หากการเลือกตั้งครั้งก่อน คือการเลือกตั้งด้วย ‘ความหวัง’ ความหวังว่าจะเอา ‘คณะรัฐประหาร’ ออกไปจากการเมืองไทย
การเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นการเลือกตั้งภายใต้ ‘ความสิ้นหวัง’ แต่เป็นความสิ้นหวังที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และไม่อาจปฏิเสธ
เพราะตลอด 2 ปีที่ผ่านมา แทบไม่มีอะไรในประเทศนี้ดีขึ้น มีแต่สิ่งที่แย่ลง และเปราะบางกว่าเดิม
ระบบการเมืองถูกเซาะกร่อนไม่ใช่ด้วยเสียงประชาชนแต่ด้วยอำนาจนอกระบบ กติกาที่บิดเบี้ยว และเกมที่ไม่ได้เล่นกันอย่างเปิดหน้า
เศรษฐกิจจมลึก นักธุรกิจจำนวนมากพูดตรงกันว่า “ปีนี้อาจเป็นปีที่ดีที่สุดแล้ว เมื่อเทียบกับอีก 2-3 ปีข้างหน้า”
คนรอบตัวล้มละลาย เพราะกลโกงออนไลน์ โครงสร้างอันเปราะบางทำให้ประเทศนี้เป็นสวรรค์สำหรับนักฟอกเงิน เป็นพื้นที่ปลอดภัยของอาชญากรข้ามชาติ
ขณะเดียวกัน ภายใต้การเมืองอันไร้เสถียรภาพ นายกรัฐมนตรีเปลี่ยนไปแล้ว 3 คน ในระยะเวลาเพียง 2 ปี ผู้นำประเทศ 2 คนถูกถอดถอนด้วยศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยข้อหา ‘จริยธรรม’ อันสุดแสนจะเป็นนามธรรม พรรคที่ชนะการเลือกตั้ง นอกจากไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลแล้ว ยังถูก ‘ยุบพรรค’ ด้วยข้อหา ‘เซาะกร่อนบ่อนทำลาย’ เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ในเวลาเดียวกับที่สถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจกำลังย่ำแย่ ประเทศนี้ยังเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันครั้งใหญ่ แผ่นดินไหวครั้งหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ตึกหน่วยงานรัฐถล่มลงทั้งที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร บริษัทรับเหมาข้ามชาติคว้างานหน่วยงานรัฐเต็มไปหมด ท่ามกลางข้อครหาว่า บริษัทนี้จ่ายเท่าไรและจ่ายกับใคร
เช่นเดียวกับระบบ ‘ตำรวจ’ ต้นทางของกระบวนการยุติธรรม ยังเข้าไปเกี่ยวข้องกับส่วยเว็บพนัน ยังเข้าไปโยงใยกับขบวนการสแกมเมอร์
และท้ายที่สุดปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา กำลังส่งผลกระทบกับคนหลายแสนคนที่ต้องอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย เป็นสงครามที่ไม่รู้ว่าสู้กันด้วยเรื่องอะไร และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะจบลงตรงไหน
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในขณะที่คนไทยจำนวนมากพูดประโยคเดียวกันว่า
“ถ้าการเมืองดี… อะไรคงดีขึ้นมากกว่านี้”
แต่ปัญหาคือ การเมืองไทยไม่เคยถูกออกแบบให้ประชาชนเป็นคนแจกไพ่ และเรามีอำนาจนอกระบบที่ ‘กลัว’ อำนาจประชาชนมากเกินไป
ความกลัวเสียงของประชาชนทำให้ประเทศนี้ชะงักงันมานานกว่า 20 ปี เป็น 2 ทศวรรษที่สูญหาย และยังไม่มีใครเห็นว่าจะโงหัวขึ้นได้อย่างไร
“ใช่ ถ้าการเมืองดี อะไรคงดีขึ้นกว่านี้บ้าง”
แต่การจะทำให้การเมืองดีขึ้นได้ สิ่งที่สำคัญคือเข้าใจเกม และเข้าใจเส้นสนกลในอันสลับซับซ้อนของระบบการเมืองประเทศนี้
ประเทศที่มีอำนาจประชาชนลงคะแนนเลือกตั้ง
ประเทศที่มีอำนาจอื่น จัดตั้งรัฐบาล
และมีอำนาจที่เหนือกว่านั้นอีกที คอยล้มรัฐบาล
ในโลกของ House of Cards ไม่มีใครชนะเพราะเป็นคนดีมีแต่คนที่อ่านเกมขาด รู้ว่าใครถือไพ่อะไร และรู้ว่าควร ‘พลิก’ เมื่อไร
หากการเลือกตั้งปี 2562 คือการเลือกตั้งเพื่อง้างประชาธิปไตย ออกจากปากเผด็จการ
หากการเลือกตั้งปี 2566 คือการประกาศเจตนา ในฐานะ ‘เจ้าของประเทศ’
การเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 จะเป็นอีกครั้งที่ประชาชนจะเข้าไปมีส่วนร่วมใน ‘เกมอำนาจ’ นี้อีกครั้ง
แม้การเลือกตั้งจะถูกเปรียบเปรยว่า เป็นประชาธิปไตยเพียง 4 วินาที แต่นี่เป็นอีกครั้งที่ประชาชนจะเลือก ‘ผู้แทน’ ของตัวเองไปทำหน้าที่ พร้อมกับลงประชามติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ในเกม ‘การเลือกตั้ง’ เป็นเกมที่ประชาชนลงเล่นได้จริง ชี้ขาดอนาคตได้จริง เพื่อ ‘เปลี่ยน’ การเมืองไทย ให้ดีขึ้นได้มากกว่านี้
ประชาชนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องลงเล่นในเกมนี้ แม้จะรู้ว่าไพ่ไม่อยู่ในมือเราทั้งหมด
House of Cards: เกม/ พลิก/ อำนาจ ทาง The Momentum เป็นซีรีส์วิเคราะห์การเมืองที่จะพาคุณอ่านเกม นับไพ่ และมองให้เห็นว่า ใครกำลังได้เปรียบ ใครกำลังเสียเปรียบ และใครคือคนที่กำลังจะถูกเขี่ยออกจากโต๊ะ
เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้อาจไม่ใช่แค่การเลือก ‘ใคร’ แต่คือการเลือกว่า ประเทศไทยจะยังมีทางเลือกเหลืออยู่หรือไม่
ติดตาม House of Cards: เกม/ พลิก/ อำนาจ โดย The Momentum ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
#TheMomentum #StayCuriousBeOpen #HouseofCards #เกมพลิกอำนาจ #เลือกตั้ง #เลือกตั้ง69
Tags: เลือกตั้ง, เลือกตั้ง 69, House of Cards, เกมพลิกอำนาจ




