึ่งเป็นความตั้งใจของเจ้าของร้านทั้งสองได้แก่ ปุ้ย—นงพรรณ ตั้งทวีกูล และ เกี๊ยก—อดิเทพ พินิจภิญโญ ที่เล็งเห็นว่าพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะในเมืองไทยโดยเฉพาะที่จะเอื้อต่อศิลปินหน้าใหม่ยังมีไม่มากเท่าที่ควร จึงตั้งใจให้พื้นที่ในร้านของทั้งคู่เป็นที่สำหรับจัดนิทรรศการศิลปะไปด้วย
“ตอนที่ตัดสินใจทำคาเฟ่กัน เราก็อยากให้มีกำแพงว่างๆ ไว้แสดงงานศิลปะด้วย ซึ่งมันน่าจะเริ่มจากในสมัยก่อนที่เรารู้สึกว่า คนรุ่นใหม่หรือคนทำงานศิลปะที่ยังไม่ดังมาก ค่อนข้างจะหาที่แสดงงานยาก เลยคิดว่าถ้าเรามีพื้นที่เล็กๆ ก็อยากเปิดให้คนทั่วไปได้มีโอกาสบ้าง ตอนแรกก็เริ่มจากชวนคนรู้จักนี่แหละ หลังๆ เขาก็ค่อยบอกต่อกัน เลยมีคนอื่นเข้ามาด้วย หรือบางทีเราก็ติดต่อคนที่เราสนใจงานผ่านอินสตาแกรม” อดิเทพเล่าขณะที่เราจิบลาเต้ร้อน
ส่วนวิธีการคัดเลือกงานเข้ามาจัดแสดงภายในร้านนั้น เป็นการพิจารณาด้วยความชอบส่วนตัวของเจ้าของร้านล้วนๆ (และทั้งคู่เห็นตรงกันในแทบจะทุกครั้ง) ต่อด้วยพูดคุยกับศิลปินเพื่อให้เข้าใจทัศนคติและคอนเซปต์ของแต่ละคน อีกทั้งยังให้อิสระแก่ศิลปินในการตัดสินใจรูปแบบของการจัดวางชิ้นงาน เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ศิลปินจะต้องจ่ายเพียงค่าปรับปรุงผนังเป็นเงินไม่มากมาย ส่วนหากขายชิ้นงานได้ รายได้ทั้งหมดก็จะเป็นของศิลปิน ส่วนทางร้าน ก็ได้บรรยากาศสดใหม่จากงานศิลปะหลากแนวทางที่เวียนมาจัดแสดงในร้านทุกเดือนครึ่งหรือสองเดือน
“เราจะเลือกงานที่คนดูแล้วไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไป ให้เกิดแรงบันดาลใจกับคนที่มาดื่มกาแฟด้วย ซึ่งถ้าคาดหวังว่ามาแสดงงานแล้วจะขายได้ทั้งหมดมันก็คงยาก มันแล้วแต่ครั้งไป ก็เลยต้องให้ศิลปินเห็นภาพตรงกันก่อน กลุ่มลูกค้าเราเป็นคนดื่มกาแฟ เขาอาจจะตั้งใจมาเพื่อกาแฟไม่ได้มาดูงาน ส่วนบางคนก็ชอบงานด้วย ซึ่งเรารู้สึกว่าอย่างน้อยมันก็เป็นโอกาสให้คนได้เห็นผลงาน ซึ่งเขาจะชอบหรือไม่ชอบนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่เราจะกำหนดได้”
และด้วยความที่งานศิลปะที่จะมาอยู่ในร้านนั้นมีจำนวนไม่น้อย มันจึงมีส่วนในการกำหนดมู้ดแอนด์โทนของร้านในช่วงเวลาที่จัดแสดงอยู่มาก บรรยากาศที่ INK & LION Café จึงไม่เคยจำเจ ดึงดูดผู้คนทั้งขาประจำและหน้าใหม่ๆ เข้ามาสัมผัสกาแฟและงานศิลปะอยู่แทบจะตลอดเวลา (แต่เชื่อเถอะ ยังมีพื้นที่สำหรับคุณอยู่แน่ๆ ไม่ว่าจะเพื่อกาแฟหรือเพื่อศิลปะก็เถอะ)
“เรายินดีให้คนมาเดินดูเลยก็ได้นะ ไม่ต้องมาดื่มกาแฟ หรือถ้าที่นั่งเต็ม แค่เดินเข้ามาดูงานศิลปะก็ได้ หรือถ้าเป็นไปได้จริงๆ ก็อยากชวนให้มาในวันเปิดนิทรรศการ จะได้มาเจอศิลปินด้วย” นงพรรณเล่ายิ้มๆ
แน่นอนว่าการมาจัดแสดงผลงานที่ร้าน ไม่ใช่แค่การเอากรอบรูปมาติดบนผนัง แต่ยังต้องการการ set up สถานที่ วางแผนติดตั้งกันอย่างละเอียด ซึ่งเธอเพิ่มเติมว่า
“นานๆ ทีไง เราไม่เหนื่อยเลย ยินดีมากๆ”
ทั้งนี้ทั้งสองเจ้าของร้าน มองว่า INK & LION Café เป็นเพียงพื้นที่เล็กๆ ที่จะช่วยคนทำงานศิลปะเท่าที่ช่วยจะช่วยได้ และแม้หลายปีให้หลังสถานการณ์ทางศิลปะบ้านเราจะค่อนข้างดีขึ้น แต่ยังคงมีศิลปินอีกมากที่ต้องการพื้นที่ให้งานของพวกเขาได้ออกสู่สายตาผู้คนนอกโลกออนไลน์ด้วย
“เราว่ามันก็ยังเยอะได้อีกนะ มันสามารถอยู่ได้กับทุกๆ ที่อะ ช่วงหลังร้านเราเองก็มีกำแพงด้านนอกที่เปิดให้คนมาเพ้นท์ อย่างน้อยมันเหมือนกับว่าเขาได้ลองมั้ง ไม่งั้นมันก็อาจจะไม่ได้ลองทำอะไรดูเลย เราพยายามจะไม่ต้องมีเงื่อนไขอะไรมาก ก็รู้สึกว่าทำให้เขากล้าที่จะออกมาแสดงงานมากขึ้น จริงๆ อาจจะไม่ใช่แค่เด็กรุ่นใหม่ด้วยอะ คนที่ทำงานมานานอะไรอย่างนี้ เขาก็แบบ เอ้ย น่าสนใจ อยากลอง กลายเป็นว่าบางทีคนก็เพิ่งค้นพบว่าตัวเองทำได้ ขอให้มีสถานที่ได้ลองก่อนเถอะ”
กาแฟหมดแก้ว คุยกับเจ้าของร้านจนอิ่ม เราก็โชคดีได้พบกับศิลปินที่เคยจัดแสดงผลงานที่ INK & LION Café หนึ่งในนั้นกลายเป็นบาริสต้าของที่นี่ไปแล้ว ขณะที่อีกคนเป็นลูกค้าที่มาดื่มกาแฟยามบ่าย เราจึงถือโอกาสพูดคุยและทำความรู้จักกับศิลปินทั้งสองคนถึงงานศิลปะที่เคยมาจัดแสดง และจุดเริ่มต้นของการมาแสดงผลงานที่นี่
“คือน้องสาวเราเอางานมาทำที่ร้านนี้บ่อยๆ แล้วก็มาจนสนิทกับพี่เกี๊ยกพี่ปุ้ย เขาก็บอกเราว่ามีที่ให้แสดงงานด้วยนะ เราก็เลยมานั่งบ้าง แล้วชอบสเปซของที่นี่ แล้วเขาก็ให้โอกาส ปอม—อินธนี ธนาภิสิทธิกุล ศิลปินสาว เจ้าของผลงานภาพวาดจักรวาลและดวงดาวจากดินสอบอกกับเรา
“ก่อนหน้านั้นเราเคยไปขอแสดงงานที่ที่หนึ่ง เขาก็บอกว่ายังไม่ติดให้ ให้เขียนอีเมลไป เราก็เขียนเมลส่งไป ก็ไม่มีอะไรตอบกลับมา เราก็ทำใจอยู่นะ แต่ก็แอบเสียดายเพราะว่ามันน่าจะมีโอกาสให้คนไทยทำงานได้เยอะกว่านี้” ปอมเล่า ทั้งยังเพิ่มเติมว่า
“ที่นี่เพอร์เฟกต์มาก สำหรับงานชิ้นที่ไม่ใหญ่เกินไป เป็นสเปซที่รองรับงานได้หลายแบบ แล้วน่าอยู่น่าดู เราเองไม่ใช่ศิลปินอาชีพที่จะอยู่ได้ด้วยการขายงาน เราเป็นแบบทำงานพิเศษแล้วพอมีเงินก็เอามาวาดรูป วาดรูปเสร็จแล้วเงินหมดก็กลับไปทำงาน ดังนั้นเราจะไม่ได้มีพื้นที่แบบศิลปินขายงาน ที่เขาจะแสดงงานในแกลเลอรี่แบบจริงจังไปเลย ซึ่งก็ต้องเป็นศิลปินมีชื่อประมาณหนึ่งถึงจะได้แสดง ตรงนี้เลยเป็นที่ที่ดีมากสำหรับเรา”
ขณะที่อีกคนคือ แซน—ต่อศักดิ์ อนุทองศรีวิไล ผู้ซึ่งมาจัดแสดงผลงานเป็นคนแรกๆ ตั้งแต่ 5 ปีก่อน และตอนนี้ก็ได้กลายเป็นบาริสต้าของที่นี่ เล่าว่า
“งานเราเป็นงานสเก็ตช์ที่เราสะสมไว้พอสมควร สักปีหรือสองสามปี ก็วาดเก็บไว้เรื่อยๆ แล้วก็พอพี่เกี๊ยกสนใจงานเรา เราก็สนใจด้วย ตอนนั้นงานจะเป็นแนว character design ซึ่งจะดาร์กๆ หน่อย”
“จริงๆ ที่นี่เปิดรับทั้งงานของศิลปินหน้าเก่าและหน้าใหม่ แต่จริงๆ เราแอบเชียร์หน้าใหม่ เพราะว่าที่นี่ค่อนข้างเปิดรับงานหลากหลายแนว ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นโฟโต้หรือเพนท์ติ้งอย่างเดียว ซึ่งสเปซของที่นี่ก็กำลังดี ไม่เล็กไปแล้วก็ไม่ใหญ่เกินไปสำหรับการจัดโชว์งานแบบโซโลคนเดียว หรือจะเป็นกลุ่มแต่ชิ้นไม่เยอะมากก็แนะนำ ที่สำคัญ สำหรับศิลปินหลายคน เรื่องค่าใช้จ่ายจะเป็นปัญหา แต่การมาจัดที่นี่คืองบประมาณน้อยมาก เราแทบจะแค่พกงานเข้ามาได้เลย” แซนทิ้งท้าย
เรานั่งที่ร้านต่อสักพัก เพื่อดูงานที่จัดแสดงอยู่ มันอาจเป็นเพียงร้านกาแฟสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับอีกหลายคน ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้น เป็นก้าวแรก และสำหรับบางคนก็เหมือนเป็นการต่อลมหายใจในสิ่งที่รัก ซึ่งเมื่อมาอยู่ที่ INK & LION Café แล้ว เราพบว่าสิงโตสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันได้ดีทีเดียว
Fact Box
ร้าน INK & LION Café ตั้งอยู่ที่ 1/7 ซ.เอกมัย 2 ถ.สุขุมวิท 63 (เอกมัย) เปิดทุกวัน เวลา 09.00 - 18.00 น. ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากทางร้านได้ที่ https://www.facebook.com/inkandlioncafe/