“หากจะให้นิยามตัวเอง คุณคิดว่า คุณคือสัตว์อะไรคะ ระหว่าง สัตว์ประเสริฐ สัตว์ประดิษฐ์ หรือสัตว์ประหลาด”

เราได้เห็นคำว่าสัตว์มนุษย์ผ่านหน้าจอเฟซบุ๊ก และคำเชิญจากพี่ดาว (ดุจดาว วัฒนปกรณ์) ในฐานะผู้ทดลอง พร้อมรายชื่อผู้เข้าร่วมกิจกรรม ที่ถูกนิยามว่าเป็น ผู้ถูกทดลอง ที่ถูกเรียกร้องให้ทำการปลดอาวุธ และเผยความสัตว์ที่อยู่ในตัวของพวกเขา ชื่อของศิลปินหลายๆ ท่านคุ้นภาพจากการเป็นนักแสดง เป็น Performer แต่ความน่าสนใจของงานนี้คือความหลากหลายของผู้เข้าร่วม ที่กระตุ้นให้เรานึกถึงว่า นักคิด นักเขียน ศิลปิน นักแสดง นักบำบัด เขาจะ ‘แสดง’ อย่างไร เขามีอาวุธเป็นอะไร สัตว์อะไรอยู่ในตัวเขา

และทำไมต้องสัตว์มนุษย์

ในช่วงอาทิตย์ของความเดือดเลือดพล่าน หลังบรรยากาศของการเลือกตั้ง นอกเหนือจากการเฝ้าหาคำตอบถึงการถูกย่ำยีในสิทธิของเราไปอยู่เรื่อย เราเฝ้ามองชีวิตของกันและกันผ่านถ้อยคำบนเฟสบุ๊ก ความเศร้าหมอง ความหดหู่ ความผิดหวัง ความเกรี้ยวกราดไหลเชี่ยวท่วมไทม์ไลน์ หลายคนปลุกสัตว์ในตัวออกมาสู้กับสถานการณ์ตรงหน้า สถานการณ์ที่คนตัวเล็กๆ ทำได้เพียงก่นด่า ด้วยเสียงที่ไม่ได้ยินอยู่อย่างนั้น

เราเลือกดูรอบพี่แหม่ม วีรพร นิติประภา เจ้าของรางวัลดับเบิ้ลซีไรต์ ด้วยความรู้สึกอยากเห็นในเจ้าของภาษาที่เราชื่นชม สวมบทบาทเป็นนักแสดงในสเปซอย่างแกลเลอรี ความรู้สึกแรกเมื่อได้เข้าไป ตู้สี่เหลี่ยมขาวขนาดใหญ่ตั้งตรงหน้า กั้นเรากั้นเขาด้วยกระจก พี่แหม่มในชุดดำ เดินตรงเข้าไปหลบมุมข้างตู้เมื่อพี่ดาวเริ่มออกชุดคำสั่งให้เตรียมตัว เราเฝ้ามองพี่ดาว หญิงสาวผู้กุมพลังงานภายในห้อง เธอมีสายตาเด็ดเดี่ยว ปรับกล้องข้างตัว เพื่อเชื่อมกับจอบนตู้ให้เรามองเห็นพี่แหม่มในระยะใกล้ขึ้น พี่ดาวมองพี่แหม่ม มองชุดคำถามในมือ สูดลมหายใจ ก่อนพาเราทุกคนเริ่มออกเดินทางไปยังดินแดนของหญิงสาวในตู้กระจก

หรือนั่น อาจจะเป็นดินแดนของเด็กหญิงในตู้ปลา

“พี่คิดว่าตัวเองเป็นสัตว์ประเสริฐหรือสัตว์ประดิษฐ์คะ”

ช่วง 10 นาทีกว่าๆ ของการเฝ้ามองพี่แหม่มในตู้ พี่ดาวป้อนคำถามจิตบำบัดเรื่อยๆ บ้างให้โกหก บ้างให้ตอบจริง บ้างถามช้า บ้างถามจี้ บ้างเร่งเครื่อง บ้างถอยเบรค แต่ทั้งหมดทั้งมวล พี่ดาวมั่นคง มั่นคงในคำถาม และมั่นคงในการหมั่นสังเกตอาการทางกายของพี่แหม่มอยู่ตลอด สลับกับการที่พี่แหม่มตอบกลับมา ประเด็นคือเรากลับไม่ได้ยินเสียงนั้น เราคาดหวัง เราหงุดหงิด เราจ้องกระจก หวังให้รอยรั่วมีเสียงเล็ดลอดสอดออกมาจากกระจก แต่เปล่าเลย

เราได้ยินแต่คำถาม ที่ไร้คำตอบเหมือนอาทิตย์ที่ผ่านมา

“ประเทศที่คุณอยู่เป็นแบบไหนคะ”

แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง จุดที่พี่ดาวออกชุดคำสั่งปลดอาวุธ คำสั่งประเภทให้พี่แหม่มลดเกราะกำบัง ภาษาชาวบ้านเรียกว่าช่างหัวแม่ง ช่างหัวโลก ช่างหัววัฒนธรรมประเพณีอันดีงามใดๆ ที่เขาว่าต้องรักษาไว้ และที่สำคัญ ช่างหัวคนดูข้างนอกนั่น พี่แหม่มจะพูดไป กินข้าวไปด้วยก็ได้นะคะ จะนอน จะนั่ง จะหัวเราะ จะส่งเสียง จะกู่ร้องเสียงให้ดังแค่ไหนก็ได้ นอกตู้ เราในฐานะคนดูมองเห็นความเงียบเป็นพระเอก เวลานั้นเสียงกลายเป็นสิ่งจำเป็นรองลงไป เราได้ยินคำถามของพี่ดาว เฝ้ามองคำตอบจากพี่แหม่ม เรานิ่ง เราชะงัก เราถอนหายใจ เราหัวเราะ เราร้องไห้ และสุดท้าย เรารู้สึก

เรารู้สึกจากการค่อยๆ ‘เห็น’ คำตอบ จากคำถามของพี่ดาวที่ค่อยๆ พาเราเดินไปทางยังดินแดนของพี่แหม่มที่เราไม่เคยรู้จัก การบีบบับเบิ้ลย้อมใจ การกระพริบตา การยกมือเล่าเรื่องนานา การนิ่ง การไม่ตอบ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นคำตอบ เราได้เห็นการบ่มเพาะของผู้หญิงตรงหน้า ตั้งแต่ความป่วนปั่นของสาววัยสิบเจ็ด ไปจนถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูเสถียรแล้วในชีวิต ค่อยๆ เห็นพี่แหม่มในแบบที่สลัดคราบนักเขียนออกไป แล้วสวมใส่สถานะแม่ สถานะคนรัก สถานะประชาชน ห่อหุ้มด้วยสภาวะคนดี สภาวะคนเลว สภาวะคนโลภ สภาวะคนหลง ไปจนถึงสภาวะสัตว์ สัตว์ของพี่แหม่มถูกเปิดออกมาจากกรงร่างกาย ก่อนเดินแหวกว่ายอยู่ในตู้ แหงล่ะ เราไม่เห็นสัตว์ตัวนั้น ไม่รู้ว่ามันเดิน หรือมันว่าย แต่เหมือนเดิม เรารู้สึก

และครั้งนี้ เรารู้สึกถึงสัตว์ภายในตัวเอง รวมถึงคนดูในห้อง

สัตว์ที่ถูกสร้างจากความรักโรแมนติก ความโกรธเกรี้ยวจากความไม่เป็นธรรม ความบอบช้ำจากความรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความเพ้อฝันถึงชีวิตที่ดีกว่า ความเย้ยหยันกันเองของเพื่อนมนุษย์ ความกีดกั้นของชนชั้น ความระบมล่มสลายของครอบครัว ไหลหลอมรวมเป็นความพังทลายและในขณะเดียวกันก็สวยงามในซอกหนึ่งของชีวิต

ความน่าสนใจอีกอย่างของงานพี่ดาวในชิ้นนี้ คือเราสามารถเห็นพี่แหม่มผ่านจอ เมื่อมองขึ้นไปบนตู้ พี่แหม่มถูกขังอยู่ในจอทีวี ที่ควบคุมเฟรมโดยมือของพี่ดาว ในช่วงคำถามนี้ เราเห็นพี่แหม่มบีบบับเบิ้ล ในช่วงคำถามนี้เราเกือบเห็นน้ำตา เมื่อมองลงมาในตู้ น้ำตานั้นหายไปแล้ว ในจอมันดีเลย์…

คำถามต่อการรับรู้ที่เราสนใจคือ เมื่อมองผ่านจอ พี่แหม่มเหมือนเป็นนักแสดง บางครั้งเราหลงลืมไปว่า จริงๆ ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า เขามีชีวิตจริงๆ แค่มันผ่านจอเดียว เราลืมสถานะบางอย่างของเขาไปแล้วหรือ

“ความขมขื่นคืออะไรคะ”

เราไม่ได้มองพี่แหม่มผ่านจอ ยามที่เห็นปากเอ่ยคำว่า ความรัก

ถึงช่วงสุดท้ายของการทดลอง พี่ดาวอนุญาตให้พี่แหม่มเก็บสัตว์ของตัวเอง วินาทีที่พี่แหม่มเอามือขวาซ้ายทาบสัตว์ของตัวลงข้างใน มันหยุดร้อง เข้าโหมดดูแลตัวเอง มันเงียบลง พี่แหม่มดูอิ่มเอม หวังรอเวลาวันที่มันจะได้ออกมาเดินเพ่นพ่านโดยไม่ถูกตัดสินอีกครั้ง แต่เราไม่แน่ใจ วันนั้นคือเมื่อไหร่

มันจะมีวันที่เราไม่ถูกตัดสินกันจริงๆ หรือ

คนเราเติบโตผ่านเศษเสี้ยวความเว้าแหว่งหลากหลายของชีวิต บ้างถูกซอนเซาะกัดกร่อน บ้างถูกแต่งเพิ่มเสริมแต่ง บ้างประดิษฐ์ บ้างประหลาด แต่นั่นคือวัตถุดิบของชีวิตที่ทำให้คนคนหนึ่งเป็นคนหนึ่งคน

สัตว์มนุษย์นำพาเราไปสู่ดินแดนภายใน ผ่านภาพ ผ่านเพลง ผ่านโปรดักชั่นที่ถูกวางแผนมาอย่างดีของพี่ดาวและทีม แม้มันจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่มันก็ทำงานบางอย่างที่หนักหน่วงกับเรามากอยู่เหมือนกัน เรามีเสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน มีการโอดครวญ มีการเรียกร้อง และในขณะเดียวกัน บางครั้งเราก็ละเลยที่จะฟังเสียงคนอื่น

หลังจากกลับจากสัตว์มนุษย์ กิจกรรมชีวิตเหมือนเดิม เข้าเฟสบุ๊ก อ่านข่าว เศร้ากับหน้าจอ แล้วเราก็ก่นด่าทอสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป แต่เมื่อนึกถึงสัตว์ภายใน บางครั้งมันกัดกินเรา แต่บางครั้งมันกระซิบบอกว่า มองออกไปสิ เราอาจยังมีหวัง

แม้ว่าในตอนจบบนกระจกนั่นพี่แหม่มจะบรรจงเขียนว่า LIFE BETRAYS US.

ในไทม์ไลน์นั่น

บางเวลา พวกเราเป็นสัตว์ประเสริฐที่มักประดิษฐ์วาจา กริยา สาปส่ง เหล่าสัตว์ประหลาดที่ิคิดไม่เหมือนตัว

บางเวลา พวกเราเป็นสัตว์ประดิษฐ์ที่มักคิดว่าความประหลาดของตนเป็นสิ่งประเสริฐ

บางเวลา พวกเราเป็นสัตว์ประหลาดที่ถูกประดิษฐ์คำตราหน้าจากสัตว์ที่ขานตัวเองว่าประเสริฐ

และไม่ใช่แค่ดินแดนของพี่แหม่มเท่านั้น

เมื่อดินแดนปลดอาวุธของเราเริ่มถูกสำรวจ

เราอาจไม่ใช่สัตว์ประเสริฐ

เราอาจไม่ใช่สัตว์ประดิษฐ์

เราอาจไม่ใช่สัตว์ประหลาด

ในชีิวิตนั่น

เราอาจจะเป็นแค่สัตว์ ที่เฝ้าหวังจะมีชีวิตที่ดีกว่าแค่นั้นเอง

Fact Box

สัตว์มนุษย์ Humanimal กำกับ โดยดุจดาว วัฒนปกรณ์ เป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการ “ประเทศเล็กที่สมบูรณ์” ของประทีป สุธาทองไทย รอบการแสดง 18 – 21, 25 – 28 เมษายน 2562 ที่ 100 ต้นสนแกลเลอรี่ จองบัตรได้ที่ https://www.facebook.com/events/2243021719271044/

Tags: , , , ,