1
“บางครั้ง คนเราก็สามารถเหนื่อยล้า และโง่ได้ในจังหวะเดียวกัน”
เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ของเรือนจำรัฐแอละแบมา ประเทศสหรัฐอเมริกา ตระเตรียมปาร์ตี้เพื่ออำลาเพื่อนร่วมงานอาวุโสนามว่า วิกกี ไวต์ (Vicky White) อายุ 56 ปี
ไวต์คือหญิงแกร่งแห่งเรือนจำนี้ ในอาชีพที่ต้องดูแลผู้กระทำผิดกฎหมายร้อยรูปแบบ ทั้งผิดแบบซ้ำซาก ผิดเล็กน้อย ผิดอุกฉกรรจ์ และผิดแบบโหดเหี้ยม เข้าข่ายตัวอันตรายของสังคม เธอทำงานได้เปี่ยมประสิทธิภาพ เป็นที่ประทับใจแก่ผองเพื่อนเป็นอย่างยิ่ง
ในสายงานที่ต้องใช้ความเด็ดขาด หากพลาดเพียงนิดเดียว อาจถึงแก่ชีวิตจากเหล่านักโทษตัวแสบทั้งหลายที่จ้องจะแหกคุก ไวต์ปฏิบัติกับวายร้ายผู้กระทำผิดกฎหมายด้วยความเมตตา มองอีกฝ่ายเป็นเพื่อนมนุษย์ แต่ก็ทำหน้าที่ได้อย่างไร้ความบกพร่อง
17 ปีที่ผ่านมา สร้างความแปลกใจให้กับผู้คุมคนอื่น พวกเขาชื่นชมไวต์อย่างมาก เพราะไม่คิดว่า จะมีใครทนทำงานในอาชีพดังกล่าวได้นานขนาดนี้
ถ้าไม่เก่งจริงก็ต้องเหงามากๆ ในการเลือกเส้นทางนี้
เหล่าเจ้าหน้าที่ให้การกับตำรวจศาลในเวลาต่อมาว่า พวกเขาไม่เคยเห็นไวต์มีคนรัก แม้ในช่วงปลายปี 2021 หญิงสาวจะบอกเพื่อนว่า กำลังคั่วกับผู้ชายอยู่ 2 คน แต่ไม่มีอะไรก้าวหน้าไปกว่านี้
ในอดีตเธอเคยแต่งงาน แต่ก็จบลงที่การหย่าร้าง สามีคนแรกเป็นขี้ยา แม้จะคงความเป็นเพื่อนไว้หลังเลิกกัน แต่มันเป็นความรักที่จบลงด้วยความล้มเหลว
ครั้งแรกว่าแย่แล้ว ครั้งต่อมาแทบเรียกได้ว่า เป็นโศกนาฏกรรม เมื่อผู้ชายที่ไวต์หวังจะแต่งงานด้วยเป็นครั้งที่ 2 ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากรถชน ไม่ทันได้ร่วมวิวาห์ครองคู่
เมื่อเจอกับอาชีพผู้คุมที่หนักหน่วง ผสานหัวใจที่บอบช้ำ จึงไม่แปลกที่หญิงสาวตัดสินใจขอเกษียณอายุตนเอง ทุกคนเห็นด้วย ถึงเวลาที่ไวต์จะได้พักผ่อนเสียที
ดังนั้นทุกคนจึงจัดงานเลี้ยงอำลาให้สาวแกร่งรายนี้ ในวันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2022
ช่วงเวลา 09.30 น. ของวันดังกล่าว หญิงสาวทำเรื่องขอเบิกนักโทษชายสุดอันตราย เพื่อไปโรงพยาบาลประสาท ให้แพทย์ประเมินอาการทางจิต ทั้งสองขึ้นรถเก๋งของคุกไป
เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่ว่างจากการสอดส่องเหล่านักโทษ ก็มาช่วยกันจัดงานอำลา
อย่างไรก็ดีพอถึงเวลา 15.30 น. ทุกคนเริ่มเอะใจ หญิงสาวกับนักโทษไม่กลับมาที่คุก มันนานกว่าปกติ จึงเริ่มประสานไปยังโรงพยาบาล เพื่อถามไถ่ความคืบหน้า
คำตอบที่ได้รับคือ ทั้งคู่ไม่ได้ปรากฏตัวที่นั่น
นี่เป็นเรื่องใหญ่ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ประสานไปยังตำรวจศาลว่า มีนักโทษสุดอันตรายหลบหนี คาดว่า อาจจะจับผู้คุมไว้เป็นตัวประกัน หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายตื่นตัว เริ่มออกล่า สืบสวนเรื่องราวทั้งหมด
ระหว่างนั้นเพื่อนร่วมงานไวต์ตรวจสอบวงจรปิด เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม
สิ่งที่พวกเขาพบสร้างความตกตะลึงอย่างมาก
กล้องจับภาพไวต์เปิดประตู แล้วเดินนำหน้านักโทษชายที่อยู่ข้างหลัง เขาใส่กุญแจมือที่ตัวและโซ่ตามต้อยๆ
“นี่ผิดหลักปฏิบัติชัดเจน เธอยอมให้นักโทษอยู่ข้างหลัง ซึ่งอันตรายมากๆ”
หลังจากนั้นทั้ง 2 คนก็ขึ้นรถออกไป
เจ้าหน้าที่ดูวงจรปิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับตรวจสอบข้อมูลนักโทษรายนี้แบบละเอียด
กินเวลาไม่นาน ตำรวจศาลได้รับข้อมูลใหม่ คราวนี้มันไม่ใช่สมมติฐานว่า ผู้คุมตกเป็นตัวประกันของนักโทษอีกต่อไป
แต่กลายเป็นว่า ผู้คุมสาวได้ช่วยเหลือนักโทษชายแหกคุกเสียแล้ว
2
ในปี 2020 เรือนจำที่หญิงสาวทำงาน มีโอกาสต้อนรับนักโทษใหม่ เคซีย์ ไวต์ (Casey White) เขามีรอยสักเป็นรูปธงสมาพันธรัฐอเมริกา ซึ่งครั้งหนึ่งรัฐตอนใต้ของสหรัฐฯ ใช้เป็นธงชาติเพื่อแยกดินแดน เพราะสนับสนุนระบอบทาสในช่วงสงครามกลางเมือง ไม่เพียงเท่านั้นเขายังมีรอยสักแสดงสัญลักษณ์การคลั่งผิวขาวอีกด้วย
เคซีย์ ไวต์ ไม่ได้เป็นญาติสนิทกับวิกกี พวกเขาแค่นามสกุลเหมือนกัน แถมเส้นทางชีวิตก็ต่างกันเป็นอย่างยิ่ง
เขาเป็นชายหนุ่มวัย 30 กว่าปี ผู้มีประวัติกระทำความผิดยาวเป็นหางว่าว เคยใช้ค้อนทุบหัวน้อง ชิงรถ ปล้น บุกรุกบ้านคนอื่น และพยายามฆ่า ที่สำคัญเขายังสารภาพว่า เคยฆ่าคนตายอีกด้วย
เจ้าหน้าที่ถือว่า เคซีย์คือตัวอันตรายอย่างแท้จริง เจ้าตัวต้องโทษติดคุก 75 ปี และถูกส่งมาที่คุกแห่งนี้ให้วิกกีควบคุม
ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ในเรือนจำสังเกตเห็นว่า เคซีย์ซื้อกระดาษเพื่อมาเขียนจดหมาย คาดว่า เขาน่าจะมีความรักกับหญิงสาวสักคนอย่างแน่นอน
ทางการสันนิษฐานว่า เคซีย์เข้าไปจีบวิกกีก่อน หลังจากนั้นทั้งสองก็สานสัมพันธ์ จากจดหมายรักมาเป็นการคุยโทรศัพท์กัน บางครั้งก็โทร.เสียว โดยมีการพูดคุยกันมากกว่า 950 ครั้งด้วยกัน
ไม่เพียงเท่านั้น คาดกันว่า เคซีย์ได้รับอภิสิทธิ์ที่วิกกีให้เป็นพวกอาหาร ตามอำนาจที่หญิงสาวได้รับ จึงแอบปันส่วนให้แก่นักโทษหนุ่มอยู่เป็นประจำ
เจ้าหน้าที่เชื่อว่า การลอบคบกันในคุก นำไปสู่การแอบมีอะไรกันอีกด้วย เมื่อเอฟบีไอเข้ามาค้นภูมิหลังวิกกีทั้งหมด พวกเขาพบว่า ก่อนจะพาแฟนในคราบนักโทษหลบหนี เธอได้ขายบ้านในราคาต่ำกว่าท้องตลาดเกือบครึ่ง และนำไปซื้อปืนหลายกระบอกที่ห้าง
เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าหน้าที่จึงฟันธงได้ว่า นักโทษหนุ่มคลั่งขาวกับผู้คุมสาวใหญ่เปลี่ยวเหงา มีการวางแผนจะแหกคุกมาเป็นอย่างดี ทั้งการขอเกษียณอายุ เพื่อเอาเงินบำนาญ ตระเตรียมทรัพย์สินและอาวุธปืนไว้
หากดูจากประวัติของเคซีย์ที่ก่อเหตุความผิดมากมาย แถมเขายังเคยมีประวัติขู่ฆ่าแฟนเก่า และรอยสักก็ยังเชื่อมโยงกับกลุ่มขวาจัดที่คลั่งผิวขาว ซึ่งเคยก่อการร้ายในสหรัฐฯ มาแล้วด้วย นั่นทำให้เจ้าหน้าที่หวั่นใจว่า แม้ทั้งสอง (อาจจะ) รักกันจริง
แต่เมื่อถึงที่สุด วิกกีก็ถือว่า อยู่กับบุคคลอันตรายที่อาจฆ่าเธอตายได้
ดังนั้นทางการจึงระดมสรรพกำลังล่าตัว 2 ผู้ต้องหาทันที ระหว่างนั้นเพื่อนร่วมงานของวิกกีต่างตกตะลึงช็อก โดยบอกกับนักข่าวว่า ตลอดเวลาที่หญิงสาวทำงาน เธอไม่พูดโม้โอ้อวดตนเอง ไม่เคยคดโกง แค่ทำงานตามหน้าที่ของตนเอง
การหลบหนีไปกับนักโทษชายประวัติโหดครั้งนี้ จึงทำเอาทุกคนที่รู้จักงงไปตามๆ กัน จนพูดเป็นเสียงเดียวกันได้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้
“ไม่มีใครอยากจะเชื่อเลย”
3
แม้วิกกีจะวางแผนเปลี่ยนรถ เช่าห้องพักราคาถูกในโรงแรมเพื่อพรางตัว แถมเคซีย์ก็มีสันดานอาชญากรอยู่แล้ว น่าจะรู้วิธีหลบหนีตำรวจได้ กระนั้นพวกเขาก็ไม่รอดเงื้อมมือกฎหมาย เพราะเมื่อกลายเป็นข่าว รูปของทั้งสองก็เด่นหราตามสื่อ จนมีพยานแจ้งข้อมูลมากมาย
ในที่สุด 11 วันที่ได้อยู่ด้วยกันแบบอิสรภาพ สัมผัสโลกภายนอก ทุกอย่างก็จบสิ้นลงไป ตำรวจศาลและเอฟบีไอสะกดรอยไล่ล่าทั้งคู่อย่างไม่ลดละ
พวกเขาตามไปถึงห้องพักในโรงแรมจิ้งหรีด ค่อยๆ เข้าใกล้ตัวไปทีละนิดทีละหน่อย จนสามารถล้อมจับคู่รักไวต์ได้ที่ถนนสายหนึ่ง มีการกดดันประกาศให้ทั้งสองวางอาวุธและมอบตัวเสีย โดยไม่ได้ผลีผลามเข้าจับกุม เพราะรู้ดีว่า อีกฝ่ายมีปืนหลายกระบอก แถมฝ่ายชายก็ยังเป็นอาชญากรตัวอันตราย
เอฟบีไอและตำรวจศาลจึงกระชับอาวุธ พร้อมลั่นไก หากอีกฝ่ายสู้ก็จะเป่าให้ดับดิ้น ได้สมหวังในรักที่โลกหน้าแทน
อย่างไรก็ดี ระหว่างล้อมจับที่ถนนก็เกิดเสียงปืนก็ดังขึ้น 1 นัด ระหว่างนั้นเคซีย์เปิดประตูลงมา เจ้าหน้าที่กรูกันเข้ารวบตัวชายคนนี้ เมื่อสำรวจในรถก็พบร่างของวิกกีที่ตัดสินใจหันกระบอกปืนยิงตนเอง ร่างกายเลือดอาบ ลมหายใจรวยริน อาการสาหัส
“ผมไม่ได้ยิงเมียผมนะ” นี่คือคำพูดของเคซีย์ตอนถูกจับ
พวกเขารวบตัวนักโทษชายได้สำเร็จ ก่อนจะส่งตัวผู้คุมหญิง ไปที่โรงพยาบาลเพื่อยื้อชีวิต แต่ไม่สำเร็จ วิกกี ไวต์ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตหลังจากอยู่กับคนรักได้เพียง 11 วันเท่านั้น
การเสียชีวิตนี้ ทำให้เพื่อนร่วมงานตกตะลึงเข้าไปอีก ในงานศพทุกคนต่างโศกเศร้าอาลัยร่ำไห้ เพราะตลอดชีวิตแห่งการเป็นผู้คุม วิกกีคือบุคคลต้นแบบ ผู้ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม น่าเสียดาย ที่จุดจบของชีวิตเธอกลายเป็นรอยด่างพร้อยแบบนี้ไปชั่วกาลนาน
มิตรสนิทบอกว่า วิกกี ไวต์รักพ่อและรักแม่มาก ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า เธอจะทำแบบนี้ แต่ก็ดังที่มีใครสักคนพูดไว้ว่า บางครั้งคนเราก็สามารถเหนื่อยล้าและโง่ได้ในจังหวะเดียวกัน
และนั่นทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับวิกกี ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับคนที่รู้จักเป็นอย่างยิ่ง
ทุกคนที่มารวมตัวกันในงานศพบอกกับสื่อสั้นๆว่า
“พวกเราขอจดจำเธอ ในเรื่องอื่นจะดีกว่า”
4
ด้านเคซีย์ถูกนำตัวสอบปากคำ อัยการแจ้งข้อหาเพิ่ม นั่นทำให้เขาจะต้องติดคุกนานกว่าเดิม และแทบจะหมดสิทธิออกมาสู่โลกภายนอก ทางการเชื่อว่า นักโทษรายนี้ปั่นหัวและหลอกใช้วิกกี นี่ไม่ใช่ความรักอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดีฆาตกรหนุ่มเผยว่า พวกเขาทั้งสองวางแผนที่จะเดินทางไปภูเขาสักแห่ง แล้วอยู่ที่นั้นไปชั่วชีวิต แต่ทางเจ้าหน้าที่ซึ่งสอบสวนเคซีย์เป็นคนแรกๆ มั่นใจว่า พอไปถึงที่หมายภูเขาสุดงดงาม ชายคนนี้จะต้องฆ่าวิกกีทิ้งอย่างแน่นอน เพราะมองว่า หญิงสาวเป็นภาระมากกว่าคนรัก
ด้านทนายความของนักโทษชายได้ออกมาโต้แย้งเจ้าหน้าที่ โดยยืนยันว่า เคซีย์ไม่ได้มีความคิดแบบนั้น เพราะตลอดเวลาที่หลบหนี จนถึงตอนถูกจับนั้น “เขาเหมือนตกอยู่ในห้วงความรักเสียมากกว่า”
เดิมทีทั้งสองตัดสินใจที่จะจบชีวิตพร้อมกัน ไม่ยอมจำนน ไม่ยอมมอบตัว แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็โดนจับ ส่วนหญิงสาวก็เลือกจากโลกไปอย่างสลด
ไม่มีใครรู้ว่า วิกกีคิดอะไรในช่วงเวลาที่หลบหนี เธอรักฆาตกรคนนี้จริง หรือถูกเขาหลอกใช้กันแน่
มันจึงมีเพียงหลักฐานของเคซีย์เท่านั้น ที่ปรากฏต่อสาธารณชน แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะไม่เชื่อก็ตาม
ทุกอย่างเกิดขึ้นเมื่อชายหนุ่มถูกนำตัวขึ้นศาล เขาพูดออกมาว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านมานั้น เขาเหมือนชายที่น่ารังเกียจสุดในโลก มีแต่คนเกลียดชัง จนกระทั่งได้พบกับวิกกี “ผู้หญิงที่แสดงให้ผมลิ้มรสความรัก”
เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่กอดเคซีย์ในรอบ 6 ปี และยังฉุดเขาขึ้นจากเหวลึกแห่งชีวิต โดยบอกว่า “สิ่งใดที่ถูกต้อง มันย่อมถูกต้อง อะไรผิดก็คือผิด”
ทั้งสองสานสัมพันธ์ และในที่สุดก็นำไปสู่เหตุการณ์แหกคุกนี้
แม้เจ้าหน้าที่จะเชื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างสองไวต์จะเป็นความรักอย่างแท้จริง แต่ก็หวั่นเกรงว่า เคซีย์น่าจะรักแบบหลอกใช้ควบคุมบงการวิกกีเสียมากกว่า
สุดท้ายนี้นักโทษหนุ่มถูกส่งไปอยู่ในคุกที่คุ้มกันแน่นหนา และต้องโทษตลอดชีวิต จะมีสิทธิขอลดหย่อนเมื่อถึงปี 2081 ซึ่งตอนนั้นเขาจะอายุ 98 ปี แทบเรียกได้ว่า หมดสิทธิจะออกมาเป็นเสรีชนได้อีกแน่นอน คงต้องแก่ตายในคุกเป็นแน่แท้
ดังนั้นก่อนที่จะถูกนำตัวออกจากศาล หลังคำพิพากษาจบลง เคซีย์พูดกับครอบครัวของวิกกีที่เข้ามาฟังการพิจารณาคดีด้วย ไม่มีใครรู้ว่า เรื่องราวที่เขาเล่าเป็นเรื่องเท็จหรือความจริง สิ่งที่เขากล่าวกับสิ่งที่เจ้าหน้าที่คิด อันไหนที่เราควรเชื่อกันแน่
กระนั้นในวันดังกล่าว นักโทษหนุ่มหันไปหาครอบครัวของหญิงสาวที่เขาคบกันนาน 2 ปี และอยู่ด้วยกันอย่างอิสระแค่ 11 วัน เพื่อขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และขออภัยที่ลากชื่อเสียงกับความดีงามของผู้เสียชีวิตให้มาหม่นหมอง ณ ศาลแห่งนี้ ก่อนจะถูกพาตัวออกไป เคซีย์พูดประโยคขึ้นมาสั้นๆ ว่า
“สำหรับวิกกี ไวต์ ผมอยากจะบอกเธอว่า
“ผมรักคุณนะ”
ข้อมูลอ้างอิง
https://abcnews.go.com/US/catch-us-inside-manhunt-detainee-alleged-prison-guard/story
https://whnt.com/news/shoals/casey-white-to-appear-in-court-for-sentencing-hearing/
https://www.nytimes.com/2023/06/08/us/casey-white-sentencing-alabama-jail.html
https://people.com/crime/casey-vicky-white-phone-sex-calls-prison-says-sheriff/
https://www.washingtonpost.com/nation/2022/05/12/vicky-white-alabama-corrections-casey/
https://edition.cnn.com/2023/05/05/us/casey-white-pleads-guilty-alabama-jail-escape/index.html
https://www.youtube.com/watch?v=RxGB3NsyJAY
Tags: ผู้คุม, Vicky White, Casey White, แอละแบมา, นักโทษ, Haunted History