ถึงแม้วอชิงตันกดดันจีนให้เปลี่ยนใจ ด้วยการยกเลิกสิทธิพิเศษของฮ่องกง ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ปักกิ่งจะเดินหน้าตรากฎหมายความมั่นคงในเขตปกครองพิเศษแห่งนี้ เพราะให้ความสำคัญกับการรักษาความสงบเป็นอันดับแรก และสีจิ้นผิงพร้อมแล้วที่จะประลองหมัดกับโดนัลด์ ทรัมป์
เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการ 2 อย่างเพื่อกดดันจีนให้ล้มเลิกแผนการที่จะออกกฎหมายความมั่นคงสำหรับฮ่องกง อย่างแรก ยุติสิทธิพิเศษที่อเมริกาเคยให้แก่ฮ่องกง อย่างที่สอง ห้ามนักศึกษาจีนที่มีความเกี่ยวโยงกับกองทัพจีนไปเรียนต่อระดับปริญญาโท-เอกในอเมริกา
นักสังเกตการณ์ประเมินว่า มาตรการกดดันของสหรัฐฯ คงไม่เป็นผล รังแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองยิ่งตกต่ำลงไปอีก บรรยากาศที่ยิ่งทวีความเป็นปรปักษ์ระหว่างมหาอำนาจจะส่งผลสะเทือนต่อโลกในยุคหลังโควิด-19 อย่างกว้างไกลลึกซึ้งซับซ้อนเพียงไร เป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตา
ทรัมป์เงื้อง่า ขู่ให้จีนถอย
เมื่อวันศุกร์ (29 พ.ค.) ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาว โจมตีจีนว่ากำลังทำให้สถานะอันน่าภาคภูมิใจที่ฮ่องกงมีมาช้านานต้องมัวหมอง พร้อมกับประกาศว่า เขาได้สั่งการให้รัฐบาลของเขาเริ่มต้นกระบวนการยุตินโยบายที่เคยปฏิบัติต่อฮ่องกงเป็นกรณีพิเศษแยกต่างหากจากจีน
คำประกาศของทรัมป์ที่ว่านี้เป็นท่าทีต่อเนื่องจากคำประกาศของรัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ ปอมเปโอ เมื่อวันพุธ ซึ่งได้แจ้งไปยังสภาคองเกรสว่า รัฐบาลทรัมป์ไม่รับรองว่าฮ่องกงมีความเป็นอิสระจากจีนอีกต่อไป หลังจากจีนพยายามเข้าควบคุมกิจการในฮ่องกงมากขึ้นทุกที
รูปธรรมล่าสุดของความพยายามควบคุมฮ่องกง คือ กรณีสภาประชาชนจีนลงมติเมื่อวันพฤหัสฯ รับหลักการร่างกฎหมายความมั่นคงฮ่องกง ซึ่งมุ่งเอาผิดการกระทำที่เข้าข่ายยุยงปลุกปั่น ล้มล้างการปกครอง แบ่งแยกดินแดน และก่อการร้าย
ขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงประท้วงว่า ปักกิ่งหมายมั่นปั้นมือที่จะใช้กฎหมายฉบับนี้เป็นเครื่องมือเล่นงานผู้เห็นต่าง
ที่ผ่านมา กฎหมายสหรัฐฯ และข้อตกลงหลายฉบับที่สหรัฐฯ ทำกับจีน เปิดทางให้สหรัฐฯ ปฏิบัติต่อฮ่องกงในฐานะเป็นดินแดนที่มีความเป็นเอกเทศจากจีน เพราะเหตุว่าจีนให้คำมั่นที่จะให้ความมีอิสระในระดับสูงแก่ฮ่องกง ดังนั้น ฮ่องกงจึงได้รับสิทธิพิเศษในด้านวีซ่าเดินทาง ด้านศุลกากร และด้านการค้า
ตัดสิทธิพิเศษ ใครเดือดร้อน
นักสังเกตการณ์บอกว่า ถ้าอเมริกายกเลิกสิทธิพิเศษเหล่านี้ คนที่เดือดร้อนมี 2 ฝ่าย คือ ธุรกิจอเมริกัน กับเขตปกครองฮ่องกง ส่วนจีนจะไม่กระเทือนเท่าไรนัก
ที่ผ่านมา บริษัทอเมริกันเข้าไปทำธุรกิจในฮ่องกงหลายร้อยกิจการ ตามตัวเลขของสำนักบริการวิจัยสภาคองเกรส บริษัทจากสหรัฐฯ เข้าไปตั้งสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคในฮ่องกงเกือบ 300 บริษัท และอีก 434 บริษัทเข้าไปตั้งสำนักงานสาขา
สำหรับจีนนั้น บริษัทจีนเข้าไปประกอบการในฮ่องกงเพื่อแสวงเงินตราสกุลต่างประเทศ ทำธุรกรรมกับธนาคารระหว่างประเทศ และวานิชธนกิจ แต่ฮ่องกงมีน้ำหนักต่อเศรษฐกิจจีนลดลงเรื่อยมาเป็นลำดับ เมื่อปีที่แล้ว จีนส่งออกไปยังฮ่องกง หรือส่งออกผ่านฮ่องกง คิดเป็นสัดส่วนแค่ 12 เปอร์เซ็นต์ ลดลงจาก 45 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 1992
ดังนั้น บรรดานักวิเคราะห์จึงมองว่า ถ้าในท้ายที่สุดสหรัฐฯ ปฏิบัติต่อฮ่องกงในแบบเดียวกับที่ปฏิบัติต่อจีน ฝ่ายที่เจ็บตัวก็คือ คนฮ่องกง บริษัทในฮ่องกง และสหรัฐฯ เอง ซึ่งเวลานี้ได้เปรียบดุลการค้ากับฮ่องกงปีละหลายพันล้านดอลลาร์ฯ
จีนพร้อมโต้ แรงมาแรงไป
นักสังเกตการณ์ประเมินว่า การเดินหมากของทรัมป์ดูจะเป็นท่าทีในเชิงสัญลักษณ์มากกว่า ทรัมป์บอกว่าจะเริ่มกระบวนการทบทวนสถานะของฮ่องกง แต่ไม่ระบุกรอบเวลาว่าจะสรุปผลเมื่อไร อีกทั้งไม่ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรจีน และไม่ได้ขู่ที่จะฉีกข้อตกลงยุติสงครามการค้าเฟสหนึ่งที่ลงนามกับจีนเมื่อเดือนมกราคม
หมินซินเป่ย ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน มหาวิทยาลัยแคลร์มองต์แม็คเคนนาในแคลิฟอร์เนีย บอกว่า คำประกาศของทรัมป์ทำให้จีนเบาใจ เพราะไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมมากนัก วอชิงตันคงต้องชั่งใจว่าดาบที่เงื้อง่าอยู่นั้นจะฟันฉับไปโดนฮ่องกง แทนที่จะเป็นจีน
นาตาชา กัสซัม อดีตนักการทูตออสเตรเลียแห่งสถาบันโลวีในนครซิดนีย์ ให้ความเห็นว่า ผู้นำจีนมองออกว่า ทรัมป์กำลังใช้จีนเป็นแพะรับบาปในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และอเมริกามีเจตนาที่จะเตะสกัดขัดขาจีนที่กำลังผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจโลก จีนคงปักใจแล้วว่า ต่อให้สูญเสียสถานะพิเศษของฮ่องกง พรรคคอมมิวนิสต์จีนต้องกำราบฮ่องกงให้อยู่หมัด
บิล บิชอป นักสังเกตการณ์เรื่องจีน บอกในทำนองเดียวกันว่า ผู้นำจีนตกลงใจแล้วว่า ความมั่นคงทางการเมืองของฮ่องกง และความเป็นดินแดนในอธิปไตยของแผ่นดินแม่ สำคัญกว่าความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ไม่ว่าความสัมพันธ์นี้จะเลวร้ายลงเพียงใด
สตีฟ จาง ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนแห่งวิทยาลัยบูรพาและแอฟริกาศึกษา มหาวิทยาลัยลอนดอน บอกว่า คำขู่ที่จะตัดสิทธิพิเศษคงไม่ทำให้จีนสะดุ้งสะเทือน ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงจะแก้ลำชนิดเกทับกันไปเลย.
อ้างอิง :
South China Morning Post, 30 May 2020
Tags: โดนัลด์ ทรัมป์, ฮ่องกง, จีน