“ขอให้พ่อเน่าตายในคุก”

1

มันเป็นคืนวันจันทร์ เวลา 20.25 น. ตามนาฬิกาที่ตั้งไว้ในห้องครัว ณ บ้านพักกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แคโรลีน ดาเรียน (Caroline Darian) วัย 40 ปี ได้รับข่าวร้ายที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล

หญิงสาวทำงานตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการสื่อสาร สามีทำงานสถานีโทรทัศน์ ทั้งสองมีลูกชายน่ารักวัย 8 ปี ชีวิตสุขสบายดูสมบูรณ์แบบ วันดังกล่าวแคโรลีนทำงานที่บ้านจากโปรแกรมซูม ตอนที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หญิงสาวเพิ่งวางถุงอาหารญี่ปุ่นที่เคาน์เตอร์ แม่โทร.มาหานั่นเอง

จีเซล เพลีคอต (Gisèle Pelicot) แจ้งกับลูกสาวว่า ให้หาที่เงียบๆ แล้วนั่งลงเพื่อฟังเรื่องน่ากระอักกระอ่วนบางอย่าง

ตอนนั้นแคโรลีนคิดว่า แม่จะบอกเรื่องปัญหาสุขภาพของพ่อ เพราะช่วงนั้นฝรั่งเศสเพิ่งผ่อนปรนมาตรการเรื่องโรคโควิด-19 และพ่อของเธอมีปัญหาเรื่องการหายใจอย่างมาก

อย่างไรก็ดีข่าวที่แม่บอกกับลูกสาวสุดที่รักเป็นเรื่องของพ่อ แต่ไม่ใช่สุขภาพ กลับเป็นคดีอาชญากรรม

โดมินิก เพลีคอต (Dominique Pelicot) ถูกตำรวจฝรั่งเศสจับกุม ขณะแอบถ่ายใต้กระโปรงผู้หญิงด้วยกล้องจิ๋วที่ซ่อนในถุง เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบมือถือ พวกเขาค้นพบข้อมูลสุดตะลึง จึงไปค้นคอมพิวเตอร์ ตรวจฮาร์ดดิสก์ก็พบภาพโป๊ที่ชวนขยะแขยง

ทางการรีบแจ้งภรรยาของโดมินิก แต่ไม่ได้บอกเพียงแค่ข่าวการถูกจับกุมนี้เท่านั้น

เพราะตำรวจแจ้งว่ามีภาพและคลิปวิดีโอของจีเซลถูกวางยาจากสามีจนไร้สติ แล้วมีชายแปลกหน้าเข้ามาข่มขืนเธอ ข้อมูลตรงนี้บันทึกว่า การก่อเหตุเกิดขึ้นมากว่า 10 ปี มีผู้ชาย 70 ราย อายุประมาณ 22-71 ปี ร่วมลงมือ

“เหมือนถูกคลื่นกระแทกใส่” แคโรลีนย้อนรำลึกเหตุการณ์เมื่อ 4 ปีก่อน 

“มันคือหายนะ ที่ทำลายตัวตนฉันจนแหลกสิ้น”

2

โดมินิกเป็นช่างไฟ เคยทำงานเสริมขายอสังหาริมทรัพย์ ส่วนจีเซลทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายโลจิสติกส์ หญิงสาวกำพร้าพ่อที่ตายในสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้จะอยู่กับแม่ แต่ชีวิตก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไร ยังคงมองโลกในแง่ดีและพยายามมีความสุขในชีวิต ดนตรี โอเปรา หนังสือ และศิลปะ คือสิ่งที่เธอโปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งสองพบรักกันเมื่อหญิงสาวอายุ 20 ปี ส่วนชายหนุ่มซึ่งตอนนั้นไว้ผมยาว ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมยังขับรถซีตรองสุดเท่อีกด้วย สาวไหนเลยจะไม่หลงเสน่ห์ชายคนนี้ 

ต่อมาจีเซลและโดมินิกในวัยแค่ 19 ปีตัดสินใจร่วมชีวิตคู่ ตกลงแต่งงาน มีลูก 3 คน ก่อนจะมีหลานอีก 7 คนตามมา

ครอบครัวเพลีคอตดูสมบูรณ์แบบ เพื่อนบ้านมองด้วยความอิจฉา แม้โดมินิกทำธุรกิจล้มเหลว แต่ก็มีภรรยาอยู่เคียงข้าง วัยเด็กของผู้ชายคนนี้มีพ่อที่เข้มงวดแบบเผด็จการ แต่จีเซลก็คอยปลอบโยนและประคับประคองทุกอย่างให้ผ่านพ้นไปได้ จนถึงวัยชรา ลูกๆ เติบโตย้ายออกไป

คู่รักวัยเฒ่าจึงเกษียณตัวเองไปอยู่ตอนใต้ของฝรั่งเศส

โดมินิกเป็นพ่อที่ดี สมัยยังช่วยกันเลี้ยงเด็กๆ พวกเขามีบ้านอยู่นอกกรุงปารีส ที่ซึ่งมีถึง 5 ห้องนอน มีสวน เห็นแม่น้ำงามงด ชายหนุ่มสนับสนุนให้ลูกสาวเรียนเต้น และจะขับรถไปส่งที่โรงเรียนเสมอเพราะไม่อยากให้นั่งรถเมล์ พอถึงช่วงหยุดยาวพ่อจะขับรถเรโนลต์ 25 ไปเที่ยวกับเด็กๆ อยู่เป็นประจำ

“แต่นั่นคือชีวิตที่ผ่านมา” แคโรลีนบอกกับนักข่าว “และฉันไม่เก็บรูปเหล่านั้นไว้อีก เพราะไม่อยากนึกถึงความทรงจำตอนนั้น ทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว”

เพราะภายใต้คุณพ่อแสนดี โดมินิกให้การในชั้นศาล อ้างว่า ขณะรักษาตัวจากแผลที่หัว ตอนอายุ 9 ปี ในโรงพยาบาล เจ้าตัวถูกพยาบาลข่มขืน และเมื่ออายุได้ 14 ปีก็เป็นพยานที่ไซต์งานก่อสร้าง เห็นการกระทำชำเราหมู่หญิงพิการและเขาถูกสั่งให้ร่วมลงมือด้วย นั่นส่งผลให้เขามีพฤติกรรมวิปลาส นำไปสู่การเริ่มวางยาภรรยา

“คุณไม่ได้เป็นพวกโรคจิตตั้งแต่เกิด เราแค่กลายเป็นพวกนี้”

นี่คือคำพูดของเขาในชั้นศาล

โดมินิกซ่อนยาสลบไว้ในถุงเท้าตีเทนนิส ซึ่งแอบอยู่ในรองเท้าสกีที่โรงรถอีกชั้น โดยชายคนนี้ บดยาลงในกาแฟ ไอศครีม หรืออาหาร เพื่อให้ภรรยากิน ก่อนจะเฝ้ามองอีกฝ่ายหลับไป เป็นเวลา 7 ชั่วโมง จากนั้นชายคนนี้จะจัดท่าทางจีเซล ให้ใส่ชุดที่เขาตระเตรียม แล้วเชื้อเชิญชายแปลกหน้ามาก่อเหตุ

หลังลงมือสยองก็จะทำความสะอาดภรรยา ให้กลับมาแต่งตัวเหมือนเดิม เมื่ออีกฝ่ายฟื้นเขาก็จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างนั้นจีเซลคิดว่าตัวเองมีอาการสติหลุด เหมือนสูญเสียความทรงจำไปชั่วขณะ นึกอะไรไม่ค่อยได้ ทีแรกเธอคิดว่าเป็นอาการเริ่มต้นของโรคอัลไซเมอร์

แต่ไม่ใช่ มันเป็นผลมาจากสามี

3

หลังเกิดเหตุ สังคมฝรั่งเศสตกตะลึง เจ้าหน้าที่กวาดจับชายที่ร่วมลงมือ จีเซลต้องย้ายออกจากบ้านพัก ไปอยู่กับลูกๆ แม้โดมินิคถูกคุมตัว แต่เธอไม่รู้ว่าคนที่ข่มขืนเธอจะมาฆ่าปิดปากหรือไม่ นี่คือความกดดัน ความเจ็บปวดสุดในชีวิต

กระนั้นหญิงชราตัดสินใจครั้งสำคัญ เปิดหน้าสู้ โดยไม่คิดจะปิดบังตัวเอง เพื่อให้ทั้งโลกได้เห็น เธอคือเหยื่อ แต่เป็นผู้รอดชีวิตจากการถูกย่ำยีทั้งทางกายและจิตใจ คนที่ต้องอับอาย ควรจะเป็นผู้ก่อเหตุต่างหาก 

นั่นทำให้แคโรลีนร่วมเปิดหน้าสู้เช่นเดียวกับแม่ เพื่อบอกให้สังคมเห็นว่า นี่คือฝันร้ายที่เกิดขึ้น และปลุกให้หญิงสาวที่เคยถูกวางยาข่มขืนได้กล้าก้าวออกมา บอกเล่าความจริง กระชากผู้ชายระยำ ให้ถูกรับโทษ

ในชั้นศาลขณะไต่สวนเหล่า ชายแปลกหน้าที่โดนจับต่างอับอายตัวเอง หลายคนเป็นคนขับรถ เป็นนักข่าวท้องถิ่น เป็นคนที่ทำงานปกติ พวกเขาอ้างว่าไม่รู้ว่าจะเป็นการข่มขืน เพราะสามีก็อยู่ด้วย และคิดว่าจีเซลแกล้งหลับหมดสติ

“มันจะเป็นการข่มขืนได้อย่างไร ถ้าผัวเขาอนุญาต”

นี่คือข้ออ้างสุดเลวร้ายของเรื่องนี้

แคโรลีนถึงกับภูมิใจในตัวแม่ แม้จะเผชิญเรื่องสุดสะพรึง แต่ก็กล้าก้าวขาเข้าสู่ศาลอย่างมีศักดิ์ศรี แม้จะติดเชื้อเอชไอวีจากผู้ก่อเหตุ แต่เธอก็ไม่หวั่น บอกเล่าเรื่องราวในคดีนี้

ระหว่างไต่สวนคดี อัยการและเจ้าหน้าที่นำข้อมูลมากมายออกสู่การพิจารณาคดี มันมีเรื่องราวชิ้นหนึ่งที่ทำเอาแคโรลีนต้องสบตามองผู้ก่อเหตุทั้งหมด ซึ่งนั่งก้มหน้าอย่างอดสู หญิงสาวพูดออกมาว่า “ไอ้พวกขี้ขลาด” ก่อนจะสบตามองพ่อของตัวเองที่นั่งในคอกของจำเลย 

“คุณเคยก่อเหตุกับลูกสาวหรือไม่” อัยการซักโดมินิก

“ผมไม่เคยทำ”

แคโรลีนเดือดดาลแล้วพูดออกมาว่า

“ไอ้ตอแหล”

4

ที่มาของเรื่องนี้เกิดจากเจ้าหน้าที่เชิญตัวแคโรลีนไปดูภาพอะไรบางอย่าง สร้างความตื่นตะลึงให้หญิงสาวมาก เพราะภาพที่พบในคอมพิวเตอร์ของพ่อเธอปรากฏกล้องวงจรปิดติดไปทั่วบ้าน ทั้งในห้องน้ำและห้องนอน มันมีไฟล์ที่เก็บภาพภรรยาของลูกชายโดมินิกเองในสภาพเปลือยกาย แถมยังมีคลิปแคโรลีนเปลือยกาย โดยตั้งชื่อไฟล์ว่า ‘ลูกสาวสุดร่าน’ ซึ่งส่งต่อในโลกออนไลน์อีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าหน้าที่ได้กู้ไฟล์ที่ถูกลบไปก่อนหน้านี้ มันปรากฏภาพแคโรลีนในช่วงวัย 30 ปี นอนอยู่ในท่าทางต่างๆ บนเตียงของบ้านพ่อ และใส่ชุดนอนแปลกๆ พลันที่หญิงสาวเห็นถึงกับช็อก เพราะมันไม่ใช่ชุดของเธอเลย

สามีของหญิงสาว ถึงกับตกตะลึงที่พบภาพสุดสะพรึงเหล่านี้ เขาขึ้นให้การในชั้นศาล โดยย้ำว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราควรถามว่า เธอถูกวางยาหรือไม่ แต่สิ่งที่ควรสงสัยก็คือ ทำไมเธอถึงถูกกระทำแบบนี้”

โดมินิกอ้างว่า เขาไม่เคยก่อเหตุกับลูก แต่แค่ถ่ายภาพเก็บไว้เท่านั้น เขายืนกรานปฏิเสธว่า แคโรลีนไม่เคยถูกก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศ แต่ทุกอย่างช่างขัดแย้ง และไม่มีใครออกมาไขข้อเท็จจริงตรงนี้ จนกลายความลับดำมืดที่หญิงสาวสุดเสียใจ เพราะกระบวนการยุติธรรมไม่อาจให้ความเป็นธรรมต่อเธอได้

“ฉันเหมือนเหยื่อที่ถูกลืม” ก่อนจ้องหน้าชายที่เป็นพ่อ “กูรู้ว่ามึงย่ำยีกู แต่มึงกลับไม่กล้าที่จะพูดออกมา”

“พ่อไม่เคยแตะต้องลูก”

“อย่าเรียกตัวเองว่าพ่อกับกูอีก”

5

แคโรลีนเขียนหนังสือเพื่อบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด โดยเปลี่ยนชื่อกับนามสกุลของตัวเอง เพราะไม่อยากให้พี่น้องคนอื่นซึ่งไม่อยากเปิดหน้าต้องกระอักกระอ่วนใจ หนังสือตีพิมพ์ด้วยนามว่า ‘ฉันจะไม่มีวันเรียกเขาว่าพ่ออีกต่อไป’ 

ระหว่างการพิจารณาคดี จีเซลที่ภายนอกดูยืนหยัดกลับต้องเจอปัญหาสุขภาพ ซึ่งอาจเป็นผลจากการถูกวางยา จนหลายครั้งจำวันเวลาไม่ได้ด้วย

นั่นทำให้ทุกวันนี้หญิงชราที่มีสามีเป็นจอมข่มขืน ต้องเข้ารับการรักษาทั้งทางกายและจิตใจอยู่เป็นประจำ แต่กระนั้นเธอก็ยังสู้ เมื่อถึงวันนัดไต่สวนก็จะเดินทางมา โดยมีประชาชนคอยตบมือให้กำลังใจตลอดทางเดิน

ปลายปี 2024 คำพิพากษาก็มาถึง แม้ตลอดการต่อสู้จำเลยในสภาพชายชราจะอ้างว่าตัวเองป่วย แต่ศาลยืนยันว่า โดมินิกซึ่งได้รับสมญานามจากสื่อและสังคมว่า เป็นอาชญากรจอมข่มขืนที่เลวร้ายสุดในประวัติศาสตร์ ไม่ได้ป่วยทางจิต มีความปกติทุกอย่าง แต่เลือกจะเป็นปีศาจร้ายเอง 

ดังนั้นจึงมีคำตัดสินให้ชายชราต้องโทษจำคุกในเรือนจำ 20 ปี ขณะที่ผู้ก่อเหตุรายอื่นๆ รับโทษแตกต่างกันไป ซึ่งมีข้อท้วงติงว่า โทษที่รับนั้นน้อยไปหรือไม่สำหรับบางคน เพราะพวกเขาเหล่านี้ คือตัวอันตรายแห่งโลกใบนี้อย่างแท้จริง

ขณะเจ้าหน้าที่กำลังพาโดมินิกออกไปจากศาล พ่อกับลูกได้สบตากันครั้งสุดท้าย แต่บุตรสาวได้หันหน้ากลับ พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า

“ชายคนนี้คือตัวอันตราย ไม่มีทางและไม่มีวัน ที่เขาควรจะถูกปล่อยออกจากเรือนจำได้

“ขอให้เขาเน่าตายในคุก”

6

ความยุติธรรมบังเกิด แต่ฝันร้ายยังคงอยู่ แม่ผู้ซึ่งเป็นเหยื่อเจอปัญหาสุขภาพทั้งกายและใจ ด้านแคโรลีนก็เช่นกัน เธอไม่มีวันที่จะรู้เลยว่า ตัวเองเป็นเหยื่อของพ่อหรือเปล่า หรือถูกใครล่วงละเมิดบ้างไหม แถมยังต้องพยายามล้างความทรงจำเกี่ยวกับชายที่ครั้งหนึ่งคือคนที่เธอ(เคย)รัก

การที่พ่อเป็นอาชญากร มีแม่ถูกกระทำอย่างเลวร้าย ลูกสาวอย่างแคโรลีนจึงเจ็บปวดอย่างมาก เธอปิดท้ายเรื่องราวนี้กับนักข่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า ตอนที่สบตากับพ่อในศาล มันคงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้พบกันอีก และเป็นฉากจบของชีวิตที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดีทุกอย่างคงไม่อาจเริ่มต้นใหม่ได้อย่างง่ายดาย เพราะความบอบช้ำจะยังคงอยู่ 

“และจะเป็นฝันร้ายที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด สร้างความทุกข์ทนให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างฉันตลอดกาล”

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.theguardian.com/society/2025/jan/11/caroline-darian-daughter-of-gisele-pelicot-interview

https://www.theguardian.com/books/2025/jan/11/caroline-darian-daughter-dominique-pelicot-memoir-extract-did-he-abuse-me

https://www.bbc.com/news/articles/c2egdp4egl7o

https://www.cbsnews.com/news/caroline-darian-gisele-pelicot-serial-rapist-dominique-pelicot-father-should-die-in-prison-france/

https://www.bbc.com/news/live/c4gpxwd8z1xt?page=2

https://www.theguardian.com/world/2024/nov/23/pelicot-trial-it-is-gisele-name-that-will-be-remembered

Tags: , ,