“ฉันติดต่อพี่ชายไม่ได้มาหลายวันแล้ว”
1
วันที่ 23 สิงหาคม 2010 โทรศัพท์ดังขึ้นที่หน่วยงานข่าวกรองของอังกฤษ (Secret Intelligence Service: SIS) ซึ่งมีชื่อย่อสุดโด่งดังว่า MI6 อันมาจากชื่อเก่าคือ หน่วยข่าวกรองทหาร แผนกที่ 6 (Military Intelligence, Section 6) และเป็นที่ทำงานของยอดสายลับผู้โด่งดังในโลกนิยายและภาพยนตร์อย่าง เจมส์ บอนด์ (James Bond)
หัวหน้าแผนกในหน่วยข่าวกรองแห่งนี้รับสาย ปรากฏว่า ผู้โทร.มาคือหญิงสาว แจ้งข่าวว่าพี่ชายของเธอ ติดต่อไม่ได้มาหลายวันแล้ว
แกเรท วิลเลียมส์ (Gareth Williams) วัย 31 ปี เรียนจบทางด้านคณิตศาสตร์ จาก Cambridge University ด้วยความสามารถในเรื่องตัวเลข ทำให้เขาได้มาทำงานที่ MI6 คอยตรวจสอบข้อมูลข่าวกรอง เพื่อความปลอดภัยของสหราชอาณาจักร แต่สิ่งที่เพื่อนร่วมงานต่างฉงนคือ ชายคนนี้หายตัวไป ไม่ได้มาทำงานเป็นสัปดาห์แล้ว
“ถ้าเป็นแผนกอื่น แค่ไม่มาเพียงวันเดียว เราก็ต้องสงสัยแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนของเรา ผมแปลกใจมากกว่าทำไมถึงปล่อยให้หายตัวไปได้นานขนาดนี้” อดีตสายลับเผยกับสื่อ
หัวหน้าแผนกที่ผู้สูญหายทำงานอยู่ จะชี้แจงกับผู้บังคับบัญชาว่า แกเรทไม่เคยขาดงานแม้แต่วันเดียว ตอนไม่โผล่มาที่ทำงาน เขาก็คิดว่ามันผิดสังเกต แต่คิดว่าคงติดขัดอะไรบางอย่าง แต่แทนที่จะรีบแจ้งหน่วยงานไปตามหา เขากลับปล่อยผ่าน
“นี่คือสิ่งที่ผมเสียใจสุดในชีวิต”
เมื่อน้องสาวของแกเรทแจ้งข่าวน่าวิตก ทำให้ MI6 ติดต่อไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาลของอังกฤษ ให้ส่งสายตรวจไปดูที่แฟลตของเขา ให้ลองเปิดเข้าไปดูว่ามีอะไรผิดสังเกตหรือไม่
การร้องขอจากหน่วยงานสายลับที่โด่งดังสุดในโลก ทำให้ตำรวจรีบส่งเจ้าหน้าที่ไปทันที เมื่อเคาะห้องก็ไร้สัญญาณตอบรับ เมื่อลองเดินสำรวจก็พบว่า ทุกอย่างเงียบเชียบ
แฟลตแห่งนี้รู้กันดีว่าเป็นที่พักของเหล่าเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง ตำรวจสามารถเปิดประตูห้องเข้าไปได้เลย เพราะ MI6 อนุญาตแล้ว
เมื่อก้าวเข้าไปในห้อง สิ่งที่เตะจมูกคือกลิ่นเหม็นเน่าลอยโชยออกมาอย่างรุนแรง พอเดินสำรวจอย่างละเอียด พบว่ากลิ่นดังกล่าวลอยออกมาอย่างน่าสะอิดสะเอียนที่ห้องน้ำ พอเปิดประตูเจ้าหน้าที่ถึงกับตกตะลึง พวกเขาพบกระเป๋าสีแดงวางแน่นิ่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ
บริเวณซิปมีกุญแจล็อกไว้ ตำรวจตัดมันออก เพื่อแง้มออกดู
พวกเขาก็พบแกเรทในสภาพไร้ลมหายใจ นอนเปลือยกายอยู่ในนั้น
2
นักสืบและหน่วยข่าวกรองรุดมายังจุดเกิดเหตุทันที พร้อมกับเจ้าหน้าที่นิติเวช ทุกคนได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้
ตำรวจไม่พบบาดแผลในตัวของศพ เมื่อชันสูตรอย่างละเอียด ไม่พบสารพิษ สารเสพติด หรือแอลกอฮอล์ในร่างแม้แต่นิดเดียว
พอตรวจร่องรอยลายนิ้วมือและดีเอ็นเอของแกเรท พวกเขาพบว่ามีอยู่เต็มไปหมดทั่วห้องน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะเขาเป็นเจ้าของห้อง
แต่สิ่งที่น่าผิดสังเกตอย่างมากก็คือ ที่อ่างอาบน้ำ ที่กระเป๋าสีแดงทั้งภายในและภายนอก ไม่พบร่องรอยลายนิ้วมือ คราบเหงื่อ หรือดีเอ็นเอของแกเรทในนั้นแม้แต่จุดเดียวเลย
ที่สำคัญ พวกเขาเจอดีเอ็นเอของบุคคลปริศนา 2 รายอยู่ในห้องน้ำด้วย เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า ไม่มีข้อมูลในระบบของอังกฤษ เลยไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ และเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิตอย่างไร
นอกจากนี้ที่ตู้เสื้อผ้าของเจ้าของห้อง พบเสื้อผ้าผู้หญิงราคาแพงเป็นจำนวนมาก แกเรทมีสิ่งเหล่านี้ไว้ทำไม
เพราะความที่ผู้ตายทำงานใน MI6 สื่อมวลชนจึงเรียกขานเคสนี้ว่า คดีสายลับในกระเป๋า ก่อนจะมีการขุดคุ้ยรายละเอียดมากมายจนพบว่า แกเรทเป็นดาวรุ่งของหน่วยข่าวกรอง มีความสามารถในการทำงานเป็นอย่างยิ่ง
ตำรวจตั้งธงไว้ว่า การที่สภาพศพเป็นแบบนี้ หมายความว่าผู้ตายยัดตัวเองลงไปในนั้น อาจจะด้วยเหตุผล 1. ต้องการฆ่าตัวตาย หรือ 2. เล่นเซ็กซ์พิเรนทร์กับใครสักคน
ตำรวจตรวจสอบข้อสองก่อน เป็นไปได้ไหมว่าแกเรทเล่นเกมสวาท ชอบถูกจับมัด คลั่งในการถูกทรมาทรกรรม เขาเลือกจะเปลือยกายลงไปนอนในนั้น เพื่อต้องการเสพความสุขจากการขาดหายใจ แต่มันกลับเลยเถิดกลายเป็นการเสียชีวิต
ชีวิตของสายลับกับพฤติกรรมทางเพศนั้น แม้จะเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่น แต่หน่วยข่าวกรองอังกฤษประเมินว่า การทำงานกับรสนิยมของเซ็กซ์นั้นไม่เกี่ยวข้องกัน และถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่ควรเอามาใส่ใจเด็ดขาด นั่นทำให้ MI6 ไม่เคยรู้เลยว่าแกเรทมีพฤติกรรมพิสดารในเรื่องนี้หรือไม่ อาจจะชอบถูกจับมัดหรือชอบแต่งหญิงในยามว่าง จึงให้ข้อมูลแก่นักสืบไม่ได้มากนัก
แต่นี่คือสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ และตำรวจต้องเช็กให้ขาด เพื่อจะได้รู้ว่าความตายนี้เกิดจากอุบัติเหตุในเรื่องรสนิยมหรือไม่ และพอนักสืบเช็กรายละเอียดทุกอย่าง พวกเขาก็เริ่มสงสัย หากแกเรทมีพฤติกรรมแบบนั้นจริง เริ่มแรกสุดคือ เขายัดตัวเองลงไปในกระเป๋าสีแดงซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มากได้อย่างไร
เพื่อตรวจสอบสมมติฐานนี้ ตำรวจจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านโยคะและเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษ ซึ่งมีรูปร่างใกล้เคียงกับแกเรท มาลองยัดตัวเองในกระเป๋าสีแดงที่วางไว้ในอ่างอาบน้ำดู
ปรากฏว่าผู้เชี่ยวชาญและหน่วยรบพิเศษใช้ความพยายามมากกว่า 300-400 ครั้ง ก็ยังทำไม่สำเร็จ
“ต่อให้เป็นนักมายากลที่เก่งมากๆ ก็ยากที่จะยัดตัวเองลงไปได้”
การที่ผู้ตายเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้มีความสามารถทางกายกรรม หรือมีตัวอ่อนพอที่จะดัดยัดลงไปในกระเป๋าได้ แถมถ้าตั้งใจทำแบบนั้นจริง ผู้เสียชีวิตจะต้องเก่งมากๆ เพราะตอนลงมือก็ไม่ได้เปิดไฟอีกด้วย และนั่นนำไปสู่คำถามตัวใหญ่ว่า หากเขาทำได้ ผู้ตายทำอย่างไร ถึงเอาตัวเองหย่อนลงไป โดยไม่ทิ้งลายนิ้วมือ หรือดีเอ็นเอในอ่างอาบน้ำ และในกระเป๋าเลย
จากการตรวจสอบวงจรปิดรอบที่พัก ไม่เคยจับภาพต้องสงสัย ไม่เคยเห็นใครเข้ามาในห้องของชายคนนี้เลย เพื่อนร่วมงานต่างบอกว่าแกเรทนิสัยดี เวลาไปสังสรรค์ ก็ดื่มเพียงน้ำส้ม ดูไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่ทำงานที่ตัวเองได้รับมอบหมายอย่างเยี่ยมมาก จนเป็นดาวโรจน์ของแผนกเลยทีเดียว
และเพราะมีหนทางยาวไกลขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เซ็กซ์วิตถาร เขาจะเลือกจบชีวิตตัวเองหรือ เนื่องจากอาชีพที่ทำอยู่ก็กำลังสดใสเอามากๆ
ดังนั้นการตัดสินใจฆ่าตัวตายจึงเป็นไปไม่ได้ใหญ่ แต่หากแกเรทคิดจะทำจริง เขาน่าจะเลือกวิธีการก่อเหตุที่ง่ายกว่านี้ เพราะการยัดร่างลงไปในนั้น มันร้อนและทรมานอย่างมาก แถมก่อนหน้าจะพบศพ 8 วัน วงจรปิดจับภาพชายคนนี้ยังไปกินอาหาร ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่พบว่ามีพฤติกรรมที่จะเอื้อหรือส่อไปในแนวทางนั้นเลย
2 ประเด็นที่วางไว้ ถูกตัดออกไปในทันที นั่นจึงนำไปสู่ความเป็นไปได้อีกอย่าง คือ
งานที่แกเรททำนี่แหละ ทำให้เขาเสียชีวิต
กินเวลาไม่นาน ก็มีแหล่งข่าวเผยข้อมูลออกมาว่า
“ผมได้ข่าวมาว่า เขากำลังสอบสวน หาตัวสายลับรัสเซียที่แฝงตัวอยู่ในหน่วยข่าวกรองอังกฤษ”
3
ประเด็นนี้เป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งนักสืบตรวจสอบลงไป พบว่าไม่เพียงแค่เรื่องสายลับรัสเซียเท่านั้น แต่มีข้อมูลยืนยันว่า แกเรททำงานร่วมกับหน่วยข่าวกรองสหรัฐอเมริกา เน้นเรื่องข้อมูลการฟอกเงินขององค์กรอาชญากรรมทั้งหลายอีกด้วย
เป็นไปได้หรือไม่ว่า เขาอาจจะไปค้นเจอข้อมูลน่าสนใจบางอย่าง จนถูกสั่งเก็บ ฆ่าปิดปาก
ยิ่งในช่วงเวลานั้น รัฐบาลรัสเซียนำโดยพระเจ้าซาร์องค์ใหม่ อย่าง วลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ส่งสายลับของตัวเองมาสังหารคนรัสเซียที่แปรพักตร์และลี้ภัยอยู่ในอังกฤษ โดยการใช้สารพิษชนิดรุนแรงสัมผัสร่าง ทำให้อีกฝ่ายตายอย่างฉับพลันด้วย
หรือแกเรทรู้แล้วว่าใครคือหนอนบ่อนไส้ของมอสโกใน MI6 และเตรียมจะแฉ เลยโดนทางการรัสเซียจัดการเสียก่อน
อย่างไรก็ดีผู้เชี่ยวชาญที่เคยสู้กับสปายจากมอสโกโต้แย้งว่า หากพวกรัสเซียเลือกจะเชือดใครจริง คงไม่ลำบากหากระเป๋ามาไว้ในอ่างอาบน้ำ แล้วเอาร่างยัดเข้าไปข้างในอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับพวกแก๊งอาชญากรรมทั้งหลาย
เพราะมันมีวิธีการสังหารที่ง่าย และไม่วุ่นวายเท่าวิธีนี้เยอะแยะ
อีกอย่างทำไมสมุนปูตินถึงเลือกสังหารเจ้าหน้าที่ข่าวกรองที่อยู่ในตำแหน่งไม่สูงมากนัก แม้จะเป็นดาวรุ่ง แต่ไม่ได้มีความสำคัญต่อโลกสายลับแต่อย่างใด
“อย่าลืมว่าเขาเป็นเพียงแค่นักวิเคราะห์ข้อมูลเท่านั้นนะ”
ข้อโต้แย้งอีกประการคือ สายลับต่างแดนที่ลงมือสังหารในประเทศอื่นจะฆ่าแต่ผู้ทรยศที่แปรพักตร์เท่านั้น พูดง่ายๆว่า จะฆ่าคนของตัวเองในต่างประเทศ การโยงว่ารัสเซียสังหารแกเรทจึงเป็นไปไม่ได้ เพราะผิดรูปแบบวิธีการเอามากๆ แถมที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีสปายที่ไหนทำแบบนั้นด้วย
คำกล่าวอ้างว่า มอสโกอยู่เบื้องหลัง แม้จะเป็นประเด็นที่น่าสนใจแค่ไหน แต่มันมีแต่ช่องโหว่ นั่นทำให้การสืบสวนของตำรวจดำเนินไปสู่ทางตันในที่สุด
เจ้าหน้าที่สรุปได้แค่ว่า ในห้องน้ำตอนเกิดเหตุ ต้องมีใครสักคนอยู่ในนั้นด้วย แต่หาตัวไม่พบ ไม่รู้ว่าเป็นใคร เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร ที่สุดแล้วที่มาของการเสียชีวิต กลับมีแต่ความรางเลือน เซ็กซ์พิเรนทร์ก็ยาก การฆ่าตัวตายก็ยิ่งไม่ใช่ ส่วนเรื่องรัสเซียฆ่าปิดปาก ก็ดูห่างไกลไปมากๆ จนไม่น่าจะเป็นไปได้
ผ่านไปหลายปี คดีนี้กลายเป็นปริศนาสายลับในกระเป๋า เป็นเคสที่ปิดไม่ลง ไม่มีข้อสรุป ไม่มีผู้ต้องสงสัย และแน่นอนไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทางครอบครัวของแกเรทเจอแต่คำถามมากมาย แต่ไม่มีคำตอบ พวกเขาไม่เคยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ กินเวลากว่า 10 ปี สิ่งเดียวที่ตำรวจอังกฤษและเจ้าหน้าที่นิติเวชสรุปได้มีเพียงว่า
“ผู้ตายน่าจะถูกฆาตกรรมเท่านั้น”
ประโยคนี้จึงกลายเป็นฝันร้ายในโลกจริงที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
4
ตลอดเวลาของการสืบสวน MI6 นิ่งเฉย ไม่เคยออกมาให้ข้อมูลอะไรในการเสียชีวิตครั้งนี้ พวกเขาไม่เคยปฏิเสธหรือยืนยันงานที่แกเรททำ นี่จึงเอื้อให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดมากมาย มีเกจิโลกออนไลน์ อดีตสายลับ อดีตตำรวจออกมาให้ข้อมูลกันเป็นจำนวนมาก บางเรื่องเป็นไปได้ บางเรื่องน่าฉงน แต่ทุกเรื่องไม่เคยนำไปสู่ความจริง
การรอคอยที่สิ้นหวังของครอบครัวแกเรท ทำให้พวกเขาออกมาโจมตี MI6 ที่ปล่อยให้ผู้ตายหายตัวจากที่ทำงานได้เป็นสัปดาห์ โดยไม่สนใจจะถามหา หรือไม่ออกติดตาม จนกระทั่งน้องสาวของเขาโทร.ไปถาม จึงเพิ่งเริ่มตื่นตัว
ประเด็นตรงนี้นำไปสู่ความเป็นไปได้ว่า บางทีแกเรทอาจกำลังทำงานภาคสนามอยู่ และชุดเสื้อผ้าผู้หญิงราคาแพงในตู้เสื้อผ้า ก็ถูกใช้เพื่อปลอมตัวเป็นหญิงในการหาข้อมูลในโลกข่าวกรอง และนี่จึงทำให้เขาถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในที่สุด
อดีตสปายออกมาให้ความเห็นผ่านสื่อว่า “ความตายของเขานั้น หากพิจารณาดูแล้ว มันเกี่ยวข้องกับงานลับดำมืดในโลกแห่งสายลับอย่างแน่นอน”
แต่เหมือนกับทุกข้อสงสัยที่คนชูขึ้นมา คือโดนโต้เถียงได้หมดและ MI6 ก็ไม่เคยออกมาให้ข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น พวกเขาปล่อยให้เรื่องราวนี้เกิดขึ้น ดำรงอยู่ หายไปบ้าง ร่ำลือกันบ้าง แต่ไม่กระจ่างสักชิ้นเดียว
พฤติกรรมแบบนี้จึงทำให้มีคนโจมตีหน่วยงานของบอนด์ว่า ทำไมไม่ออกมาพูดอะไรบ้าง หากแกเรทกำลังทำงานสำคัญ ก็ควรจะแย้มสักนิด เพื่อให้ความตายของเขาถูกยกย่องว่าเป็นการทำเพื่อชาติ
แต่หน่วยงานข่าวกรองอังกฤษ ไม่เคยแถลงอะไรแบบนี้แม้แต่นิดเดียว
ปัจจุบันนี้ สิ่งเดียวที่ครอบครัวของแกเรททำได้ ก็คือการรอคอยอย่างเจ็บปวดชอกช้ำ ด้วยความหวังเพียงนิดว่าสักวัน ทุกอย่างคงกระจ่าง แต่อีกมุมก็น่าหวาดหวั่นว่าจากนี้จนตลอดไป คนในครอบครัวก็คงไม่มีวันได้พบความจริง
สภาวะที่ต้องแบกความทุกข์ทนอย่างนี้ กลั่นออกมาเป็นคำพูดในแถลงการณ์ของครอบครัว แสดงถึงความเจ็บแค้นและการปลงตกยอมจำนนได้เป็นอย่างดี จากประโยคที่บอกกับสื่อว่า “เราผิดหวังเอามากๆ ที่ไม่มีใครสรุปได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
“และปริศนาในความตายที่ยังไม่แน่ชัดนี่แหละ ทำให้ครอบครัวของพวกเราโศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง”
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.theguardian.com/uk-news/2013/nov/13/mi6-spy-dead-bag-locked-himself-gareth-williams
https://www.theguardian.com/world/2012/apr/23/spy-in-bag-death-coroners-inquest
https://www.nytimes.com/2012/04/28/world/europe/britain-riveted-in-death-of-spy-gareth-williams.html
https://www.independent.co.uk/news/uk/crime/gareth-williams-mi6-bag-bath-b2490768.html
https://www.thesun.ie/news/13351388/spy-in-the-bag-gareth-williams-death-mystery/
Tags: หน่วยข่าวกรอง, ฆาตกรรม, สายลับ, MI6, Haunted History