*มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ

1.

31 สิงหาคม 1997 เวลาเที่ยงคืนกว่าๆ รถเมอร์เซเดส เบนซ์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วบนถนนในปารีส ตามมาด้วยขบวนรถของช่างภาพปาปารัซซี่ที่กระหายถ่ายภาพบุคคลที่อยู่ในรถเบนซ์คันนั้น มันคงเป็นอีกหนึ่งค่ำคืนที่ทุกอย่างจบลงอย่างเรียบง่าย รุ่งเช้าก็จะมีเพียงข่าวกอสซิปขึ้นหน้าหนึ่งเช่นที่ผ่านมา หากสื่อได้ภาพถ่ายที่ต้องการ แต่เมื่อรถเบนซ์ที่วิ่งด้วยความเร็วสูงเข้าสู่อุโมงค์ลอดสะพานปองต์เดอลัลมา รถคันดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุเป็นผลให้ เจ้าหญิงไดอาน่า สิ้นพระชนม์, โดดี ฟาเยด เพื่อนชายคนสนิท และอ็องรี ปอล คนขับรถเสียชีวิต

คืนหนึ่งขณะที่เด็กหนุ่มสองคน ‘โจนาส’ ผู้มีนิสัยขี้อาย เก็บตัว และ ‘นาตอง’ แฟนหนุ่มซึ่งมีนิสัยโผงผางและมั่นใจในตัวเองสูง เดินออกมาจากโรงหนัง หลังฉายหนังสยองขวัญ  เขาก็ได้รับข้อความจากมือถือ ว่าแม่ของเขาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดน้องชาย แต่นาตองก็ไม่ได้มุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลแต่อย่างใด เขาพาโจนาสไปยังผับเกย์ Boy’s Paradise แต่พวกเขาเข้าไม่ได้เพราะอายุไม่ถึง ชายที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ๆ จึงอาสาพาทั้งคู่ไปผับอีกแห่งหนึ่งไม่ไกลจากที่นี่ โจนาสลังเล “เลิกกลัวตลอดเวลาจะได้ไหม” นาตองพูดขึ้น แล้วทั้งคู่ก็ขึ้นรถเก๋งของชายคนนั้นไป

ชายคนนั้นขับรถพาทั้งสองออกไปนอกเมือง มันไกลจนผิดสังเกต นาตองบอกให้หยุดรถแล้วพาพวกเขากลับ แต่ชายคนนั้นไม่ยอม ทั้งสองยื้อยุดใช้กำลัง จนนาตองถูกผลักศีรษะฟาดกับกระจกจนเกือบหมดสติ รถหยุดลงใต้อุโมงค์แห่งหนึ่ง โจนาส ตกใจ เขาตัดสินใจรีบลงจากรถ ในเศษเสี้ยววินาทีนั้น เขามองเข้าไปในรถเห็นสายตาที่โรยรา ใกล้หมดสติของแฟนหนุ่ม

เจ้าหญิงไดอาน่าสิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุทางจราจรในอุโมงค์ลอดสะพานปองต์เดอลัลมา และการแยกจากของโจนาสและนาตองที่ปราศจากการร่ำลาก็เกิดขึ้นที่อุโมงค์แห่งหนึ่งเช่นกัน เมื่อเศษเสี้ยววินาทีที่โจนาสสบตากับนาตองผ่านพ้นไป รถเก๋งก็ทะยานหายไปในความมืดมิด

2

เลือดกำเดาที่ไหลลงมาเป็นสายจากจมูกของโจนาสในวัยปัจจุบัน และรอยแผลฟกช้ำบนใบหน้า เป็นตัวบ่งบอกว่าเขาไม่ได้โตขึ้นมาเป็นเด็กหนุ่มขี้อาย เก็บตัวอีกต่อไป ความสูญเสียครั้งนั้น ได้เปลี่ยนแปลงตัวตนของเขาไปจนสิ้น เขานั่งอยู่ข้างหลังรถตำรวจ หลังจากมีเรื่องชกต่อยที่ผับ Boy’s Paradise ที่ที่เขาและนาตองเคยพยายามจะเข้าไปในตอนนั้น และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาก่อเรื่อง

โจนาส ในตอนนี้เขาดูเหมือนคนแข็งกระด้าง ไร้ความรู้สึก และเปลี่ยนคู่นอนผ่านการใช้แอปพลิเคชั่น โดยไม่ได้บอกแฟนที่คบหาอยู่ด้วย บ่อยครั้งเขายังกดเข้าไปดูไอจีของชายคนหนึ่งชื่อเลโอ อย่างสนใจใคร่รู้ การเปลี่ยนแปลงของโจนาสนับจากวันที่เสียนาตองไป ราวกับว่าเขาได้หยิบยืมจิตวิญญาณของนาตองมาไว้กับตัว ความมุทะลุ ความมั่นใจ ความกล้าทั้งหลาย ถึงอย่างนั้นโจนาสในวัยเด็กก็ยังคงมาทักทายเขาเป็นระยะๆ ผ่านห้วงความทรงจำ 

3.

โจนาสเจอกับนาตองครั้งแรกในวันที่ไดอาน่าสิ้นพระชนม์ พ่อและแม่ของเขานั่งคุยกันขณะกินอาหารเช้า วันนั้นนาตอง เด็กหนุ่มผู้มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าเข้าเรียนสายและหาที่นั่งไม่เจอ แต่สายตาเขาของเขากลับเจอเข้ากับโจนาสที่นั่งอยู่กลางห้องเรียน เขาขยิบตาทักทาย ขณะที่โจนาสพยายามจะหลบสายตาเจ้าเล่ห์นั้น ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างรวดเร็ว มีครั้งหนึ่งทั้งคู่แอบโดดเรียนมาขลุกอยู่ในโรงยิม นาตองให้โจนาสลองสูบบุหรี่ และนั่นเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้แลกรสริมฝีปากกันจริงๆ โดยไม่ได้ผ่านมวนบุหรี่

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทั้งสองวางแผนว่าจะมาพักที่บ้านของนาตอง โจนาสยังได้เจอกับแม่ของนาตองเป็นผู้หญิงหัวสมัยใหม่ เธอไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง เธอแต่งตัวดี มีรสนิยม มีความมั่นใจอันเป็นคุณสมบัติที่ไม่ต่างจากนาตอง 

ในฉากหนึ่ง ขณะที่แม่นาตองขับรถพานาตองและโจนาสไปโรงภาพยนตร์ แม้ว่าเธอกำลังท้องแก่ เธอสูบบุหรี่แล้วบอกกับนาตองว่า “อย่าบอกพ่อนะ” นาตองจึงหยิบบุหรี่ออกมาสูบบ้าง ขณะที่โจนาสนั่งอยู่ด้านหลังก็ขอบุหรี่ด้วย ทั้งสามดูดบุหรี่ ขณะอยู่บนรถและมองเห็นไฟจากสวนสนุก Magic World อยู่ไกลๆ โจนาสอยากไปที่นั่น แต่พ่อกับแม่ไม่เคยพาเขาไป นาตองให้สัญญาว่าวันหนึ่งเขาจะพาไปเอง แต่ใครจะรู้ว่านั่นจะเป็นคืนสุดท้ายที่ทั้งสองจะได้อยู่ด้วยกัน

4.

“เลิกกลัวตลอดเวลาจะได้ไหม” นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่โจนาสเลือกที่จะทำหลังจากคืนแห่งความสูญเสีย คือใช้ชีวิตให้คุ้มในแบบของเขา เขาถูกแฟนหนุ่มบอกเลิกและไล่ออกจากบ้าน และเขายังคงหาคู่นอนหุ่นดีจากการใช้ Grindr แต่ตัวตนลึกๆ ที่อ่อนโยนของเขาถูกซ่อนไว้ในเวลางานยามเป็นบุรุษพยาบาลที่ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับผู้ป่วย

ระหว่างที่โจนาสกลับไปที่บ้านแล้วพบว่าไม่มีใครอยู่ เขาจึงพักโรงแรมแถวนั้นแล้วได้พบกับคนในอินสตาแกรมที่เขามักจะเข้าไปดูความเคลื่อนไหวอยู่บ่อยๆ เลโอ เด็กหนุ่มทำงานในโรงแรมอันเงียบสงบนั้น คืนนั้นทั้งคู่ไปปาร์ตี้กัน รุ่งเช้าโจนาสตื่นขึ้นมาบนเตียงของนาตองที่ไม่เคยเปลี่ยนไปจากในวันนั้นเลย 

เลโอ คือ น้องชายของนาตอง เขาเกิดในวันที่นาตองได้สูญหายไป เลโอไม่แม้กระทั่งจะรู้จักพี่ชายของตัวเองจริงๆ เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดผ่านเรื่องเล่าของคนอื่นๆ และเขาเกลียดโจนาส เขาโทษว่าโจนาสทำให้พี่ชายเขาหายไป

ความเศร้าอาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจโจนาส แต่หลังจากที่เขาได้ไปที่บ้านของเลโอ และได้เจอกับแม่ของนาตองอีกครั้ง จึงเป็นครั้งแรกที่เราได้รู้ว่าผู้ที่ได้รับความสูญเสียนี้ไม่แพ้กันๆ คือ ผู้เป็นแม่ ร่องรอยของบาดแผลเหล่านั้นไม่ได้ปรากฎให้เห็นเป็นประจักษ์นอกจากรอยยับย่นจากอายุที่เพิ่มขึ้น แต่คือน้ำเสียงที่เธอถามออกมาว่าทำไมคืนนั้นโจนาสถึงไม่ยอมพูดความจริงออกไปทั้งหมด และน้ำตาที่ไหลออกมาจากการพูดคุยกับโจนาสในครั้งนี้ ก็คงไม่ใช่น้ำตาครั้งสุดท้ายของเธอในเวลาที่นึกถึงลูกชายคนโต 

5.

การเสียชีวิตของไดอาน่าจะไม่ใช่ความลับ เพราะมีการตรวจสอบจนได้บทสรุปที่แน่ชัด (ไม่ว่าแต่ละคนจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม) แต่การหายไปของนาตองคือปริศนา นั่นทำให้ตัวละครทั้งสามไม่ว่าจะเป็นโจนาส แม่ และ เลโอ ยังคงรอคอย และคาดหวังที่จะได้เห็นการกลับมาของชายหนุ่มที่มีรอยแผลเป็นบนหน้าอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นความตั้งใจหรือไม่ ก็มีข้อสังเกตถึงการสูญเสียของไดอาน่าและนาตองว่า มันอาจจะไม่ได้เชื่อมโยงกันผ่านอุโมงค์แต่เพียงอย่างเดียว การพยายามทำตัวนอกรีต หรือ การเป็นตัวของตัวเองมากเกินไปนั้นคือความเสี่ยง การหยิบยกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์มาเป็นฉากหลังของเรื่องช่วยขับประเด็นนี้ออกมาให้ชัดเจนขึ้น

หนังได้ฉายให้เห็นภาพของขั้วตรงข้ามระหว่างอุดมการณ์อยู่ประปราย และอาจจะเป็นการประชดประชันจากคนทำหนังเสียด้วยซ้ำ แม้ไดอาน่าจะเป็นหนึ่งในสมาชิกราชวงศ์ และเคยเป็นถึงว่าที่ราชินีของอังกฤษ ก่อนที่เธอจะถูกถอดยศหลังการหย่าร้างกับเจ้าฟ้าชายชาร์ล ซึ่งเชื่อกันว่าเธอคือเนื้อร้ายของราชวงศ์ โดยเฉพาะการที่เธอแสดงตัวตน และความเห็นส่วนตัวต่อสาธารณชน รวมไปถึงการให้สัมภาษณ์ออกสื่อถึงเรื่องราวชีวิตคู่มากจนเกินไป ในทางหนึ่งการเข้าไปอยู่ในราชวังของไดอาน่า เธอถูกมองว่าเป็นขบถต่อราชวงศ์วินเซอร์ และจุดจบอันน่าเศร้าของเธอคือการสิ้นพระชนม์

ขณะที่นาตอง เขาไม่เพียงแต่เป็นคนที่แข็งแกร่งและกล้าที่จะท้าชนกับทุกคนที่เข้ามารังควาน เขายังเป็นคนที่มีไหวพริบดี การเป็นเด็กใหม่ทำให้เขาไม่มีเพื่อน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ เขาพุ่งความสนใจไปที่เด็กชายสูงผอมขี้อาย โจนาส และสอนให้โจนาสรู้จักการโต้กลับ เมื่อถึงเวลาที่ถูกกลั่นแกล้ง ในตอนนั้นเขาต้องรับมือกับเพื่อนร่วมชั้นที่เกลียดเกย์ซึ่งมักจะมาไถบุหรี่ นาตองวางแผนเอาคืนโดยการใส่ของบางอย่างลงไปในบุหรี่มวนนั้น ผลคือเด็กคนนั้นทั้งอาเจียนและเกือบหมดสติในคาบพละ และนั่นเป็นนิสัยของนาตอง คือ เขาไม่ยอมคน และบ้านของเขาก็ดูจะเป็นพื้นที่ที่ให้เขาได้เปิดเผยตัวตนของเขาได้อย่างอิสระ ซึ่งสิ่งนั้นก็นำมาซึ่งอันตรายต่อชีวิตเขาเอง

6.

I Am Jonas ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่มีจุดประสงค์เพื่อปลอบโยนผู้ได้รับบาดเจ็บทางจิตใจ มันฉายภาพของก่อนและหลังความเสียหายอย่างชัดเจน ซื่อตรง และรุนแรง นั่นไม่ใช่เพราะความใจร้ายของคนทำ แต่เพราะในความเป็นจริงมันไม่มีวิธีก้าวข้ามอย่างเป็นรูปธรรม และบางครั้งการปลอบประโลมเองก็ไม่ได้ช่วยอะไร 

หนังทำให้เห็นเหล่าตัวละครที่ติดอยู่กับอดีต ตกอยู่ในห้วงเวลาของความรู้สึกผิด แม้เราจะได้เห็นการปลอบประโลบกันและกัน แต่ความทรงจำที่ต้องการตัดทิ้ง มันกลับยิ่งกอดรัดเราแน่นขึ้น ซึ่งเครื่องเล่นเกมบอยตกยุคที่โจนาสได้เป็นของขวัญจากนาตอง ในช่วงเวลาก่อนที่ทั้งคู่จะจากกันไปตลอดกาล มันจึงเป็นมากกว่าเครื่องเล่นที่จะพังมิพังแหล่ แต่เป็นเครื่องพันธนาการโจนาสไว้กับความรู้สึกอันมากมายที่เขาผูกพันต่อนาตอง 

แต่อย่างน้อยที่สุดในช่วงเวลาสุดท้ายของหนัง จากการเปิดอกพูดคุยกับแม่ของนาตอง เธอบอกกับโจนาสว่า “เขา (นาตอง) คงไม่อยากเห็นเธอเศร้าแบบนี้” ก่อนโจนาสจะกลับ เขาขึ้นไปยังห้องนอนนาตองวางเครื่องเล่นเกมบอยนั้นลงบนเตียงที่ครั้งหนึ่งเขาเคยดูนาตองเล่น ระหว่างทางที่เลโอขับรถมาส่ง โจนาสขอเลโอแวะที่ที่หนึ่ง มันคือ Magic World สวนสนุกที่โจนาสอยากมา 

นาตองเคยสัญญาว่าจะเป็นคนพาเข้าไปยังสวนสนุกแห่งนี้ แม้ตอนนี้จะมีเวลาเหลืออีกเพียงชั่วโมงเดียวก่อนสวนสนุกจะปิดให้บริการ โจนาสร้องขอเลโอ เขาอยากเห็นข้างในนั้นด้วยตาตัวเอง แม้เพียงสักครั้ง ทั้งสองเดินเข้าไปในฐานะผู้ที่ได้รับความเจ็บปวด จากบาดแผลของอดีต เข้าไปในสถานที่ที่ทุกคนมาเพื่อสนุก Magic World—และเราในฐานะคนดูหวังว่า เมื่อเขากลับออกมาจาก โลกแห่งเวทย์มนต์นั้น มันจะมีพลังเยียวยามากพอให้พวกเขาก้าวข้ามมันไปได้ 

อ้างอิง:

The Royal House of Windsor EP.5

https://www.telegraph.co.uk/royal-family/0/princess-diana-happened-night-death/ 

Tags: , , ,