1

“เราจับเขาได้ และทำให้ชุมชนของเราปลอดภัย”

วันที่ 13 พฤศจิกายน ปี 2022 ตำรวจเมืองมอสโก รัฐไอดาโฮ สหรัฐอเมริกา รับแจ้งเหตุฆาตกรรมโหด 4 ศพในบ้านพักหลังหนึ่ง พวกเขารุดไปจุดเกิดเหตุ พบร่างนักศึกษามหาวิทยาลัยไอดาโฮ จำนวน 4 รายด้วยกัน เป็นหญิง 3 ชาย 1 ทั้งหมดถูกกระหน่ำแทงอย่างโหดเหี้ยม เลือดนองสยองในบ้าน

ตำรวจไม่พบอาวุธสังหาร พวกเขาเจอเพียงปลอกมีดยี่ห้อหนึ่งตกอยู่ในจุดเกิดเหตุ 

คดีนี้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาว ในเมืองเงียบสงบ ปลอดอาชญากรรม ผู้ก่อเหตุทำให้ชาวบ้านในชุมชนตกอยู่ในอาการผวา ทุกคนหวาดกลัว เมืองแห่งนี้จากเดิมที่ชาวบ้านไม่ค่อยล็อกประตูเคหสถานก็แห่กันล็อก สเปรย์พริกไทยที่ใช้ป้องกันตัวขายดีอย่างมาก ยังไม่นับอาวุธที่หาซื้อได้ง่ายในประเทศนี้อย่าง ‘ปืน’ ก็ถูกคนแห่จับจอง เก็บไว้ นิ้วเข้าโกร่งไกเพื่อสร้างความอุ่นใจอย่างมาก

ตำรวจและนักสืบถูกระดมมาเพื่อไขคดี พวกเขาพบว่าเหล่าผู้เสียชีวิตไปปาร์ตี้ตามประสาเด็กมหาวิทยาลัย ก่อนจะกลับมาที่พักซึ่งเช่าเอาไว้ แล้วจบชีวิตลงอย่างน่าสลด

ไม่มีพยาน ไม่มีใครรู้ว่าแรงจูงใจคืออะไร นับเป็นคดีที่สาหัสอย่างมากสำหรับนักสืบ

หากพวกเขาดำเนินการสอบสวนด้วยวิธีการที่เคยเรียนรู้กันมา ก็ยากที่จะสาวไปถึงอาชญากรสุดอันตรายคนนี้ได้

แต่เหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ใช้วิธีการสืบสวนรูปแบบใหม่ ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการจับคนร้ายในโลกใบนี้ ไม่ให้เหมือนเดิมอีกต่อไป มันคืออนาคตของตำรวจในการล่าตัวฆาตกรของคดีที่ไม่พบอาวุธสังหาร ไม่พบแรงจูงใจ ไม่พบเอกลักษณ์ของนักฆ่าที่มักจะทิ้งไว้ในสถานที่เกิดเรื่องโหดร้ายนี้

30 ธันวาคม 2022 กินเวลาเพียงเดือนกว่าๆ ตำรวจบุกจับกุม ไบรอัน โคห์เบอร์เกอร์ (Bryan Kohberger) นักศึกษาปริญญาเอก สาขาอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยไอดาโฮ เขาไม่เคยให้การรับสารภาพในคดีนี้ แต่ตำรวจมั่นใจว่าชายคนนี้ คือมือมีดสุดเหี้ยม ที่สังหารนักศึกษาอนาคตไกล 4 ราย

เบื้องหลังการจับกุมคือสุดยอดการสืบสวนแห่งศตวรรษ ที่อีกไม่นาน เชื่อได้เลยว่า จะเป็นรูปแบบที่ตำรวจใช้จับคนร้ายในโลกใบนี้ได้อย่างแน่นอน

ทุกอย่างเริ่มต้นจากดีเอ็นเอ สู่การสร้างผังตระกูล แล้วนำไปสู่การไขคดีในที่สุด

2

สำหรับคดีนี้ ตำรวจรับแจ้งจากเพื่อนบ้านของผู้เคราะห์ร้ายว่าเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น เพราะสงสัยว่าทำไมนักศึกษาในบ้านหลังดังกล่าวไม่ออกไปเรียน แถมบ้านก็ปิดไม่เรียบร้อย หลายอย่างผิดปกติ เมื่อสายตรวจรุดไปเคหสถานแห่งนี้ ก็พบ 4 ศพอยู่ในห้องน้ำ เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 ชั่วโมงด้วยกัน

เจ้าหน้าที่ทำการเก็บหลักฐานโดยละเอียดที่สุด ทีมพิสูจน์หลักฐานเก็บตัวอย่างเลือด เก็บดีเอ็นเอในจุดเกิดเหตุทั้งหมด พวกเขาแยกแยะดีเอ็นเอของผู้เสียชีวิตไว้แล้ว จากนั้นก็พบดีเอ็นเอที่มีอัตลักษณ์อันหนึ่ง ที่คาดว่าน่าจะเป็นของคนร้าย อยู่ที่ปลอกมีดดังกล่าว

จุดนี้ ตำรวจแบ่งการสืบสวนเป็น 2 รูปแบบด้วยกัน

อันดับแรก พวกเขาไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบจุดเกิดเหตุ จนพบรถเก๋งสีขาวคันหนึ่ง ขับอยู่บริเวณดังกล่าว จากการตรวจสอบอย่างละเอียด สันนิษฐานว่าเป็นรถของคนร้าย แต่น่าเสียดายที่เห็นป้ายทะเบียนไม่ชัด

หากจะสืบจากรถ ก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ในประเทศที่รถเปรียบเสมือนเท้าของคน รถเก๋งสีขาวนี้มีอยู่เกลื่อนกลาดดาษดื่น ดังนั้นจึงต้องใช้วิธีการสืบสวนอื่นร่วมด้วย

วิธีการซึ่งนักสืบใช้คือการไล่ดูโทรศัพท์มือถือรอบจุดเกิดเหตุ โดยตรวจเช็กสัญญาณจากเสาโทรศัพท์ในพื้นที่รอบจุดเกิดเหตุ หรือเรียกง่ายๆว่า การล้มเสา แน่นอนว่าพวกเขาพบผู้ใช้มือถือในละแวกรอบจุดเกิดเหตุจำนวนมาก การจะไล่ตรวจสอบให้ครบก็เหมือนหาเข็มในกองฟาง อีกทั้งยังกินเวลานาน

แต่พวกเขาก็ยังพยายามค้นหาต่อไป

ในตอนแรกทางการคิดว่า ผู้ก่อเหตุไม่น่าจะสร้างความหวาดผวาให้กับชุมชนได้ เพราะเชื่อว่านี่คือการฆ่าโดยมีแรงจูงใจบางอย่าง ไม่ใช่การฆ่าแบบสุ่มเหมือนพวกฆาตกรต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี ตำรวจก็ไม่กล้าจะฟันธงว่าชุมชนแห่งนี้ปลอดภัย และฆาตกรคนนี้จะไม่ไล่ฆ่าใครเพิ่มอีก จึงแจ้งเตือนประชาชนให้ระวังตัว แม้จะสร้างความตื่นตระหนกในสังคม แต่ก็ทำให้ประชาชนได้ตื่นตัวรับรู้ว่า ฆาตกรที่ก่อเหตุนี้อาจอยู่ท่ามกลางพวกเขา ซึ่งถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างมาก

รูปแบบการสืบสวนประเภทนี้ คือการสอบสวนตามปกติของตำรวจที่ใช้ไขคดีอยู่ในปัจจุบัน มันอาจสาวไปถึงตัวคนร้ายได้ แต่จะใช้เวลานานพอสมควร

ดังนั้นทางการจึงลงทุนในการสืบสวนรูปแบบที่ 2 โดยมีสำนักงานสอบสวนกลางอย่างเอฟบีไอ และบริษัทเอกชนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยใช้วิธีการนำดีเอ็นเอที่พบในจุดเกิดเหตุมาวิเคราะห์และสร้างแผนผังตระกูลขึ้นมา

ถือเป็นวิธีการที่ใหม่เอี่ยมมากๆ และล้ำหน้าเป็นอย่างยิ่ง

3

ทั้งนี้ ทางตำรวจมีการเก็บดีเอ็นเออย่างเป็นระบบระเบียบมานานแล้ว หากจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ ก็จะนำดีเอ็นเอมาเทียบกับอัตลักษณ์ที่พบในจุดเกิดเหตุบ้าง อาวุธสังหารบ้าง หากดีเอ็นเอตรงกัน ก็ถือว่าเป็นคนร้ายอย่างแน่นอน การใช้ดีเอ็นเอจับกุมคนร้ายนี้ คือความก้าวหน้าอย่างมาก เพราะไม่ต้องสนใจคำรับสารภาพหรือพยานในจุดเกิดเหตุอีกแล้ว เพราะถือว่าหลักฐานทางวิทยาศาสตร์นี้น่าเชื่อถือที่สุด

เนื่องจากความผิดพลาดของดีเอ็นเอนั้นมีน้อยมากๆ น้อยชนิดที่ว่ามนุษย์ไม่สามารถปลอมแปลงดีเอ็นเอได้เลย เราจะปลอมลายนิ้วมือก็ว่ายากแล้ว แต่เนื้อเยื่อในกระพุ้งแก้ม เหงื่อ คราบน้ำเชื้อเอย เลือด สิ่งเหล่านี้ปลอมแปลงได้ยากมากๆ

ดังนั้นหากดีเอ็นเอชี้ชัดตรงกับใคร ก็มั่นใจได้เลยว่าจะเป็นของคนนั้นจริงๆ

แต่วิธีการนี้จะต้องมีการเก็บหลักฐานในจุดเกิดเหตุอย่างละเอียด ไม่ให้เกิดการปนเปื้อนเด็ดขาด เพราะจะทำให้ดีเอ็นเอที่ได้ไม่สมบูรณ์ และทำให้ยากจะสาวไปหาตัวคนร้ายต่อไปได้

ตลอดหลายสิบปี ทางการจึงมีวิธีการเก็บหลักฐานในจุดเกิดเหตุอย่างรอบคอบครบถ้วนมานานแล้ว ในสหรัฐอเมริกายิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขาทำงานอย่างเป็นระบบละเอียดมาก

ปัญหาอย่างหนึ่งของดีเอ็นเอก็คือ หากได้มาแล้ว แต่ไม่อาจหาใครมาเทียบได้ มันก็ไม่อาจนำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้อย่างแน่นอน

แต่นั่นคือปัญหาในอดีต เพราะปัจจุบัน มีบริษัทที่เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ แล้วนำไปสร้างผังตระกูล ย้อนหลังได้ ยกตัวอย่าง เราคนทั่วไปจะมอบดีเอ็นเอให้กับบริษัทเหล่านี้ หากคนจำนวนมากมอบดีเอ็นเอเยอะๆ มันจะนำไปสู่การสร้างผังตระกูลว่า ใครเป็นญาติกับใครกันบ้าง โดยดูจากความคล้ายคลึงกันของดีเอ็นเอ

เทคโนโลยีตรงนี้ ทำให้เราสืบหาบรรพบุรุษในอดีตได้ ดูได้ว่าใครเป็นญาติเรา ซึ่งบางคนสามารถหาได้ว่า ใครเป็นพ่อแม่เรา กรณีนี้เกิดขึ้นสำหรับคนที่เป็นลูกบุญธรรมในครอบครัวหนึ่ง และอยากหาพ่อแม่ที่แท้จริง

ธุรกิจนี้เฟื่องฟูในอเมริกาเป็นอย่างยิ่ง มีคนยินยอมมอบตัวอย่างดีเอ็นเอเป็นจำนวนมาก และทางตำรวจได้อาศัยเทคโนโลยีการสร้างผังตระกูลนี้ โดยขอข้อมูลจากบริษัทเอกชน เอาดีเอ็นเอของคนร้ายในอดีตมาเทียบเคียง จนสามารถรู้ว่า เขาเป็นญาติใคร มีใครเป็นครอบครัวบ้าง จากความคล้ายคลึงของดีเอ็นเอ 

จนในที่สุดก็รู้ว่าคนร้ายที่ยังจับไม่ได้ มีคนใกล้ชิดเป็นใครบ้าง ก่อนจะนำไปเทียบอายุ ช่วงเวลาก่อเหตุ จนรู้ได้ว่าใครคือคนร้ายในคดีต่างๆ ที่ยังค้างคาอยู่ในระบบการสืบสวน

จากนั้นจึงนำกำลังบุกไปจับกุมตัว และนำดีเอ็นเอมาเทียบอีกครั้ง เมื่อพบว่าตรงกับดีเอ็นเอที่พบในจุดเกิดเหตุ (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้น) ก็เป็นอันจบคดี กลายเป็นผู้ต้องหาส่งเข้าคุกได้เลย

เทคโนโลยีและธุรกิจนี้นำไปสู่การไขคดีในอดีตอย่างมากมาย ฆาตกรต่อเนื่องที่เก่งกาจต้องจนมุมโดนรวบ แถมนักฆ่าที่ตายไปแล้ว พวกเขาก็สาวจากความคล้ายคลึงในดีเอ็นเอของลูกหลาน จนปิดคดีได้

เรียกได้ว่าแม้จะตายไปแล้ว ก็ยังไม่อาจหนีพ้นจากความผิดได้ สุดท้าย ตำรวจก็พบว่าเป็นฆาตกร แม้อีกฝ่ายจะไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป

อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีนี้ใช้ในการย้อนหลังดูคนร้ายในอดีตเท่านั้น แต่ยังไม่เคยมีใคร นำมาใช้ไขคดีคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีปัจจุบันเลย 

ความท้าทายนี้เอง ทำให้บริษัทเอกชนที่ทำเทคโนโลยีสร้างผังตระกูลจากดีเอ็นเอ และนักวิชาการ สนใจในคดีนักฆ่าไอดาโฮ แล้วนำดีเอ็นเอที่พบในจุดเกิดเหตุ ไปสร้างผังตระกูลคนร้ายขึ้นมา ค่อยๆ ค้นหาว่าบุคคลต้องสงสัยนี้ มีความคล้ายคลึงเป็นญาติกับใครบ้าง

กินเวลาไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็พบชื่อของไบรอันขึ้นมา

4

เมื่อพบชื่อของไบรอัน พวกเขาก็ทำการตรวจสอบดีเอ็นเอซ้ำ โดยทำการซุ่มและเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ จากชายต้องสงสัยคนนี้ ทั้งจากแก้วน้ำ ช้อนส้อมที่เขาใช้ จากถังขยะที่บ้านของเขา เมื่อได้ดีเอ็นเอมาแล้ว ก็เอาไปเทียบเคียง จนพบว่าไบรอันมีดีเอ็นเอหลงเหลืออยู่ในจุดเกิดเหตุด้วย

พวกเขาพบว่าสัญญาณโทรศัพท์มือถือของไบรอันอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ก่อนจะมีการปิดเครื่องไป ในช่วงสังหารโหด ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าหน้าที่ยังพบว่ารถที่ไบรอันขับนั้นเป็นรถเก๋งสีขาว ใกล้เคียงกับรถต้องสงสัยที่พบในจุดเกิดเหตุด้วย

โดยไบรอันได้ขับรถคันนี้กับพ่อ แล้วโดนตำรวจโบก เพราะแต่งรถซิ่ง มีโทษปรับ และกลายเป็นหลักฐานเสริมในคดีนี้ในเวลาต่อมา

เมื่อดีเอ็นเอระบุชัดขนาดนี้ เจ้าหน้าที่จึงรวบตัวชายคนนี้ทันที กินเวลาไม่นาน ก็สามารถปิดคดีนี้ได้ ท่ามกลางเสียงชื่นชมของประชาชนอย่างท่วมท้น และทำให้เหล่านักสืบทั่วโลกต่างทึ่งกับวิทยาการสืบสวนรูปแบบใหม่นี้

ไบรอันเรียนด้านอาชญาวิทยา จึงมีความชำนาญ และมีความสามารถในการก่อเหตุ รวมถึงการซ่อนหลักฐานอย่างมาก นักสืบพบว่าไบรอันถูกพักการเรียน หลังมีเรื่องทะเลาะวิวาทถึงขั้นลงไม้ลงมือกับอาจารย์ขณะเป็นผู้ช่วยสอน แถมยังมีการร้องเรียนว่าไปคุกคามผู้หญิงหลายรายด้วย

จุดนี้ตำรวจไม่ต้องการคำรับสารภาพ ไม่ต้องการอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ เหมือนอย่างในอดีตอีกแล้ว เพราะดีเอ็นเอของไบรอันที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ หรือพูดให้ละเอียดคือ ตรงปลอกมีดที่คาดว่าน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของอาวุธสังหาร ก็เพียงพอแล้วที่จะดำเนินคดีได้ เพราะหมายความว่า ชายคนนี้อยู่ในที่เกิดเหตุ ขณะที่นักศึกษาทั้ง 4 รายถูกฆาตกรรม แล้วการที่เขารอดจากการฆาตกรรมมาได้ โดยไม่ได้บาดเจ็บอะไรแม้แต่นิดเลย นั่นทำให้ชายคนนี้จะเป็นใครไปได้ นอกจากฆาตกรนั่นเอง

ตัวไบรอันไม่เคยรับสารภาพ ไม่เคยบอกว่าแรงจูงใจในการฆ่าเกิดจากอะไร ตำรวจก็ไม่เคยเค้นเอาได้ แต่อย่างที่บอก ทางการไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงการสืบสวนแบบเดิมอีกแล้ว ตราบใดที่ดีเอ็นเอระบุชัด ชายคนนี้ก็ยากที่จะพ้นข้อกล่าวหาได้ ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้เขาได้ประกันตัว โดยให้คุมขังไว้รอเวลาตัดสินคดี

ทุกวันนี้ ไบรอันยังคงเงียบ ไม่พูดอะไรในชั้นศาล เขาไม่กล้าแม้จะพูดว่าตัวเองไม่ผิด เพราะหลักฐานนี้แน่นหนามาก และในรัฐไอดาโฮนั้น แม้คุณจะเป็นบ้า ก็ไม่อาจเลี่ยงที่จะไม่ติดคุกได้ ดังนั้นชะตากรรมของไบรอันจึงเดินไปสู่ปลายทางที่คุกอย่างแน่นอน

5

การไขคดีนี้ได้ สร้างความโล่งอกให้กับคนในชุมชนอย่างมาก ทางญาติผู้เสียชีวิตก็ถึงกับทุเลาใจ อย่างน้อยการสูญเสียก็ได้รับความยุติธรรม นำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้

การปิดคดีนี้ได้ ไม่เพียงจะฉายให้เห็นการทำงานที่มุ่งมั่นของตำรวจเท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นรูปแบบการสืบสวนของดีเอ็นเอ ที่ในเร็ววันนี้จะกลายเป็นรูปแบบการสืบสวนจับกุมคนร้ายในอนาคตได้อย่างแน่นอน

การทำงานของตำรวจที่ไขคดีนี้ได้ จึงเป็นความไม่ธรรมดาอย่างมาก ดังที่นักวิเคราะห์ผู้สร้างแผนผังดีเอ็นเอนี้ ยอมรับเลยว่า เหตุการณ์นี้จะเปลี่ยนโลกแห่งการสืบสวนไปตลอดกาล และการจับไบรอันได้นั้น ถือเป็นปฐมบทจุดเริ่มต้นของการสืบคดีแบบใหม่อย่างแน่นอน ทางนักวิเคราะห์รายนี้ยังได้ทิ้งท้ายถึงเหตุการณ์นี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า

“ทั้งหมดนี้ จึงทำให้คดีไอดาโฮ เป็นอะไรที่น่าสนใจอย่างมาก”

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.nytimes.com/2023/06/10/us/idaho-university-murder-investigation.html

https://www.nytimes.com/2023/05/22/us/bryan-kohberger-idaho-murders.html

https://www.nytimes.com/2023/05/17/us/idaho-murder-kohberger-indictment.html

https://www.nytimes.com/live/2023/01/05/us/idaho-murders-kohberger-news

Tags: , , , ,