ในโลกที่เทคโนโลยีกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอย่างแยกไม่ออก สมาร์ตโฟนจึงไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือสื่อสารอีกต่อไป แต่เป็นเหมือนเพื่อนคู่กายที่รู้ใจผู้ใช้งานในทุกจังหวะชีวิต ซึ่ง ‘Samsung Galaxy S25 Ultra’ กลายเป็นภาพสะท้อนของแนวคิดนั้นได้อย่างแท้จริง เพราะนี่ไม่ใช่แค่โทรศัพท์ แต่คือสมาร์ตโฟนสุดฉลาดที่ทางซัมซุงให้สัญญากับผู้ใช้งานว่า พร้อมเป็นเพื่อนที่ทำทุกอย่างให้เราในทุกวัน ตั้งแต่การใช้งานในชีวิตประจำวันไปถึงการใช้ทำงานสร้างสรรค์อย่างมืออาชีพ
Samsung Galaxy S25 Ultra ยังออกแบบโทรศัพท์ให้เรียบหรู จนดูเหมือนเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง ด้วยตัวเครื่องไทเทเนียม สัมผัสลื่น ไม่ค่อยทิ้งรอยนิ้วมือเมื่อสัมผัส ที่มาพร้อมความบางเฉียบแค่ 8.2 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 218 กรัม ซึ่งถือว่าเบากว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 14 กรัม ที่แม้ว่าจะดูไม่ใช่ตัวเลขที่เยอะมากมาย แต่ถ้าได้ลองจับเปรียบเทียบกัน เชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้สึกถึงความแตกต่างได้พอสมควร อีกทั้งการทำขอบเหลี่ยมรอบตัวเครื่อง ทำให้เวลาจับจะรู้สึกเข้ามือมากกว่าเดิม
ในส่วนของหน้าจอมาพร้อม Dynamic AMOLED 2X 6.9 นิ้ว แสดงผลภาพความละเอียดสูง รีเฟรชเรตสูงสุดที่ 120 เฮิร์ต (Hz) ที่ปรับได้อัตโนมัติ เรียกได้ว่าตอบโจทย์ทั้งสายสตรีมมิง สายเกม และสายทำงานบนจอที่ต้องอาศัยความเป๊ะทุกพิกเซล
ด้านชิปประมวลผลก็พัฒนาจากรุ่นเดิม จนกลายเป็น ‘Snapdragon® 8 Elite’ ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมด้วย ‘Vapor Chamber’ ใหญ่ขึ้น ช่วยระบายความร้อนได้ดี ทำให้การเล่นเกมกราฟิกหนัก การสลับแอปหลายตัวพร้อมกัน หรือแม้แต่การตัดต่อวิดีโอระดับ 4K อยู่ในระดับลื่นไหลดี แต่ตัวเครื่องกลับไม่ร้อนเลย
ต่อมาที่สิ่งที่ประทับใจเป็นพิเศษหลังได้ลองใช้ ซึ่งผู้เขียนจะพูดในฐานะคนที่ไม่ค่อยชอบพกแบตสำรองติดตัวคือ ความอึดของแบตเตอรี่ของรุ่นนี้ ที่มีขนาด 5,000 มิลลิแอมแปร์ (mAh) ซึ่งทางซัมซุงเคลมว่าใช้ได้ยาวนานถึง 31 ชั่วโมง สำหรับการเปิดวิดีโอต่อเนื่อง หลังจากลองใช้จริง ก็ต้องยอมรับว่าคำเคลมดังกล่าว ดูท่าจะจริงอย่างว่า เพราะไม่น่าเชื่อว่าการที่ลองชาร์จเพียงแค่ครั้งเดียวในวันแรกที่ได้มา และใช้อย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ ระหว่างวัน สลับกับโทรศัพท์เครื่องเก่าไปด้วย มารู้ตัวอีกทีว่าต้องชาร์จแบตอีกครั้งก็เข้าสู่วันที่ 2 ของการใช้งานแล้ว
ทั้งนี้ต้องย้ำว่าระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน ดังนั้นก็ไม่สามารถบอกได้เต็มปากว่าสำหรับผู้ใช้งานท่านอื่นจะเป็นเช่นนี้หรือไม่ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้สบายใจได้ว่าต่อให้ไม่พกแบตสำรองออกจากบ้านในตอนเช้า แบตของเครื่องก็ยังจะเหลือพอให้ใช้ไปจนถึงตอนเย็น
อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติเหล่านั้นไม่ใช่ตัวชูโรงหลักเพียงอย่างเดียวที่อยากนำเสนอ เพราะเมื่อพูดถึงสิ่งที่โดดเด่นและทำให้ Galaxy S25 Ultra แตกต่างจากโทรศัพท์อื่นๆ ในตลาดสมาร์ตโฟนที่การแข่งขันดุเดือดเลือดพล่านคือ ความฉลาดของ ‘Galaxy AI’ ในฟีเจอร์ (Feature) ใหม่ๆ ซึ่งไม่ใช่แค่การเพิ่มเข้ามาเพื่อสร้างความหวือหวา ชวนตื่นตา แต่มันถูกฝังลึกไว้ในทุกมิติของการใช้งาน
เปิดด้วย Galaxy AI ที่อยู่ในระบบกล้องถ่ายรูปกันก่อนเลย ซึ่งต้องบอกว่ารุ่นนี้มีให้เล่นเพียบ เริ่มจากฟีเจอร์ใหม่อย่าง ‘Best face’ ฟีเจอร์สุดเจ๋ง ที่เปลี่ยนภาพไม่เป๊ะ ให้กลายเป็นภาพปังขั้นสุด ด้วยการเปลี่ยนรูปถ่ายที่หน้าไม่พร้อม ด้วยใบหน้าที่ดีกว่าของผู้ใช้เอง
เพียงแค่เปิดใช้งานโหมด Motion Photo ซึ่งโหมดนี้กล้องจะจับภาพบุคคลเป็นวิดีโอสั้นๆ ประมาณ 1-2 วินาที หลังกดชัดเตอร์ถ่าย และหากใบหน้าของบุคคลในรูปไม่พร้อม เช่น เผลออ้าปาก ตาเคลิ้ม หน้าไม่ตรง ผู้ใช้ก็สามารถกดแก้ไขรูปด้วยฟีเจอร์ Best face ได้ทันที โดย Galaxy S25 Ultra จะดึงรูปใบหน้าหลายๆ ช็อตจากคลิปที่ได้ผ่านโหมด Motion Photo มาใช้ เปิดโอกาสให้คุณได้เลือกหน้าที่คิดว่าดีที่สุด จากนั้น AI จะแทนที่ใบหน้าหลุดนั้น ให้กลายเป็นใบหน้าที่เลือก ในระดับแนบเนียนจนดูไม่ออกว่าใบหน้าใหม่ได้มาจาก AI ช่วยแต่ง
เรียกได้ว่าจบปัญหาการถ่ายรูปซ้ำไปซ้ำมา จนกว่าจะเจอใบหน้าที่ใช่ ทำให้ฟีเจอร์นี้เหมาะสำหรับสายถ่ายติดหน้าสวย หน้าเป๊ะ แต่โชคไม่ดี ถูกจับภาพขณะหน้าไม่พร้อม เพราะแค่กดชัตเตอร์เพียงครั้งเดียวก็สามารถเลือกใบหน้ากว่าหลายสิบช็อต จนกว่าจะเจอใบหน้าที่คุณชอบที่สุดได้แล้ว
หากงานภาพนิ่งยังไม่พอ อยากชวนมาต่อที่งานภาพเคลื่อนไหว ด้วยฟีเจอร์ ‘Audio Eraser’ ฟีเจอร์เด็ด มัดใจคนชอบเก็บความทรงในรูปแบบวิดีโอ ที่บางครั้งต้องยอมรับว่ามันน่าปวดหัวอยู่ไม่น้อยที่ต้องถือโทรศัพท์รอจังหวะดีๆ ไร้เสียงรบกวน กว่าจะสามารถกดถ่ายสิ่งที่ต้องการได้จริงๆ ซึ่งฟีเจอร์ Audio Eraser นี่เอง ที่จะตัดปัญหาดังกล่าวทิ้งไป
เพียงแค่กดปุ่มแก้ไขคลิป จากนั้นไปที่ปุ่มขวาสุดที่เป็นรูปลำโพง ที่เมื่อกดเข้าไปแล้ว จะมีปุ่มฟีเจอร์ดังกล่าวที่รอคุณเข้าไปสวมบท Sound Engineer มืออาชีพอยู่ โดยฟีเจอร์ Audio Eraser แบ่งการทำงานหลัก 2 รูปแบบ ได้แก่ Voices สำหรับปรับเพิ่มหรือลดเสียงผู้พูดภายในคลิป และ Noise สำหรับปรับเพิ่มหรือลดเสียงรบกวนรอบข้างภายในคลิป ทั้งนี้ AI ในฟีเจอร์ดังกล่าวสามารถแยกประเภทเสียงเพิ่มได้อีก ขึ้นอยู่กับคลิปที่คุณเลือกแก้ไข จึงมั่นใจได้เลยว่าไม่ว่าสถานการณ์ไหน คุณก็สามารถปรับเสียงได้อย่างเต็มที่
โดยแต่ละรูปแบบเสียงสามารถปรับได้ตามความต้องการของคุณเอง ไม่ว่าจะเน้นเสียงพูดชัดเจน เสียงดนตรีคลอเบาๆ ไปจนถึงเสียงรบกวนรอบข้างเป็นศูนย์เลยก็ได้ เหมาะสำหรับสายถ่ายบรรยากาศคอนเสิร์ตที่บางทีอาจจะไม่ต้องการเสียงร้องรอบข้างจากคนดู แต่ต้องการได้ยินเสียงจากนักร้องและเสียงดนตรีกระหึ่มๆ หรือสายถ่ายธรรมชาติที่ต้องการเสียงลมพลัดต้นไม้ เสียงนกร้อง ไปจนถึงเสียงคลื่นกระทบฝั่งชัดๆ และต้องการเสียงคนพูดน้อยที่สุด ฟีเจอร์นี้ก็ช่วยได้เช่นกัน
กระโดดจากเรื่องกล้องและภาพ ไปที่ Galaxy AI ในฟีเจอร์ใหม่อื่นๆ กันต่อ อย่าง ‘Seamless Actions Across Apps’ หรือการออกคำสั่ง AI ให้ทำงานจากแอปพลิเคชันหนึ่งไปสู่อีกแอปพลิเคชันหนึ่ง หรือให้เข้าใจง่ายๆ คือ คุณสามารถพูดกับ Gemini AI สุดฉลาดของกูเกิล ให้ช่วยหาข้อมูลต่างๆ ผ่านกูเกิล จากนั้นก็สั่งให้มันนำสิ่งที่ได้จากคำค้นหาเหล่านั้น ไปใส่แอปพลิเคชันอื่นๆ ภายในเครื่อง เช่น สั่งให้หาวันสำคัญ จากนั้นสั่งให้บันทึกลง Calendar หรือ สั่งให้สรุปบทความจากเว็บไซต์ จากนั้นสามารถสั่งให้บันทึกลง Note ทันทีได้อีกด้วย
ฟีเจอร์นี้ช่วยลดระยะเวลาของผู้ใช้งานในการเข้าแอปพลิเคชันนู้น ออกแอปพลิเคชันนี้ กลายเป็นผู้ช่วยในการทำธุระได้พอสมควร แม้จะดูเหมือนใช้เวลาไม่กี่นาทีหากลงมือทำเอง แต่จะดีกว่าหรือไม่ หากคุณสามารถประหยัดเวลาในการทำสิ่งเหล่านั้น และนำไปทำสิ่งอื่นๆ และปล่อยให้ระบบอัจฉริยะจัดการให้คุณเอง
ต่อด้วย ‘Now Brief’ ฟีเจอร์รวบรวมข้อมูลหรือสิ่งที่คุณต้องทำหรือกิจกรรมที่คุณควรทราบในเช้าแต่ละวัน ก่อนจะประมวลผลเชิงลึกในตอนเย็น โดยตอนเช้ามันจะรวมข้อมูลจำพวก ปฏิทินและการนัดหมาย กิจกรรมที่ต้องทำ พยากรณ์อากาศและสภาพการจราจร ข่าวสำคัญตามความสนใจของคุณ ฯลฯ และเมื่อถึงช่วงเย็น Now Brief จะสร้างสรุปเชิงลึกของกิจกรรมในวันนั้นให้ เช่น สรุปการประชุมและกิจกรรมสำคัญที่เข้าร่วม ข้อมูลกิจกรรมทางสุขภาพ ภาพถ่ายที่คุณบันทึกไว้ในวันนั้น ไปจนถึงข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์ จากนั้น AI จะเรียนรู้จากกิจวัตรประจำวันของคุณไปเรื่อยๆ ก่อนจะวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์ เช่น ความก้าวหน้าในเป้าหมายระยะยาว หรือข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพชีวิต ทำหน้าที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยพัฒนาชีวิตคุณให้ดีขึ้น
นอกเหนือจากฟีเจอร์ใหม่ข้างต้นแล้ว ฟีเจอร์เดิมจากรุ่นก่อนหน้า ที่ใช้สนุกขึ้นหากใช้ผ่านปากกา S Pen ตัวเก่งที่แถมมาให้เหมือนเดิม เช่น ฟีเจอร์ ‘Generative Edit’ ที่ทำได้ตั้งแต่การสร้างวัตถุใหม่จากการวาดรูป ปรับขนาด เคลื่อนย้าย หรือลบวัตถุภายในภาพ ไปจนถึงฟีเจอร์ Circle to search with Google หรือการวงวัตถุจากจากรูปเพื่อค้นหาข้อมูล ที่ครั้งนี้อัปเดตความพิเศษขึ้นด้วยความสามารถของซอฟต์แวร์ (Software) ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องวงวัตถุอีกต่อไป แต่แค่เปิดภาพหรือคลิปใดก็ได้บนหน้าจอ จากนั้นกดปุ่ม Power ข้างเครื่องค้างไว้สักครู่ เพื่อนที่พร้อมช่วยเหลือคุณ อย่าง Gemini ก็จะเด้งขึ้นมาทำงานเกี่ยวกับสิ่งที่ปรากฏบนจอตามคำสั่งของคุณทันที ทำให้การค้นหาข้อมูลหรือขอสรุปข้อมูลจาก AI ง่ายยิ่งขึ้นไปอีก
ด้านราคาขายของ Samsung Galaxy S25 Ultra มีด้วยกันทั้งหมด 3 ราคาตามขนาดความจุของหน่วยความจำ ได้แก่
– หน่วยความจำที่ 256 GB + แรม 12 GB สนนราคาอยู่ที่ 44,900 บาท
– หน่วยความจำที่ 512 GB + แรม 12 GB สนนราคาอยู่ที่ 50,900 บาท
– หน่วยความจำที่ 1TB + แรม 12 GB สนนราคาอยู่ที่ 60,900 บาท
ในส่วนของสีเครื่อง มีให้เลือกถึง 7 สี ได้แก่ Titanium Silverblue, Titanium Gray, Titanium Black, Titanium Whitesilver สำหรับซื้อภายในช็อปซัมซุงและช็อปตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และสีพิเศษ ได้แก่ Titanium Jetblack, Titanium Jadegreen, Titanium Pinkgold สำหรับสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ Samsung.com
ด้วยความสามารถที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ The Momentum มองว่า Samsung Galaxy S25 Ultra ไม่ใช่แค่สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่ปล่อยออกมาเพื่อต่อยอดความสำเร็จจากรุ่นก่อน แต่เป็นการพัฒนาอย่างเต็มขั้นของฟีเจอร์หลายๆ อย่าง และทำให้ระบบ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน จึงเหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ได้มองหาโทรศัพท์สักเครื่องที่เป็นเพียงแค่เครื่องมือสื่อสารแค่โทรเข้าโทรออก แต่เป็นโทรศัพท์ที่จะมอบความคุ้มค่าที่นอกจากจะครอบคลุมการใช้งาน ตั้งแต่เล่นเกม ถ่ายภาพ ทำงานสร้างสรรค์ มันยังมาพร้อมระบบ AI สุดฉลาดที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น เหมือนเพื่อนที่รู้ใจผู้ใช้ ตามที่ซัมซุงยืนยันว่ามันคือ ‘A true AI companion’
Tags: GIZMODE, โทรศัพท์, Samsung Galaxy S25 Ultra, Samsung Galaxy, Samsung, smartphone