เช้าวานนี้ (10 มิถุนายน 2025) เวลา 00.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่เมืองคูเปอร์ติโน (Cupertino) รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล (Apple) มีการจัดงานประชุมนักพัฒนา WWDC2025 และได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการที่ใช้ในอุปกรณ์ของ Apple หลายตัว เช่น iOS26, iPadOS26 หรือ WatchOS26
แม้เรื่องใหญ่ของงานครั้งนี้จะเป็นการเปลี่ยนดีไซน์ของ ‘User Interface’ (UI) ของระบบปฏิบัติการครั้งใหญ่ในรอบ 12 ปี นับตั้งแต่ iOS7 (เปิดตัวเมื่อปี 2013) มาในชื่อ ‘Liquid Glass’ ที่จะให้ความโค้งมนและโปร่งแสง ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก VisionOS ที่ทางค่ายเปิดตัวเมื่อปี 2023 พร้อมกับ Apple Vision Pro
ทว่าอีกหนึ่งความสนใจที่เหล่านักพัฒนาต่างรอคอยคือ การพัฒนา ‘Apple Intelligence’ เอไอตัวแรกของ Apple ที่เปิดตัวไปเมื่อปีก่อนหน้า แม้ว่าจะมีฟีเจอร์มากมาย เช่น การลบวัตถุ (Object) ที่ไม่เป็นที่ต้องการในรูป การจัดหมวดหมู่อีเมล หรือการสรุปข้อความ ซึ่งนับว่าเป็นความสามารถที่ AI เจ้าอื่นก็ทำได้จึงทำให้ AI ของ Apple ‘ไม่ปัง’ เท่าที่ควร เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Google หรือ OpenAI
โดยเหตุผลที่ AI ของ Apple ไม่ได้รับความนิยมมาก สำนักข่าว CNN วิเคราะห์ไว้ว่า เนื่องจากแอปเปิลไม่เปิดโมเดลปัญญาประดิษฐ์ให้กับเหล่านักพัฒนา (Developer) เข้ามาทำการพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ จึงทำให้ความสามารถที่ปัญญาประดิษฐ์ทำได้เพียงแค่ฟังก์ชันพื้นฐาน
ทว่าในเวที WWDC ที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แห่งนี้ได้ประกาศอนุญาตให้ Third-Party เข้าถึงโมเดลการพัฒนา ตลอดจนนำโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model: LLM) ซึ่งเป็นโมเดลการเรียนรู้ทางภาษา มาใช้ใน Apple Intelligence ส่งผลให้เรียนรู้ทักษะใหม่ได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้แอปพลิเคชันต่างๆ มีความสามารถมากขึ้นในอนาคต
มีรายงานเพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญของ Apple ที่จะเปิดให้แอปพลิเคชันมี AI มากขึ้นในอนาคต อีกทั้งเหล่านักพัฒนาจะสามารถใช้ประโยชน์จากความสามารถการประมวลผลบนอุปกรณ์ (On-device processing) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ AI ของ Apple ได้มากขึ้น
ขณะเดียวกัน อีกหนึ่งข้อกังวลที่อาจจะเป็นเหตุผลของพัฒนาการที่ช้าของ Apple Intelligence ยังมีอยู่อย่างจำกัดคือ การเข้าถึงในแง่ของจำนวนอุปกรณ์ (Device) เนื่องจากการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ต้องอาศัยชิปประมวลผล (Chip) คุณภาพสูง ทำให้อุปกรณ์ของ Apple ที่จะเข้าถึง Apple Intelligence จึงจำเป็นต้องใช้ Chip A17 Pro (อยู่ใน iPhone 15 Pro) ขึ้นไปเท่านั้น เพราะยิ่งมีจำนวนการเข้าถึงน้อย ข้อมูลซึ่งเป็นทรัพยากรในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ก็จะน้อยลงตามไปด้วย
ทั้งนี้ในงาน WWDC25 Apple เลือกจะเปิดตัว 2 ฟีเจอร์ใหม่ของ Apple Intelligence อย่าง ‘Live Translation’ เพื่อช่วยแปลภาษาอย่างทันที ในแอปพลิเคชันข้อความ (Messages), เฟซไทม์ (Facetime) และโทรศัพท์ (Phone) และ ‘Visual Intelligence’ ระบบวิเคราะห์ภาพอัจฉริยะ ที่จะช่วยค้นหาวัตถุ สถานที่ ตลอดจนใช้งานกับสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอ เช่น ผู้ใช้งานถ่ายภาพโปสเตอร์คอนเสิร์ตที่มีการระบุช่วงเวลาไว้ชัดเจน Apple Intelligence จะสามารถช่วยลงตารางในปฏิทินได้
ปรากฏว่าภายหลังจากเวที Keynote สิ้นสุด สำนักข่าว The Economic Times รายงานว่า หุ้นของ Apple ตกลงกว่า 1.5% เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ฟีเจอร์ใหม่ของ Apple Intelligence ยังไม่สามารถก้าวข้ามความสามารถของ AI จากบริษัทคู่แข่ง
คู่แข่งคนสำคัญอย่าง Google ได้สร้างปรากฏการณ์ใช้เอไอพลิกโฉม Search Engine ในเวที Google I/O 2025 อย่าง Gemini 2.5 Pro ที่มีความสามารถคิดเชิงลึก เช่น คณิตศาสตร์และการเขียนโค้ด อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ ‘Deep Research’ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นคว้างานวิจัย ตลอดจนเขียนแบบแผนและรายงานผลงานวิจัยเชิงลึก
จึงอาจกล่าวได้ว่า การเปิดตัว 2 ฟีเจอร์ใหม่ของ Apple ในปีนี้ยังไม่สามารถดึงดูดความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับมาได้
หากมองย้อนกลับไปในอดีต Apple ไม่ได้เป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีที่เก่งกาจตั้งแต่แรก แต่ Apple เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ถนัดในการนำเทคโนโลยีที่มีอยู่มาปรับใช้กับระบบนิเวศ (Ecosystem) ของตนเองจนสร้างความสะดวกและโดดเด่น เช่น การผสานความสามารถของ WiFi และ Bluetooth เข้าไว้ด้วยกันใน ‘AirDrop’ หรือนาฬิกาอัจฉริยะ Apple Watch และแท็บเล็ต (Tablet) อย่าง iPad ที่ Apple ไม่ได้เป็นผู้พัฒนาเป็นเจ้าแรก แต่ปัจจุบันสามารถครองเป็นอันดับหนึ่งของตลาดได้
หลังจากนี้คงต้องดูกันต่อไปว่า ภายหลังจากการที่ Apple เปิดให้เหล่านักพัฒนาเข้าถึงโมเดลการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ หรือการใช้ LLM ให้มาพัฒนา Apple Intelligence จะช่วยส่งเสริมความสามารถของ AI ของค่ายผลไม้นี้ได้อย่างไร ท่ามกลางการแข่งขันที่นับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
อ้างอิง
– https://edition.cnn.com/2025/06/08/tech/apple-intelligence-ai-preview-wwdc
– https://www.techtalkthai.com/apple-plans-to-make-its-large-language-models-available-to-developers/
Tags: AI, Apple, ปัญญาประดิษฐ์, เทคโนโลยี, แอปเปิล, เอไอ, GIZMODE, WWDC25