โรงแรมแห่งนี้นับเป็นแหล่งหลบภัยชั้นดีของบรรดาศิลปินดารา-นักร้อง รวมไปถึงนักการเมือง ให้พ้นจากการติดตามของนักข่าวและปาปาราซซี อีกทั้งยังเป็นที่พบปะสังสรรค์ของคนในแวดวงมายา ก่อนจะกลายเป็นโรงแรมหรู สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่พักของนักเดินทางธรรมดาๆ มีชื่อเรียกว่า ‘พิงค์ พาเลซ’ ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 1912 บนเนินแห้งแล้ง มีเพียงหญ้าพุ่มและกองขยะเป็นทัศนียภาพโดยรอบ และเป็นโรงแรมขนาด 200 ห้อง สไตล์แคลิฟอร์เนีย-เรเนอซองส์จำลอง มูลค่าการก่อสร้างในยุคนั้นราว 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ และได้แรงบันดาลใจมาจากวิลลาหรูของมหาเศรษฐีในย่านนั้น
กระทั่งถึงปี 1948 โรงแรมแห่งนี้ก็เปลี่ยนชื่อมาเป็น ‘เบเวอร์ลี ฮิลส์’ กลมกลืนอยู่ในความหรูหราฟุ้งเฟ้อของย่าน และกลายเป็นสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวบนรถทัวร์หลากสีจากทั่วโลกต้องแวะเวียนมาทัศนาอาคารสีชมพู ที่กลายเป็นตำนานบทหนึ่งของฮอลลีวูดในปัจจุบัน
ในปี 1986 มาร์วิน เดวิส (Marvin Davis) มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ซื้อกิจการโรงแรมแห่งนี้ไปในราคา 136 ล้านดอลลาร์ ก่อนจะขายต่อให้กับบรูไน อินเวสต์เมนต์ เอเจนซี ซึ่งเป็นกิจการข้ามชาติของสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ แห่งเนการาบรูไนดารุสซาลาม จากนั้นใช้เวลาอยู่นานหลายปีและใช้เงินกว่า 100 ล้านดอลลาร์ในการบูรณะซ่อมแซมเสียใหม่ พร้อมเปิดให้บริการอีกครั้งในปี 1995 และในปีถัดมาโรงแรมแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Dorchester Collection ดาราฮอลลีวูดอย่างจอร์จ คลูนีย์ ได้ออกมาโจมตี และเรียกร้องให้บอยคอตโรงแรมนี้และในเครือ หลังจากบรูไนผ่านกฎหมายชารีอะฮ์ ลงโทษประหารชีวิตคนรักเพศเดียวกัน
“เรายังจะส่งเสริมกิจการของประเทศที่หยิบยื่นความตายให้กับคนบริสุทธิ์อยู่อีกหรือ” เป็นประโยคที่ดาราดังถามผ่านสื่อไปถึงผู้คนในสังคมโลก
ปี 2019 ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการเอ่ยอ้างชื่อโรงแรมเบเวอร์ลี ฮิลส์ในการประท้วง หากเคยมีเหตุการณ์ประท้วงเกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้วเมื่อปี 2014 ที่เริ่มมีข่าวร่างกฎหมายชารีอะฮ์ฉบับดังกล่าวของรัฐบาลบรูไน มีกลุ่มเฟมินิสต์และกลุ่มคนรักเพศเดียวกันไปรวมตัวกันที่บริเวณด้านหน้าโรงแรม ถือป้ายประท้วง ตั้งคำถามผ่านสื่อเช่นเดียวกัน และนั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากโรงแรมเบเวอร์ลี ฮิลส์เพิ่งฉลองวาระครบรอบ 100 ปีไปเมื่อสองปีก่อนหน้า
The Beverly Hills Hotel is seen in Beverly Hills, Calif. Wednesday, April 25, 2012. The Beverly Hills Hotel is celebrating its 100th anniversary this year. (AP Photo/Matt Sayles)
“ทำเลอยู่ตรงกึ่งกลางระหว่างลอส แองเจลิสและมหาสมุทร” มาร์กาเร็ต แอนเดอร์สัน (Margaret Anderson) เคยเขียนบรรยายเป็นคำเชิญชวนไว้ในโบรชัวร์ เมื่อคราวโรงแรม ‘พิงค์ พาเลซ’ เปิดให้บริการในวันที่ 12 พฤษภาคม 1912 เพื่อดึงดูดนักเดินทางเข้าพักในโรงแรมในทำเลที่ยังโล่งร้างผู้คน
ตระกูลแอนเดอร์สันผู้ครอบครองที่ดินบริเวณนั้น เคยคาดหวังจะทำกิจการขุดเจาะน้ำมัน แต่เมื่อแผนการคลาดเคลื่อน จึงทำการกลบเกลี่ยผิวดินเสียใหม่ และเปลี่ยนแผนเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แทน
หลังจากโรงแรมเปิดให้บริการได้ราวสองปี ก็เริ่มมีผู้คนโยกย้ายเข้าไปอาศัยอยู่ในย่านเบเวอร์ลี ฮิลส์ ที่ไม่กี่สิบปีต่อมากลายเบเวอร์ลี ฮิลส์ ก็กลายเป็นย่านหรู และโรงแรมสไตล์อาร์ต เดโคบนถนนซันเซ็ต บูเลอวาร์ดก็ดูสอดคล้องกับความหรูหราของย่าน จนถึงปลายทศวรรษ 1920s โรงแรมแห่งนี้ก็กลายเป็นที่รู้จักของสังคมฮอลลีวูด
โรงแรมเบเวอร์ลี ฮิลส์ ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 210 ห้อง ห้องสวีท และบังกะโลอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องเล่าขานสืบต่อ อย่างเช่น ระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Let’s Make Love มาริลีน มอนโร และอีฟส์ ม็องตงด์ นักแสดงนำได้เช็กอินเข้าพักในบังกะโลหมายเลข 20 และ 21 ทั้งสองแอบมีสัมพันธ์รักกันจนกลายเป็นข่าวสะพัดไปทั่วกองถ่าย นอกเหนือจากคู่นี้แล้ว ยังมีคู่ของแคโรล ลอมบาร์ด กับคลาร์ก เกเบิล และสเปนเซอร์ เทรซี กับแคธารีน เฮปเบิร์นอีกด้วย
ในช่วงทศวรรษ 1940s มาร์เลเน ดีทริช-ดาราสาวจากเยอรมนี ก็เคยเยื้องกรายเข้าไปที่โรงแรมแห่งนี้ และสร้างข่าวอื้อฉาวเล็กๆ เนื่องจากเธอสวมชุดสูทกางเกงเข้าไปในโปโล เลานฺจ์ ห้องอาหารของโรงแรม ซึ่งในยุคสมัยนั้นการที่ผู้หญิงสวมกางเกงยังเป็นเรื่องต้องห้าม และไม่มีสาวอเมริกันคนไหนกล้าแหกกฎเครื่องแต่งกายที่ผิดธรรมเนียมปฏิบัตินี้ โดยในวาระฉลองครบรอบ 100 ปีของโรงแรม จึงมีเพิ่มเมนูค็อกเทล ‘The Rebel’ เพื่อย้อนรำลึกถึงดีทริช
หรือช่วงทศวรรษ 1970s บังกะโลของโรงแรมเบเวอร์ลี ฮิลส์ ยังเป็นที่พักเกือบถาวรของจอห์น เลนนอน กับโยโกะ โอโนะ รวมทั้งเอลิซาเบธ เทย์เลอร์ ที่นอกจากจะเคยไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามี 6 ใน 8 คนของเธอแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่ซึ่งเธอเคยเฟลิร์ตกับริชาร์ด เบอร์ตัน อีกด้วย ก่อนจะเข้า-ออกห้องผิดจนเรื่องลับกลายเป็นสัมพันธ์รักแบบเปิดเผยในเวลาต่อมา จะว่าไปแล้ว ลิซ เทย์เลอร์รู้จักโรงแรมแห่งนี้ก่อนหน้านั้นแล้ว เนื่องจากพ่อของเธอเคยเป็นผู้จัดการแกลเลอรีศิลปะอยู่ที่โรงแรมนี้
ส่วนผู้เช่าบังกะโลถาวรและยาวนานที่สุดเห็นจะเป็น โฮเวิร์ด ฮิวจ์ส-อัครมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจสายการบิน TWA ซึ่งเช่าบังกะโลไว้ตั้งแต่ปี 1942 ยาวนานถึง 30 ปี เขายังเช่าห้องพักเพิ่มอีกกว่า 20 ห้องไว้สำหรับรับรองคนใกล้ชิด เพื่อนหญิง และภรรยาอยู่บ่อยครั้ง เขาเคยจอดรถคาดิลแลคทิ้งไว้บริเวณด้านหน้าโรงแรม จนยางล้อแบน มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นปกคลุมรถ
ศิลปินหลายคนเคยสร้างผลงานเป็นอนุสรณ์ให้กับโรงแรมระดับตำนานแห่งนี้ เช่น ในปี 1976 วงอีเกิลส์เคยใช้ภาพถ่ายโรงแรมเบเวอร์ลี ฮิลส์เป็นภาพปกอัลบัม Hotel California ของพวกเขา หรือในปี 1977 ช่างภาพคนดัง-เทอร์รี โอ’นีลล์ เคยถ่ายภาพเฟย์ ดันนาเวย์ ในชุดเสื้อคลุมผ้าไหมบางๆ รองเท้าส้นสูง และมีรางวัลออสการ์-ที่เธอเพิ่งได้รับเมื่อคืนก่อนหน้า-วางอยู่บนโต๊ะริมสระว่ายน้ำ
สระว่ายน้ำสีฟ้าสดที่โรงแรมนี้ยังเคยเป็นฉากสำคัญๆ ของหลายเหตุการณ์ในอดีต ทั้งฉากปาร์ตี้ยาเสพติด ฉากขอแต่งงาน หรือฉากทะเลาะเบาะแว้งกัน
ตราบถึงทุกวันนี้ โรงแรมเบเวอร์ลี ฮิลส์ ยังคงเป็นบ้านหลังที่สองของดารา มหาเศรษฐี และนักการเมือง ให้ไปฉลองรางวัลออสการ์ จัดปาร์ตี้ หรือแค่ลี้ภัยฝูงชน ไม่ว่ามาร์ก วาห์ลเบิร์ก, เคที เพอร์รี, เบลลา ฮาดิด, ลานา เดล เรย์ หรือมารายห์ แครีย์
รวมถึงเป็นสถานที่จบชีวิตของศิลปินเสียงสวรรค์-วิทนีย์ ฮูสตัน หลังจากเสพยาเสพติดเกินขนาด
อ้างอิง:
https://www.tagesschau.de/ausland/brunei-menschenrechte-105.html
https://www.tvovermind.com/20-celebrities-found-dead-hotels/
https://www.vogue.de/lifestyle/artikel/hollywood-hotels-geschichte
ภาพ : Beverly Hills
Tags: บรูไน, เบเวอร์ลี ฮิลส์, กฎหมายชารีอะฮ์
