โบราโบรา หมู่เกาะเล็กๆ ในประเทศเฟรนช์โปลินีเซีย (French Polynesia) ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส ซึ่งเป็น Dream Destination ของใครหลายคน ที่วาดฝันไว้ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตต้องได้ไปเห็นทะเลสีฟ้าคราม น้ำใสจนมองเห็นพื้นทรายข้างล่าง กับเรือใบที่ลอยอยู่บนผิวน้ำใสกิ๊งราวกับว่าเรือใบนั้นลอยอยู่ในอากาศ พร้อมด้วยปลากระเบนหลายตัวที่แหวกว่ายไปรอบๆ ที่พักแบบวอเตอร์บังกะโลหรือกระท่อมที่ปลูกสร้างอยู่เหนือน้ำทะเล ซึ่งเป็นภาพที่ยุคหนึ่งนิยมส่งให้กันทางฟอร์เวิร์ดเมล
การเดินทางไปยังเกาะโบราโบรานี้ เราต้องบินไปที่โอ๊กแลนด์ ก่อนที่จะต่อเครื่องไปยังเมืองหลวงของประเทศเฟรนช์โปลินีเซีย ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะตาฮิติ หมู่เกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก ที่มีสนามบินตั้งอยู่บนลานกว้างแบบไม่มีทางเชื่อมต่อเข้าตัวอาคารผู้โดยสาร งดงามด้วยฉากหลังของสนามบินซึ่งเป็นผืนน้ำทะเลสีฟ้าสดใส เราแวะพักหาอะไรรองท้องเล็กน้อยก่อนที่จะต่อเครื่องไปสัมผัสกับทัวร์ที่มีคะแนนรีวิวสูงลิ่วเป็นอันดับหนึ่งของกิจกรรมทั้งมวลที่เกาะโมโอรีอา กับทัวร์ให้อาหารปลาฉลามและปลากระเบนที่เชื่องเสียจนเราคิดว่ามันเป็นปลาใส่ถ่าน ก่อนที่จะบินไปสู่ Dream Destination ของเรา
เราจัดให้ไฟลต์บินจากเกาะโมโอรีอาไปยังเกาะโบราโบราเป็นไฟลต์ประทับใจที่สุดในชีวิต ในวินาทีที่เกาะโบราโบราค่อยๆ ปรากฏตัวที่ขอบหน้าต่างของเครื่องบิน
ภาพเกาะที่มีภูเขาสูงตระหง่านตั้งตรงกลางมีแนวเกาะล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง กับน้ำทะเลสีฟ้าที่มีทุกเฉดตั้งแต่ฟ้าอ่อนไปจนถึงเข้ม เท่าที่เราจะจินตนาการได้
โรงแรมเกือบทั้งหมดของโบราโบราจะตั้งอยู่บนแนวเกาะที่ล้อมเกาะกลางไว้ การเดินทางจากสนามบินไปยังโรงแรมที่สะดวกที่สุดคือ การนั่งเรือของโรงแรมที่จะมารับเราที่สนามบิน โดยแต่ละโรงแรมจะมีซุ้มต้อนรับของตัวเองเรียงกันไป
เรือสปีดโบ๊ตเริ่มแล่นตามผิวน้ำทะเลตื้นๆ ที่เรียกว่าลากูน
ช่วงที่น้ำตื้นมากเราจะเห็นพื้นทรายใต้ผิวน้ำสีฟ้าใสได้อย่างชัดเจน ฝรั่งที่ร่วมเรือมาด้วยถึงกับสบถว่า “นี่แม่งบ้าไปแล้ว บ้ามากๆ เหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในโปสการ์ดเลย”
พูดอีกก็ถูกอีก นี่มันเหมือนอยู่ในโปสการ์ดชัดๆ แต่ภาพที่เห็นจากจอคอม จากในโปสการ์ดทั้งหมดยังสวยไม่เท่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้เลยด้วยซ้ำไป
พนักงานต้อนรับสาวผมบลอนด์ยื่นมะพร้าวอ่อนแช่เย็นฉ่ำที่มีดอกชบาสีแดงสดเสียบอยู่ พร้อมกับรอยยิ้ม
“ยินดีต้อนรับสู่ Sofitel Bora Bora Private Island ค่ะ”
น้ำทะเลที่หน้าโรงแรมเป็นสีฟ้าใส ทุกอย่างตอนนี้เหมือนกับถูกกระชากออกจากโลกมนุษย์จนเราต้องหันไปมองหน้าเพื่อน พร้อมกับสบถว่า
“…นี่แม่งสวรรค์ชัดๆ”
หลังจากเช็กอินเสร็จ พนักงานก็มาส่งเราเข้าห้องพักซึ่งลงทุนจองแบบวอเตอร์บังกะโลให้สมใจอยาก ถึงสภาพห้องจะไม่ใหม่เอี่ยมมากแต่ก็นับว่าโอเคมากแล้ว ไฮไลต์ที่ประทับใจที่สุดคือ เมื่อเปิดประตูออกไปที่ระเบียงห้อง วิวที่อยู่ตรงหน้าคือเกาะของโบราโบราที่เห็นภูเขาโอเตมานูตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง
เราสามารถกระโดดน้ำ หรือลงไปดำน้ำจากห้องพักได้เลย เราเลือกที่จะนั่งห้อยขาหันหน้าเข้าหาภูเขาและทะเลตรงหน้า แล้วบอกกับเพื่อนว่า คุ้มกับทุกบาททุกสตางค์ คุ้มกับที่ลาพักร้อนมาอาทิตย์หนึ่ง คุ้มกับการนั่งเครื่องบินทั้งวัน คุ้มกับที่วางแผนล่วงหน้าเป็นปี ไม่มีอะไรให้เสียดายเลยจริงๆ
จริงๆ บนเกาะนี้มีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก เช่น การขึ้นเฮลิคอปเตอร์ดูวิวมุมสูง สนนราคาชั่วโมงละสองหมื่นกว่าบาท แพ็กเกจฮันนีมูนดินเนอร์ชมวิวจากยอดเขาของโรงแรมพร้อมบัตเลอร์ส่วนตัว ซึ่งแน่นอนว่ากิจกรรมเหล่านี้ก็มีราคาค่อนข้างสูง เราจึงเลือกที่จะพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิว พายเรือ ดำนำดูปะการัง และข้อดีอีกอย่างของโรงแรมที่เราเข้าพักแห่งนี้คือ ที่หลังเกาะมีจุดดำน้ำที่ใหญ่ที่สุดของโบราโบราอยู่ เรียกว่าสวนปะการัง (Coral Garden) ให้เราสามารถไปดำน้ำได้ฟรีๆ
อีกกิจกรรมหนึ่งที่เรายอมจ่ายเงินคือการไปชมเมืองไวตาเป (Vaitape) ใจกลางของเกาะโบราโบรา เปรียบเหมือนกับอำเภอที่ความเจริญไปกระจุกตัวอยู่ เราเดินทางไปด้วยการให้ทางโรงแรมจัดแท็กซีให้เป็นรอบๆ สนนราคาคนละ 500 บาท แลกกับระยะทางพอๆ กับปากซอยทองหล่อไปกินราเมนที่ทองหล่อซอย 10
เมืองไวตาเปมีขนาดใหญ่พอๆ กับตลาดนัดที่วัดแถวบ้าน แต่มีครบทุกสิ่งอย่างทั้งโบสถ์ โรงเรียน ธนาคาร ร้านค้า ร้านอาหาร เรียงรายกันอยู่บนถนนเส้นเดียวในระยะไม่เกิน 300 เมตร
สิ่งที่เราประทับใจที่สุดของการมาไวตาเปคือ เราได้เห็นโบสถ์กำลังจัดพิธีแต่งงานแบบคริสต์ให้คนท้องถิ่นอยู่ คล้ายกับว่าระหว่างที่เรามาเที่ยว อยู่ๆ ก็ได้แหวกม่านกำมะหยี่สีเลือดหมูจากฉากหน้าหรูหราอลังการ สู่เบื้องหลังที่ยังมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งใช้ชีวิตกันตามปกติ เพื่อขับเคลื่อนเกาะนี้อยู่เงียบๆ
แต่เราก็แอบสงสัยมาตลอดว่า แล้วโรงแรมที่ราคาถูกกว่า ทำเลแย่กว่า มันจะให้ประสบการณ์แบบไหน คืนสุดท้ายเราจึงย้ายไปนอนที่โรงแรมที่ฝั่งเกาะหลัก ซึ่งราคาถูกกว่าแบบครึ่งต่อครึ่งเมื่อเทียบกับโรงแรมที่อยู่บนหมู่เกาะที่ล้อมรอบอยู่ สนนราคาต่อสองคนตกอยู่ที่คืนละประมาณ 8,000 บาท เราได้ห้องนอนเหมือนรีสอร์ตต่างจังหวัด ไม่เห็นทะเลแม้แต่นิดเดียว แต่โรงแรมก็ปลอบใจเราด้วยการเปิดประตูออกไปนอกระเบียงแล้วเห็นวิวสระบัว
…ซึ่งแถวบ้านเราก็มี
พอเดินไปดูวิวทะเล เราก็พบว่าการยืนจากเกาะหลังแล้วหันหน้าออกทะเล มันเทียบไม่ได้เลยเมื่อเทียบกับการอยู่บนเกาะที่ล้อมรอบอยู่แล้วหันกลับมามองเกาะหลัก เพราะน้ำทะเลสวยไม่เท่า และเราก็ไม่เห็นภูเขาโอโตมานูที่เป็นแลนด์มาร์กของเกาะนี้
เวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ขากลับ ทางโรงแรมจัดให้เรานั่งเรือรวมจากไวตาเปกลับไปยังสนามบิน ถึงจะไม่หรูหราอย่างขามา แต่กลับให้อารมณ์อาลัยอาวรณ์ดราม่าขึ้นมาเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าเราจะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่
เราบินจากโบราโบรากลับสู่สนามบินตาฮิติในช่วงก่อนพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ผืนฟ้าค่อยๆ มืดสนิทลง ปิดฉากทริปโบราโบราอย่างสวยงาม
BON EN VOYAGE แรดรอบโลก โดย บองเต่า, สำนักพิมพ์ a book เรียบเรียง จินตนา ประชุมพันธ์
FACT BOX:
- โบราโบรา เป็นหมู่เกาะเล็กๆ ในประเทศเฟรนช์โปลินีเซีย (French Polynesia) ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส สามารถเดินทางเข้าได้โดยใช้วีซ่า CTOM ที่มีหน้าตาเหมือนกับวีซ่าเชงเก้น ซึ่งสามารถขอวีซ่าได้ที่สถานทูตฝรั่งเศส
- ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส (Territoire d’outre-mer : TOM) เป็นหน่วยการบริหารของประเทศฝรั่งเศส ปัจจุบันใช้เป็นหน่วยการปกครองสำหรับดินแดนฝรั่งเศสใต้และแอนตาร์กติก
DID YOU KNOW?
ร่วมสัมผัสประสบการณ์การเดินทางมากกว่า 10 ทริปของมนุษย์เงินเดือนจริตจัด ที่ใช้ชีวิตร่วม 10 ปี เป็นนักเดินทางพาร์ตไทม์รอบโลก ทั้งลุยเดี่ยวไปฮ่องกง ตกเครื่องกับเจ้านายที่อังกฤษ เปิบพิสดารอาหารอียิปต์ ประชุมงานในแอฟริกา ทุบกระปุกไปเกาะโบราโบรา และอีกหลายทริปพังๆ ในโตเกียว นิวยอร์ก อิตาลี ที่กลายเป็นบทพิสูจน์ว่า นอกจากการเดินทางจะทำให้คนคนหนึ่งเติบโตขึ้นแล้ว ยังทำให้แรดขึ้นอีกด้วย ได้ใน BON EN VOYAGE แรดรอบโลก