1.

“มันแปลกมาก ตอนเขากำลังจูบฉัน ทีแรกก็คิดว่าจะโดนเขมือบหน้าเข้าให้แล้ว เพราะได้อ่านเรื่องฆาตกรต่อเนื่องมามาก เลยไม่ค่อยไว้ใจเขา”

เฮริแบร์โต เซดา (Heriberto Seda) หรือ เอ็ดดี้ ต้องรอเวลาถึง 35 ปี กว่าจะได้จุมพิตสาวเป็นครั้งแรก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ มันช่างดูโรแมนติกยิ่งนัก ทุกอย่างกลั่นเป็นความรักที่สวยสดงดงาม

อย่างไรก็ดี ประสบการณ์ที่เอ็ดดี้ได้รับช่างแตกต่างไปจากคนทั่วไป เขาจูบคนรักผ่านทางลูกกรงที่ขังเขาไว้ ณ เรือนจำความมั่นคงสูงแห่งหนึ่ง ในสหรัฐอเมริกา

เอ็ดดี้จูบกับนักโทษชาย ที่เป็นหญิงข้ามเพศ มีชื่อจริงว่า ซินเธีย-ไชน่า บลาสต์ (Synthia-China Blast)

มันช่างเป็นเรื่องราวที่อ่านแล้วก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ตอนปากประกบกัน ซินเธียบอกว่า มันดูแปลกพิกลมาก เพราะขณะที่เอ็ดดี้กำลังจูบเธอ ตัวเธอเองกลับหวั่นเกรง กลัวว่าจะถูกเขากัดและถลกเขมือบหน้า

“เอ็ดดี้ไม่รู้ว่า ควรจะจูบอย่างไรด้วยซ้ำ เพราะยังไม่เคยเสียตัว แต่ตอนนี้เขาชำนาญแล้ว”

นี่คือความรักในเรือนจำชาย ที่ซึ่งนักโทษได้พบเนื้อคู่ในดินแดนไร้เสรีภาพ ดูเผินๆ มันก็ดูเป็นเรื่องที่น่าจดจำอยู่เหมือนกัน

อย่างไรก็ดีความซับซ้อนของเรื่องนี้ ยังมีมากไปกว่าที่เห็น

ซินเธีย ต้องโทษหลังกระทำความผิดร่วมกับแฟนหนุ่ม ในข้อหาลักพาตัว ข่มขืนและฆาตกรรมเด็กหญิงผิวดำที่มีอายุเพียง 13 ปี คาดว่าแรงจูงใจเป็นเพราะความเกลียดชังทางสีผิว โดยเธอถูกจับ ต้องโทษ และติดคุกเป็นเวลา 25 ปีด้วยกัน

นอกจากนี้นักโทษคนนี้ ยังเป็นสมาชิกแก๊งยาเสพติด เคยก่อเหตุฆ่าคน-สังหารศัตรูมาแล้ว จากประวัตินี้ ก็นับได้ว่าซินเธียเป็นบุคคลอันตรายอย่างยิ่ง

ส่วนประวัติเอ็ดดี้นั้นก็ไม่ธรรมดา เพราะเขาเป็นฆาตกรต่อเนื่อง มีฉายาว่า นักฆ่าจักรราศีแห่งเมืองนิวยอร์ก ซึ่งได้ชื่อมาจากการเลียนแบบฆาตกรต่อเนื่องสุดโด่งดัง ที่ใช้ชื่อเดียวกัน และทางการยังจับกุมตัวไม่ได้จนถึงปัจจุบัน

นักฆ่าจักรราศีตัวจริงก่อเหตุที่เมืองลอสแอนเจลิส ฝั่งตะวันตกของอเมริกา

แต่เอ็ดดี้ก่อเหตุในเมืองนิวยอร์ก ฝั่งตะวันออกของประเทศ เขาสังหารคนไป 3 รายด้วยกัน จากวิธีการฆ่าสุดลือลั่น นั่นก็คือไล่ฆ่าคนตามราศีเกิด

หากพิจารณาตามบรรทัดฐานสังคม เอ็ดดี้และซินเธีย คือฆาตกรสุดโหด ที่มีประวัติสุดสะพรึง

แต่สำหรับทั้งสอง พวกเขาแค่มองว่าตัวเองคือ ‘คู่รัก’ ที่ได้ครองคู่กันในโลกหลังกำแพงสูง 

แม้จะไร้อิสรภาพ แต่ก็อบอุ่นที่ได้อยู่คู่กัน

2.

สำหรับเอ็ดดี้นั้น เขาเกิดในครอบครัวเคร่งศาสนา อาศัยอยู่กับแม่ เป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่มีเพื่อนคบ พออายุได้ 16 ปี ก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียนทั้งที่หัวดี ในความผิดฐานพกอาวุธเข้ามาในสถานศึกษา

ชีวิตของชายคนนี้บอบช้ำอย่างมาก เขาอยากเป็นทหาร แต่กองทัพไม่รับ ตลอดเวลาเอ็ดดี้อาศัยอยู่กับลูกพี่ลูกน้องหญิงในอพาร์ตเมนต์ ทางทิศตะวันออกของนิวยอร์ก หางานจากการขายยา และลักเหรียญจากตู้โทรศัพท์สาธารณะ

ในวันที่ 17 พฤศจิกายน ปี 1989 ตำรวจได้รับจดหมายจ่าหน้าซองว่า นี่คือนักฆ่าจักรราศี เขียนมาเตือนว่า เขาจะออกฆ่าคน 12 ศพ ตามวงรอบของราศี

จดหมายนี้ลงท้ายด้วยเครื่องหมายจักรราศี อันเป็นเอกลักษณ์ที่โด่งดังอย่างมากในตอนนั้น เพราะมันเคยถูกใช้โดยฆาตกรต่อเนื่องสุดโด่งดังแห่งแคลิฟอร์เนียอย่าง นักฆ่าจักรราศี ที่คาดกันว่าได้ออกมาสังหารประชาชนบริสุทธิ์นับสิบราย แล้วส่งจดหมายปริศนา เข้ารหัสไปยังหนังสือพิมพ์ พร้อมคำขู่จะวางระเบิดรถนักเรียน

เหตุการณ์นี้สร้างความหวาดระแวงให้กับสังคมอย่างมาก ทางตำรวจระดมกำลังสืบสวน แต่พวกเขาไม่เคยพบตัวนักฆ่าจักรราศีแห่งแคลิฟอร์เนียแต่อย่างใด

ช่วงเวลาดังกล่าว ทางการก็พบว่า มีคนส่งจดหมายขู่ว่าจะฆ่าคน แล้วลงชื่อว่าเป็นนักฆ่าจักรราศีเป็นจำนวนมาก ถือเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ ดังนั้นจดหมายในปี 1989 นี้ ตำรวจจึงมองว่าเป็นพวกอยากดัง

คนที่ส่งจดหมายนี้คือเอ็ดดี้ แน่นอนว่าเขาอยากดัง แต่สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากใครอื่นก็คือ 

ชายคนนี้ตั้งใจจะฆ่าคนตามที่เขียนไว้ในจดหมายจริงๆ

8 มีนาคม ปี 1990 เอ็ดดี้ได้เอาปืนที่ประดิษฐ์เอง จ่อยิงใส่หลังชายชราคนหนึ่ง แล้วหลบหนีไป เหยื่อรายแรกนี้อาการสาหัส และรักษาตัวอยู่ 21 วันก่อนจะเสียชีวิต

ช่วงเวลานั้น นิวยอร์กมีอัตราการฆาตกรรมที่สูงมาก แต่สิ่งที่ทำให้คดีชายชราคนนี้แตกต่างจากคดีอื่นๆ นั่นก็คือ มีการส่งจดหมายไปยังสำนักข่าวนิวยอร์ก โพสต์ เนื้อหาระบุว่า ตัวเองมีชื่อว่า นักฆ่าจักรราศี และเป็นคนสังหารชายชราเอง โดยได้ย้ำว่าต้องการจะไล่ฆ่าคนให้ครบ 12 ศพตามวงรอบของราศีให้ได้

ทางตำรวจไม่อาจอยู่เฉยกับเรื่องนี้ได้ ชื่อของนักฆ่าจักรราศีเป็นที่โด่งดังอย่างมาก พวกเขาส่งจดหมายไปให้ทางการแคลิฟอร์เนียเทียบวิธีการเขียน เพราะหวั่นว่าฆาตกรต่อเนื่องคนนี้ จะกลับมาฆ่าคนอีกครั้ง โดยย้ายมาก่อเหตุที่อีกฟากฝั่งของประเทศหรือไม่

แต่จากข้อมูล นักวิเคราะห์ฟันธงว่า จดหมายนี้ไม่ใช่ลายนิ้วมือของนักฆ่าจักรราศีแห่งแคลิฟอร์เนียแน่นอน

ดังนั้น นี่จึงเป็นนักฆ่าจักรราศีแห่งเมืองนิวยอร์กนั่นเอง

3.

ตำรวจระดมกำลังสืบสวน แต่นักฆ่าคนนี้ไม่ยอมหยุด เขายิงเหยื่อรายใหม่บาดเจ็บสาหัส ก่อนจะทิ้งกระดาษเขียนคำว่า “ถึงเวลาฆ่าแล้ว” ลงชื่อนักฆ่าจักรราศี โดยมันปรากฏอยู่ในจุดเกิดเหตุสังหารโหดถึง 2 คดีด้วยกัน

ทางนักสืบเอาข้อมูลมาเทียบ พวกเขาพบว่าคนเจ็บและผู้เสียชีวิต ต่างเกิดในราศีแตกต่างกัน และวงรอบการก่อเหตุครั้งนี้จะเกิดขึ้นทุก 21 วัน เรียงตามการเปลี่ยนช่วงของราศีต่างๆ นับเป็นครั้งแรกของโลก ที่ตำรวจสามารถคำนวณเวลาการก่อเหตุฆาตกรรมได้ 

นั่นจึงนำไปสู่การระดมกำลัง เมื่อถึงวงรอบการก่อเหตุของนักฆ่าคนนี้ พวกเขาลงพื้นที่ลาดตระเวน เพื่อหวังหยุดวงจรการฆ่า แต่นิวยอร์กเป็นเมืองใหญ่ ทำให้ตำรวจไม่อาจสอดส่องป้องกันได้หมด สุดท้ายก็มีคนไร้บ้านถูกแทงตายในสวนสาธารณะ เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด ก็พบว่าคนตายอยู่ในราศีถัดมาจากเหยื่อคนล่าสุดของนักฆ่าคนนี้ และยังมีการทิ้งกระดาษโชว์ว่าเป็นผลงานของฆาตกรที่ตำรวจกำลังตามหาอยู่นั่นเอง

แม้จะระดมกำลังสืบสวน แต่ตำรวจกลับคว้าน้ำเหลว พวกเขาไม่เคยพบผู้ต้องสงสัย และไม่อาจจับกุมใครได้ ความคืบหน้าในเรื่องนี้มีเพียงการค้นพบรอยนิ้วมือที่อยู่ในจดหมาย ซึ่งเขียนโดยนักฆ่าจักรราศีแห่งเมืองนิวยอร์กเท่านั้น

เมื่อเอาไปลายนิ้วมือไปตรวจสอบในฐานข้อมูล กลับไม่พบชื่อใครเลย นั่นหมายความว่า เจ้าของรอยนิ้วมือไม่เคยถูกจับกุมในคดีไหนเลยในประเทศนี้

ช่วงระหว่างปี 1990-1993 นักฆ่าจักรราศีแห่งเมืองนิวยอร์ก ก่อเหตุไป 8 ครั้ง ยิงเหยื่อตายไป 3 ราย จากนั้นเขาก็หยุดการก่อเหตุไปเสียดื้อๆ ท่ามกลางความมึนงงของตำรวจอย่างมาก

จวบจนถึงปี 1996 ฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ ได้กลับมาก่อเหตุยิงคนบาดเจ็บอีกครั้ง พร้อมส่งจดหมายไปยังสำนักข่าวนิวยอร์ก โพสต์ อีกครา พร้อมข้อความว่า นักฆ่าจักรราศี จะกลับมาฆ่าคนอีกครั้ง

เหตุการณ์นี้ทำให้ทางการตั้งชุดเฉพาะกิจมาล่าตัว แต่ก็ควานหาไม่พบเหมือนเดิม จนทีมถูกยุบไป นักสืบที่ทำคดีนี้ได้ขอย้ายจากโต๊ะอาชญากรรม ไปเป็นโต๊ะปฏิบัติการพิเศษ มีหน้าที่เจรจาตัวประกันแทน

และงานแรกของเขา ก็เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน ปี 1996 เมื่อตำรวจรับแจ้งจากหญิงสาวคนหนึ่งว่า ถูกลูกพี่ลูกน้องจับเป็นตัวประกัน ชุดปฏิบัติการพิเศษเข้าจับกุมผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อว่าเอ็ดดี้ หลังคุมตัวได้สำเร็จ โดยไม่มีการสูญเสียอะไร ทางเอ็ดดี้ก็ได้เขียนคำรับสารภาพ 

ตัวหนังสือที่บรรจงลงไปนั้น ทำเอาหัวหน้าชุดเจรจาตัวประกันถึงกับช็อก เพราะเขาศึกษาจดหมายที่นักฆ่าจักรราศีแห่งเมืองนิวยอร์กเขียนมานานจนแทบจะจำได้

ลายมือที่เอ็ดดี้เขียนลงกระดาษ ช่างคล้ายกับลายมือของฆาตกรต่อเนื่องที่ตำรวจไล่ล่ามานานยิ่งนัก พวกเขาส่งจดหมายไปเทียบเคียงกับผู้เชี่ยวชาญ และคุมตัวเอ็ดดี้มาสอบสวนทันที

กินเวลาไม่นาน อีกฝ่ายก็รับสารภาพ

“ใช่ครับ ผมเป็นนักฆ่าจักรราศีเอง”

4.

เมื่อตำรวจตรวจสอบห้องพักของเอ็ดดี้ พวกเขาพบปืนประดิษฐ์เองจำนวนมาก เมื่อนำลายนิ้วมือของชายคนนี้ไปตรวจ ก็พบว่าตรงกับลายนิ้วมือที่พบในจดหมายของนักฆ่าจักรราศี ทางนักวิเคราะห์ก็ยืนยันว่าลายมือของเอ็ดดี้กับลายมือของนักฆ่าจักรราศีแห่งเมืองนิวยอร์กนั้นตรงกัน

หลังจากไล่ล่ากันมาหลายปี พวกเขาก็ปิดคดีได้อย่างง่ายดาย สุดแสนจะละม่อม ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก

เอ็ดดี้ให้การง่ายๆว่า เขาฆ่าเหยื่อ เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นปีศาจเท่านั้น

อย่างไรก็ดี นักฆ่าจักรราศีแห่งเมืองนิวยอร์กไม่เคยบอกวิธีการเฟ้นหาเหยื่อ ไม่เคยเล่าให้ตำรวจฟังว่า ทำไมถึงลงมือก่อเหตุ ทำไมถึงหยุดไป แล้วทำไมถึงกลับมาฆ่าคนอีกครั้ง 

เขาไม่ยอมให้ปากคำว่า ทำไมถึงรู้ราศีเหยื่อได้ ทีแรกตำรวจคาดว่า เดิมผู้ก่อเหตุน่าจะทำงานที่รู้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ แต่เพราะเอ็ดดี้ไม่เคยทำงาน ดังนั้นวิธีการก่อเหตุของเขาน่าจะเรียบง่าย นั่นก็คือการเข้าไปนั่งคุยกับเหยื่อ จนทราบราศีเกิด ก่อนลงมือฆ่านั่นเอง

พฤติกรรมของเอ็ดดี้ ถือว่าเหี้ยมโหดมาก เขาถูกตัดสินให้จำคุกยาวนานกว่า 232 ปีที่เรือนจำความมั่นคงสูง ซึ่งทำให้นักฆ่ารายนี้เปลี่ยวเหงาอย่างมาก เพราะปกติเขาก็ไม่มีเพื่อนในโลกภายนอกอยู่แล้ว ยิ่งถูกจองจำอิสรภาพ ก็ยิ่งไม่มีใครมาพูดคุยคบหาเข้าไปใหญ่ บุคคลที่มาเยี่ยมเขาในเรือนจำคือแม่ ซึ่งเป็นมนุษย์คนเดียวที่เอ็ดดี้ผูกสัมพันธ์ด้วย 

7 ปีที่ต้องโทษ เขาว้าเหว่อย่างมาก

จนกระทั่งการมาถึงของซินเธีย

โลกของเอ็ดดี้ก็เปลี่ยนไป

สำหรับซินเธียนั้น มีเชื้อสายลาติน อยู่ในแก๊งค้ายาตั้งแต่เด็ก โดยเธอพ้นผิดในข้อหาข่มขืนเด็กหญิงผิวดำ เพราะอ้างว่าตัวเองเป็นหญิงข้ามเพศ และยืนยันว่าไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงแม้แต่ครั้งเดียวในชีวิต อย่างไรก็ดีทางลูกขุนถือว่าเธอเอง ก็มีส่วนร่วมในการฆาตกรรมโหด จึงตัดสินให้จำคุกอย่างยาวนาน

เธอถูกจับแยกกับแฟนหนุ่ม และถูกส่งไปเรือนจำความมั่นคงสูง ที่นั่น เอ็ดดี้มีหน้าที่ยกถาดอาหารไปให้นักโทษในห้องขัง เมื่อซินเธียมาอยู่คุกนี้ใหม่ๆ ทั้งสองเคยพบกันครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า

อย่างไรก็ดี การเจอกันครั้งต่อๆ มา ซินเธียยิ้มให้เอ็ดดี้ และชายหนุ่มก็มักจะให้อาหารแก่อีกฝ่ายมากกว่าคนอื่นอยู่เป็นประจำ

ในที่สุดซินเธียจึงชิงทักเอ็ดดี้ว่า “ทำไมเธอไม่เขียนจดหมายเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฉันฟังล่ะ”

นั่นเอง เส้นทางความรักจึงบังเกิดขึ้น

5.

ทั้งสองเริ่มจากเขียนถึงกันผ่านทางกระดาษ โดยในคุกแห่งนี้ นักโทษจะต้องอยู่ในห้องขังตลอด 23 ชั่วโมง สามารถออกมาข้างนอกได้เพียง 1 ชั่วโมง เอ็ดดี้กับซินเธีย จึงพบกันได้แค่วันละ 60 นาทีเท่านั้น แต่ทั้งสองก็พูดคุยกัน และเริ่มสานสัมพันธ์ ก่อกำเนิดเป็นความรักสุดตื่นตะลึง

วันหนึ่ง ซินเธียชิงเปิดฉากรุกหนักขึ้นกว่าเดิม เมื่อเธอขอเอ็ดดี้แต่งงาน

“ผมไม่รู้ว่าคุณพูดถึงอะไร แต่ผมตกลง” เอ็ดดี้เล่าให้นักข่าวฟัง

“เธอบอกผมว่า การแต่งงานคือการที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน เป็นทีมเดียวกัน เพื่อจะได้ดูแลกันและกัน ซึ่งผมฟังแล้วชอบมาก”

ในที่สุด ทั้งสองก็ตกลงจะครองคู่กันในสถานที่รวมอาชญากรแห่งนี้ ซินเธียขออนุญาตผู้คุมให้สักแมงป่องซึ่งเป็นราศีเกิดของเธอไว้ที่หน้า เพื่อเป็นเครื่องยืนยันความรักระหว่างเธอกับเอ็ดดี้

“ผมไม่ได้เป็นเกย์นะ แต่ผมมองซินเธีย เหมือนเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง”

ถึงตรงนี้ ซินเธียบอกว่า เธอไม่เคยก่อเหตุฆ่าเด็กหญิงผิวดำคนนั้น โดยโยนให้แฟนหนุ่มเป็นคนทำทั้งหมด และเธอติดร่างแหมาด้วย ส่วนเอ็ดดี้ เขาไม่เคยบอกว่าตัวเองบริสุทธิ์ เพราะมีผลงานฆ่าคนไป 3 ราย เจ็บอีก 8 ชีวิตด้วยกัน ทุกคนในคุก ทั้งนักโทษและผู้คุมรู้ว่าเขาคือนักฆ่าจักรราศี ที่เลียนแบบนักฆ่าจักรราศีตัวจริง

การพบกันของทั้งคู่ เกิดจากพฤติกรรมสุดโหดร้าย ที่ทำให้ทั้งสองได้มาเจอและสานสัมพันธ์กัน และได้ตัดสินใจที่จะเป็นคนรักกันในสถานที่สุดมืดมนแห่งนี้

ตลอดชีวิตของซินเธีย ตั้งแต่เกิดก็อยากเป็นผู้หญิงมาตลอด แต่เส้นทางที่ผันผ่าน ช่างดูหดหู่ เธอเกิดในครอบครัวยากจน และเข้าออกคุกเป็นว่าเล่น ในข้อหายาเสพติดและวางเพลิงตั้งแต่วัยรุ่น 

ระหว่างนั้นก็มีแฟนหนุ่มในคุก เป็นฆาตกรสุดโหดบ้าง พวกจอมข่มขืนทั้งหลาย ที่สำคัญ เธอคลั่งไคล้พวกฆาตกรต่อเนื่องมากๆ อ่านหนังสือเกี่ยวกับพวกนี้ และนี่เอง จึงมีส่วนดึงดูดให้เธอรักกับเอ็ดดี้

และในเรือนจำนี้ ซินเธียได้รับอนุญาตให้ทานฮอร์โมนเพศหญิง เพื่อจะได้มีหน้าอก และมีทรวดทรงได้ ทั้งหมดนี้ เธอทำลงไปเพราะอยากเป็นสาวงาม และอยากเป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบให้กับเอ็ดดี้

ระหว่างนั้นเธอก็ผลักดันให้เอ็ดดี้ เข้ารับการอบรมเรื่องการต่อต้านใช้ความรุนแรงในเรือนจำด้วย

ไม่ว่าทั้งสองจะมีประวัติสุดโหดเหี้ยมมาในอดีตแค่ไหน ปัจจุบันนี้ ดูเหมือนพวกเขาเริ่มตระหนักถึงความผิดพลาดในชีวิต และเริ่มต้นอยากจะเป็นมนุษย์ปกติเหมือนคนทั่วไปบ้างแล้ว

ซินเธียยอมรับว่า เอ็ดดี้จะต้องอยู่ในคุกนี้ไปตลอดชีวิตแน่นอน ส่วนตัวเธอนั้น วันหนึ่งโทษก็จะสิ้นสุด ต้องออกจากเรือนจำ กลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงข้างนอกนั้นแน่นอน แต่ทั้งหมดนี้ มันเป็นเรื่องของอนาคต และก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย

“ตราบใดที่ฉันรู้ว่า เขาอยู่ในนี้ เราสองก็ยังเขียนถึงกัน พบกันได้ เพราะฉันไม่เคยคิดที่จะทิ้งเขาไปเลย”

ซินเธียเคยถามนักฆ่าจักรราศีแห่งเมืองนิวยอร์กว่า เขาเคยคิดจะฆ่าเธอหรือไม่ ซึ่งคนรักก็ได้ให้คำตอบกลับมาว่า 

“ผมไม่มีวันที่จะทำร้ายคุณหรอก”

ทั้งสองบอกกับนักข่าวว่า ชีวิตของทั้งคู่ถือเป็นความรักท่ามกลางบรรยากาศที่ดูสิ้นหวัง เพราะมันอยู่ในคุก ที่ซึ่งอิสรภาพไม่มีค่า แต่นั่นยิ่งทำให้เสรีภาพและชีวิตมนุษย์กลับมามีความหมายอย่างมาก

ซินเธียย้ำว่า การฆาตกรรมถือเป็นพรหมลิขิตที่บันดาลให้ทั้งสองมาพบกัน และได้รักกัน

แม้ฟังแล้วจะดูเป็นเรื่องราวสุดอื้อฉาว แสนตกตะลึงอยู่พอสมควร พลันที่เรื่องนี้เป็นข่าว สังคมก็ถกเถียง บางคนก่นด่าประณาม บางคนกระอักกระอ่วน แต่บางคนก็มองว่ามันเป็นเรื่องปกติ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในโลกกลมๆ แสนบิดเบี้ยวใบนี้

โดยเฉพาะในสถานที่ซึ่งเราคาดไม่ถึงว่าจะมีความรักเกิดขึ้นมาได้

แต่มันก็ยังเป็นไปได้

ซินเธียกล่าวถึงเอ็ดดี้ต่อหน้าสื่อมวลชนอย่างน่าสนใจว่า “เขาจะบอกฉันทุกวันเสมอว่า เรามีค่ำคืนที่ดี และผมรักคุณ”

แล้วเธอก็จะตะโกนตอบไปอย่างนุ่มนวล จากห้องขังถัดไปว่า

“ฉันก็รักคุณเหมือนกัน”

ข้อมูลอ้างอิง

https://nymag.com/nymetro/news/crimelaw/features/n_10181/

https://www.nytimes.com/1996/06/20/nyregion/trail-zodiac-overview-police-say-zodiac-suspect-admits-attacks-that-killed-3.html

 https://www.nytimes.com/1996/06/22/nyregion/suspect-is-charged-in-4-zodiac-cases-in-queens.html

https://www.nytimes.com/1998/05/15/nyregion/man-said-to-be-zodiac-killer-becomes-enraged-at-trial.html

 https://www.nytimes.com/1998/06/25/nyregion/brooklyn-man-is-guilty-in-three-zodiac-killings.html

 https://jezebel.com/i-am-isolated-in-a-cell-23-to-24-hours-a-day-an-interv-1740119213

Tags: , , ,