สัปดาห์นี้มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการแบนหัวเว่ยของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาหลายประเด็น ทั้งยอดขายของหัวเว่ยทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ การเจรจาของบริษัทอเมริกันที่ผลิตชิ้นส่วนเพื่อป้อนให้หัวเว่ยกับกระทรวงพาณิชย์ และการขอเลื่อนเวลาแบนออกไปเป็น 2 ปี
หลังจากที่ นิตยสารบลูมเบิร์กเปิดประเด็นว่า ยอดขายของหัวเว่ยในปีนี้จะลดลงจากเดิมกว่า 40% เหริน เจิ้งเฟย ซีอีโอของหัวเว่ยก็ออกมายืนยันข่าวนี้เมื่อวันจันทร์ที่ 17 มิ.ย. ว่า ยอดขายของหัวเว่ยน่าจะลดลงไป 40% หลังจากที่สหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีดำแบนหัวเว่ย โดยคาดว่ายอดขายน่าจะลดลงไปประมาณ 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่ตั้งเป้ายอดขายปี 2019 ไว้ที่ 125,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็ปรับเป็น 100,000 ล้านเหรียญ ขณะที่ยอดขายปีที่แล้วอยู่ที่ 105,000 ล้านเหรียญ
ทั้งนี้นิตยสารบลูมเบิร์กระบุว่า เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วที่หัวเว่ยส่งโทรศัพท์ได้ 206 ล้านเครื่อง แต่ปีนี้การส่งสินค้าอยู่ระหว่าง 40-60 ล้านเครื่อง
หัวเว่ยหวังว่า Honor 20 โทรศัพท์รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในวันที่ 21 มิถุนายนในสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสจะช่วยฉุดยอดขายขึ้นมาได้ ขณะที่ในจีนเอง หัวเว่ยก็ยังมาแรง เหรินกล่าวว่า การเติบโตในจีนเร็วมากๆ เหรินยังมีน้ำเสียงที่เป็นมิตร โดยบอกว่าหัวเว่ยยังคงเปิดกว้างกับการทำงานร่วมกับสหรัฐอเมริกา และบริษัทต้องการรับใช้ชาวอเมริกัน
เมื่อเปรียบเทียบรายได้ของหัวเว่ยระหว่างปี 2014 กับ 2018 แยกเป็นรายทวีปพบว่า ยอดขายในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ไม่มากนัก ขณะที่รายได้ในจีนเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่า ส่วนยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า
อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์สำหรับเครือข่าย 5G หรือโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของธุรกิจหัวเว่ยได้รับผลกระทบมากที่สุดในสงครามการค้านี้ โดยในปี 2018 หัวเว่ยมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุด
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนสำนักข่ายรอยเตอร์รายงานว่า ผู้ผลิตชิปสัญชาติอเมริกัน ซึ่งรวมถึง Qualcomm และ Intel ที่ผลิตชิปให้กับหัวเว่ยกดดันรัฐบาลอย่างเงียบๆ ให้ผ่อนปรนการแบนหัวเว่ย โดยเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ผู้ผลิตชิปเหล่านี้ประชุมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และให้เหตุผลว่า สินค้าของหัวเว่ยอย่างโทรศัพท์และเซิร์ฟเวอร์ไม่น่ากังวลเรื่องความปลอดภัยเหมือนกับเครือข่ายเทคโนโลยี 5G ของจีนรายอื่นๆ การผ่อนปรนนี้ไม่ได้ช่วยหัวเว่ย แต่ช่วยปกป้องบริษัทอเมริกันด้วย สำหรับยอดซื้อส่วนประกอบโทรศัพท์มือถือจากบริษัทอเมริกันของหัวเว่ยเมื่อปี 2018 อยู่ที่ 11,000 ล้านเหรียญ จากทั้งหมด 70,000 ล้านเหรียญ
ก่อนหน้านี้ในวันที่ 13 มิถุนายนว่า สำนักงานจัดการงบประมาณของทำเนียบขาวได้แจ้งต่อสภาคองเกรสว่า จะเลื่อนเวลาแบนหัวเว่ยจากการทำสัญญากับรัฐบาลกลางที่ว่าด้วยการทำธุรกิจกับบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีนออกไปอีก 2 ปี สำหรับการเตรียมการเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา:
https://www.bbc.com/news/business-46480208
ที่มารูป: REUTERS/Stringer ATTENTION EDITORS
Tags: เหริน เจิ้งเฟย, Huawei, หัวเว่ย