หลังจากแผ่นดินไหวขนาด 7.5 แมกนิจูดและคลื่นยักษ์ถล่ม สุสานทางตะวันออกของเมืองปาลูกลายเป็นศูนย์รวมความโศกเศร้าของเมืองปาลู มีการขุดหลุมฝังศพขนาดใหญ่ทุกวัน ขณะที่สถานการณ์ในเมืองยังวุ่นวาย

นับจากเมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 28 กันยายาที่เริ่มมีแผ่นดินไหวและเกิดเป็นสึนามิ จนถึงเช้าวันที่ 3 ต.ค. มีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 1,407 คน ซึ่งรวมชาวต่างชาติ 120 คน และยังมีอีกจำนวนมากที่ติดค้างอยู่ในซากอาคารที่พังถล่มลงมา หรือถูกซัดพาออกไปในทะเล ประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติครั้งนี้

เจ้าหน้าที่ของรัฐกว่า 6,400 คนจากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ หน่วยกู้ภัย และกระทรวงพลังงาน ร่วมกันค้นหาผู้รอดชีวิต ค้นหาร่างผู้เสียชีวิตและอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยง ส่วนความช่วยเหลืออื่นๆ กำลังเดินทางไปถึง แต่เวลาสำหรับการค้นหาผู้รอดชีวิตกำลังหมดลงเรื่อยๆ

“ทีมงานกำลังแข่งกับเวลา เพราะตอนนี้เป็นวันที่ 4 แล้ว ตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นดินไหว” โฆษกของหน่วยงานจัดการภัยพิบัติอินโดนีเซียกล่าว

ในเมืองมีสภาพโกลาหล สะพานพัง ถนนถูกทำลาย ทำให้ยากที่จะเข้าถึงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ไฟฟ้าก็เข้าไม่ถึง ระบบการสื่อสารยังใช้การไม่ได้ บริษัทไฟฟ้ากำลังเร่งซ่อมแซม ส่วนบริษัทน้ำมันของรัฐได้ส่งน้ำมันแล้ว

เจ้าหน้าที่กู้ภัยและหน่วยงานให้ความช่วยเหลือกังวลว่า ประชาชนกว่า 280,000 คนในเมืองดองกาลาซึ่งอยู่ทางเหนือของปาลูและใกล้กับศูนย์กลางของแผ่นดินซึ่งถูกตัดขาดจะเป็นอย่างไร

เจ้าหน้าที่ของเวิลด์วิชั่น อินโดนีเซีย องค์กรที่เข้าไปช่วยเหลือบอกว่า ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยประชาชนที่รอคอยความช่วยเหลือ บนถนนของเมืองปาลู รถของหน่วยงานให้ความช่วยเหลือต้องจอดเป็นระยะเพื่อจัดข้าวของและซ่อนน้ำและน้ำมัน ท่ามกลางรายงานว่ามีการปล้นตลอดทาง รถบรรทุกที่มีน้ำมันต้องออกเดินทางเฉพาะช่วงเวลากลางคืนเพื่อไม่ให้คนมองเห็น และต้องมีตำรวจคอยรักษาความปลอดภัย

ขณะที่สนามบินปาลู มีเครื่องบินลงจอดประมาณ 20 เที่ยวบินต่อวัน ทั้งลำเลียงเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อควบคุมสถานการณ์ในเมือง และถุงใส่ศพมากกว่า 1,000 ใบ  รวมทั้งลำเลียงประชาชนที่ต้องการออกจากเมือง

ผู้รอดชีวิตส่วนหนึ่งเก็บข้าวของไปสนามบิน หวังว่าจะหนีออกไปจากความเศร้านี้ได้ คนที่เหลือต้องดูแลตัวเองเท่าที่ทำได้ ประชาชนมากกว่า 61,000 คน ต้องออกจากบ้านที่พังทลายลงและกำลังรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนต้องสับเปลี่ยนกันอยู่ในเตนท์ กินผลไม้จากต้นที่ยังไม่ตายและเสาะหาน้ำสะอาดซึ่งขาดแคลนอย่างมาก ขณะที่การจี้ ปล้น และก่ออาชญากรรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ความสิ้นหวังปรากฎอยู่ทุกที่ ในเมืองปาลู ตามท้องถนนมีการติดป้ายว่า “เราต้องการอาหาร”​ และ “เราต้องการความช่วยเหลือ” มีเด็กๆ ขอทานตามท้องถนนและรถยนต์จำนวนมากบนท้องถนนที่รอเติมน้ำมัน

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นออกอากาศภาพที่ประชาชนตะโกนใส่ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด เพื่อขอความช่วยเหลือ โฆษกของหน่วยงานด้านภัยพิบัติบอกว่า รับรู้ถึงความช่วยเหลือที่ไม่ทั่วถึง “ทุกอย่างยังคงจำกัดมาก ทั้งลอจิสติกส์ น้ำมัน เตนท์ ที่นอน ผ้าห่ม น้ำสะอาด เสื้อผ้า และอื่นๆ”

ช่วงเวลาโกลาหลยังเต็มไปด้วยความสับสนของข้อมูลข่าวสาร ในวันที่เกิดเหตุ หลังจากแผ่นดินไหว มีข้อความที่ถูกส่งต่อกันไปผ่านทางวอทซแอปบอกว่า จะมีแผ่นดินไหวขนาด 8.1 แมกนิจูด และสึนามิถล่มปาลู ข้อความอ้างอิง “เพื่อนของ BMKG” ซึ่งหมายถึงศูนย์อุตุนิยมวิทยา ภูมิอากาศวิทยาและภูมิฟิสิกส์  จากนั้นก็จะมีการพูดกันปากต่อปาก ทำให้ประชาชนแตกตื่นพากันแห่ไปยังสนามบินและขอให้เครื่องบินทหารออก ยิ่งมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายครั้งก็ยิ่งทำให้คนเชื่อ ตอนนี้ ผู้รอดชีวิตอยู่เต็มรันเวย์ของสนามบิน ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคของการขนส่งสิ่งของที่จำเป็น

โฆษกของหน่วยงานนี้ต้องทวีตข้อความบอกให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวลือ นอกจากนี้ยังมีข่าวลืออื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากที่ส่งต่อกันทางโซเชียลมีเดีย เช่น บอกว่านายอำเภอปาลูเสียชีวิตแล้ว หรือการส่งคลิปวิดีโอเหตุการณ์อื่นๆ โดยรัฐบาลต้องเตรียมการประกาศข่าวอย่างเป็นทางการเพื่อหยุดข่าวลือ

สำหรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ขณะนี้มี 18 ประเทศ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียที่เสนอความช่วยเหลือ ทีมจากหน่วยงานพัฒนาระหว่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐอยู่ในสุลาเวสีเพื่อประเมินความเสียหายแล้ว และสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติเงินตั้งต้น 100,000 เหรียญเพื่อช่วยเหลือผ่าน USAID

ขณะเดียวกัน เช้าวันที่ 3 ตุลาคม มีรายงานว่าภูเขาไฟโซปูตัน (Soputan) ที่อยู่ทางเหนือของเกาะสุลาเวสีและอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของปาลู 360 ไมล์ปะทุ ทางการแจ้งเพิ่มระดับการเตือนภัยที่มีถึง 4 ระดับเพิ่มจากระดับ 2 เป็น  3 และแนะนำในประชาชนอยู่ห่างจากภูเขาไฟ และเตรียมหน้ากากอนามัยไว้ ในกรณีที่มีเถ้าถ่านออกมา

 

ที่มา:

ที่มาภาพ: BAY ISMOYO / AFP

Tags: ,