WHAT YOU SHOULD KNOW
ถ้าใครเคยไปเยี่ยมเยือนเวิ้ง Casa Lapin x 26 มาแล้ว ก็จะทราบว่านอกจากด้านหน้าจะเป็นร้านกาแฟ และร้านดอกไม้ Oneday Wallflowers แล้ว ด้านในยังมีห้องอาหารที่ใช้ชื่อว่า Oneday at a Time ห้องทำงานรายวันหรือโคเวิร์กกิ้งสเปซในชื่อ Oneday Forward และบูติกโฮสเทลสวยๆ ในชื่อ Oneday Pause ไว้คอยให้บริการอย่างครบถ้วน
และเพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้แก่อาณาจักรสไตล์วินเทจลอฟต์แห่งนี้ ทางทีมงานก็ยังได้จับมือร่วมกับ คุณคิว-ณัทธร วงศ์ภูมิ คอเบียร์ เจ้าของเพจ Beercyclopedia สารานุกรมของคนรักเบียร์ มาสร้างพื้นที่ตรงกลางให้กลายเป็น TAPROOM บาร์คราฟต์เบียร์น้องใหม่ที่เน้นเฉพาะคราฟต์เบียร์สดนำเข้าจากบริวเวอร์ชั้นนำทั่วโลก ส่งตรงหัวกดมากถึง 26 แท็ป ให้เลือกดื่มกันไม่หวาดไม่ไหว พร้อมดนตรีสดทุกวันอังคาร-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 20:30-22:00 น.
EAT THIS
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของบริเวณร้านอาหาร Oneday at a Time ทางร้านอาหารก็ได้สร้างสรรค์จานใหม่ขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศการดื่มเบียร์มากยิ่งขึ้น หรือถ้าอยากสั่งจานหลักจากเมนูปกติก็ย่อมได้เช่นกัน
- จานที่ทำขึ้นมาพิเศษสำหรับ TAPROOM นั้นจะเน้นไปทางอเมริกันคอมฟอร์ตฟู้ดอย่าง TAPROOM Burger(240 บาท สำหรับหมู และ 280 บาท สำหรับเนื้อ) และ Mac n’ Cheese มักกะโรนีชีสเสิร์ฟในกระทะร้อน (220 บาท)
- อีกประเภทหนึ่งที่มีมากกว่าคือ บาร์สแน็กต่างๆ ที่เอาไว้กินแกล้มเบียร์โดยเฉพาะ เช่น Barbecue Chicken Wings (220 บาท) และ TAPROOM Bomb (190 บาท) จานนี้เป็นเนื้อสับผสมมันฝรั่งบด ปั้นเป็นก้อนมีตบอลอบกับชีสกินแกล้มซอสมะเขือเทศ
DRINK THIS
เบียร์ทั้ง 26 หัวกดของ TAPROOM มาจากทุก Beer Importer ในประเทศไทย เราจึงได้คราฟต์เบียร์ที่มาจากหลากหลายประเทศ โดยคัดสรรมาอย่างดีทั้งยี่ห้อชั้นนำที่คนไทยรู้จักอย่าง BrewDog, Heretic, Evil Twins, Modern Times และ Stone หรือจะเป็นตัวใหม่ที่เพิ่งเคยนำเข้ามาเป็นครั้งแรกอย่าง Phohibition Ale ของ Speakeasy Ales & Lagers Brewery และ Racer 5 IPA ของ Bear Republic Brewing เบียร์ IPA ที่ได้คะแนนสูงถึง 99 เต็ม 100 จากเว็บไซต์รีวิวเบียร์ชื่อดังอย่าง ratebeer.com
แต่เช่นเดียวกับร้านคราฟต์เบียร์ส่วนใหญ่ หัวกดทั้ง 26 แท็ปนี้ จะสับเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ บางตัวอาจกลับมาใหม่และบางตัวก็อาจจะมาแค่ครั้งเดียว แต่คุณคิวรับรองว่าทุกๆ หัวกดที่เลือกมา นอกจากจะมีรสชาติที่ดีแล้ว ยังตอบรับทุกๆ ความชอบอีกด้วย โดยจะหัวกดทั้ง 26 แท็ป เป็น 4 ประเภทคือ
- Tap 1-10 จะเป็นประเภท Easy รสชาติเข้าถึงได้ง่าย หากใครที่เพิ่งเริ่มเรียนรู้คราฟต์เบียร์สามารถเลือกได้จาก 10 แท็ปนี้ก่อน
- Tap 11-18 จัดว่าเป็น Medium คือรสชาติซับซ้อนขึ้นมาอีกนิด แอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย
- Tap 19-24 เป็นสาย Heavy สัมผัสแน่น แอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นมาอีก สามารถจินตนาการได้เลยว่าจะเต็มไปด้วยสไตล์ Double IPA, Stout และ Imperial Stout
- Tap 25-26 สองแท็ปสุดท้ายเป็นพื้นที่ของไซเดอร์สำหรับสาวหวาน หรือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ใช่คอเบียร์
WORDS FROM TAPMASTER
“ตอนนี้ตลาดคราฟต์เบียร์ในเมืองไทยเริ่มเติบโตเป็นที่รู้จักแล้ว เราจึงอยากให้มีบาร์สักแห่ง ที่นอกจากมีเบียร์ดีๆ ให้เลือกเยอะแล้ว ยังเสิร์ฟในคุณภาพที่ดีและอุณหภูมิที่ถูกต้อง จึงเป็นที่มาของ TAPROOM นอกจากนี้เราอยากให้ที่นี่เป็น Experience Craft Beer บาร์ที่คุณสามารถเดินเข้ามาชิมเบียร์ และรับรู้เรื่องราวของเบียร์แต่ละตัวได้ก่อนสั่ง เราอยากให้คนที่มาที่นี่ได้กินเบียร์อย่างสนุกสนาน เสพทั้งรสชาติ และเรื่องราว” คิว-ณัทธร วงศ์ภูมิ เจ้าของเพจ Beercyclopedia และที่ปรึกษาร้าน TAPROOM
Open: 17:00-24:00 I จันทร์-อาทิตย์
Address: สุขุมวิท ซอย 26 (ภายในร้านอาหาร Oneday at a Time)
Tel: 08 7460 2626
Budget: เฉลี่ย 280 บาทสำหรับเบียร์ไซส์ใหญ่ 1 แก้ว
Parking: จอดรถได้ในซอย
Map:
DID YOU KNOW?
TAPROOM ไม่เสิร์ฟเบียร์เป็นไพนต์ แต่เสิร์ฟเป็นไฟลต์
โดยปกติแล้วเวลาไปร้านเบียร์ เราจะคุ้นชินไปแล้วกับการสั่งเบียร์เป็นไพนต์ (Pint) ซึ่ง 1 แก้วจะมีปริมาณ 500 มิลลิลิตร หรือครึ่งลิตร ซึ่ง TAPROOM บอกเราว่า การดื่มคราฟต์เบียร์นั้นสิ่งที่ทำให้คนเพลิดเพลินกว่าก็คือการได้ลองหลายๆ รสชาติ แล้วยิ่งเปอร์เซ็นต์คราฟต์เบียร์สูงกว่าเบียร์ทั่วไป หากสั่งทีหนึ่งเป็นไพนต์ เห็นทีจะไม่รอดมากไปกว่า 3 แก้ว ทางร้านจึงปรับขนาดแก้วใหม่ให้เลือกทั้งไซส์ M (260 มิลลิลิตร) และไซส์ L (400 มิลลิลิตร) เพื่อให้เสิร์ฟครั้งหนึ่งไม่โหดร้ายจนเกินไป และลองได้หลายชนิดส่วน
ไฮไลต์ก็คือ การเสิร์ฟเป็น ไฟลต์ (flight) หรือแก้วเล็กขนาด 190 มิลลิลิตร เลือกได้จำนวน 6 หรือ 10 แก้ว โดยจะเลือกแท็ปไหนก็ได้บนกระดานมารวมกันเป็นหนึ่งไฟลต์ ข้อดีคือคุณกับเพื่อนๆ จะได้มีกิจกรรมชิมเบียร์ร่วมกันก่อนถึง 6 ตัว ก่อนจะเลือกอร่อยกับเบียร์ตัวใดตัวหนึ่งต่อไป
