“ถ้าเป็นนักแสดงวายไทย พวกเขาจะได้เล่นซีรีส์ด้วยกันอีก 15 เรื่อง มีคอนเสิร์ตรอบโลก มีการจัดงานแฟนมีตติ้ง และมีแท่งไฟประจำคู่จิ้นด้วย”

หน้าที่ของนักแสดง แน่นอนว่าต้องเป็นการแสดง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสำหรับวงการบันเทิงไทย โดยเฉพาะวงการซีรีส์วายในปัจจุบัน มีน้อยคนที่สามารถประสบความสำเร็จในฐานะนักแสดงได้โดยไม่ต้องทำสิ่งอื่นๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียง

ออฟกัน, เตนิว, มิวกลัฟ, ไบร์ทวิน, บิวกิ้นพีพี หรือเจมิไนน์โฟร์ท ฯลฯ 

การโปรโมตนักแสดงในรูปแบบของ ‘คู่จิ้น’ เป็นสิ่งหนึ่งที่วงการวายไทยนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากงานแสดงแล้ว นักแสดงจะต้องมีการออกอีเวนต์เป็นคู่ มีชื่อแฟนด้อม มีแท่งไฟ ไปจนถึงคอนเสิร์ตแบบดูโอ้ และหากนักแสดงคนไหนเล่นคู่กันแล้วก็จะต้องอยู่ด้วยกันต่อไป สิ่งเหล่านี้ดำเนินไปอย่างเข้มข้นในวงการวายไทย จนบางครั้งการจับคู่ให้นักแสดงได้เล่นซีรีส์เรื่องหนึ่งด้วยกันก็อาจเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าฝีมือการแสดง หรือความเหมาะสมต่อบทบาทของตัวละครเสียอีก

แม้วายไทยจะถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมบันเทิงที่ประสบความสำเร็จและมีศักยภาพในการเติบโต แต่ก็เป็นธุรกิจที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการนำอัตลักษณ์ของเพศหลากหลายมาใช้ในเชิงการค้าโดยที่ไม่ได้สนับสนุน LGBTQIA+ อย่างแท้จริง ซึ่งรวมถึงการขายคู่จิ้น แต่กลับไม่มีการบอกชัดว่าเป็นอัตลักษณ์แบบชายรักชายด้วยเช่นกัน

การขายคู่จิ้นไม่ได้ส่งผลเสียเพียงแต่กับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ แต่ยังส่งผลเสียต่อตัวนักแสดงด้วย เนื่องจากนักแสดงมักถูกคาดหวังจากผู้จัดและแฟนคลับว่าจะต้องแสดงออกเหมือนคู่รัก ทั้งการออกงานคู่กัน จับมือ กอด ฯลฯ และไม่สามารถที่จะมีแฟนในชีวิตจริงได้อย่างเปิดเผย เนื่องจากความคาดหวังจากแฟนคลับว่าต้องเป็นคู่จิ้นกันเสมอไป

‘มิว-กลัฟ’ (มิว-ศุภศิษฏ์ และกลัฟ-คณาวุฒิ) เป็นนักแสดงที่เริ่มต้นเส้นทางในวงการบันเทิงจากการแสดงซีรีส์วายร่วมกันจนมีชื่อเสียง เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ในปี 2563 จากกรณีการออกงานโฆษณาคู่กันแต่มีการกระทำที่สื่อไปในแง่ของความอนาจารและดูล่อแหลมเกินควร

ต่อมา ช่วงปี 2564-2565 เป็นช่วงที่มิวและกลัฟเริ่มแยกย้ายกันไปมีผลงานเดี่ยว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีแฟนคลับจำนวนมากที่รอให้คู่นี้กลับมามีโมเมนต์ชวนจิ้นต่อกันอีก จนกระทั่งช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมา มิว-ศุภศิษฏ์ก็ได้ออกมาทวีตหลายข้อความถึงแฟนคลับคู่มิวกลัฟบางส่วน เช่น ข้อความที่ว่า “บอกไปแล้วว่าจิ้นได้ ไม่ว่า มันเป็นพื้นที่ของคุณ แต่บางคนแยกจินตนาการกับความจริงไม่ออก” หรือ “ขอโทษไว้ตรงนี้เลยครับที่เมื่อก่อนแฟนเซอร์วิส แต่เราเป็นพี่น้องกันมาโดยตลอดครับ” ซึ่งก็ทำให้มิวถูกวิจารณ์อย่างหนักอีกครั้ง ทั้งจากมุมของแฟนคลับที่ผิดหวังในตัวมิว และมุมของคนนอกที่เห็นว่ามิวไม่มีความรับผิดชอบต่อการกระทำในอดีตที่เคยนำอัตลักษณ์ทางเพศมาขายจิ้นแต่อย่างใด

กรณีดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่าการขายคู่จิ้นส่งผลในทางลบอย่างไรได้บ้าง ทั้งกับนักแสดงที่ถูกคาดหวังให้เป็นคู่จิ้นจนไม่สามารถไปมีผลงานเดี่ยวในวงการบันเทิงได้อย่างเต็มที่ สุดท้ายจึงรู้สึกอึดอัดจนต้องออกมาระบายความในใจ หรือแฟนคลับที่ต้องรู้สึกผิดหวังเมื่อทุกสิ่งที่เคยเห็นไม่เป็นเรื่องจริงตามที่คิดไว้ และแน่นอนว่าการขายคู่จิ้นนั้นส่งผลกระทบต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศโดยตรงอยู่แต่เดิมแล้ว

นอกจากนี้ การเน้นขายคู่จิ้นในวงการวายไทยยังทำให้นักแสดงหลายคนที่แสดงซีรีส์วายต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่าคนอื่น หากอยากจะถูกเรียกว่านักแสดงทั่วไปบ้าง ราวกับว่าการแสดงซีรีส์วายไม่ถูกนับว่าเป็นผลงานทางการแสดงอย่างหนึ่งเลย ทั้งที่ตัวนักแสดงเองอาจมีความสามารถหรือตั้งใจฝึกฝนอย่างเต็มที่เพื่อให้ถ่ายทอดบทบาทออกมาดีไม่ต่างจากนักแสดงชายหญิง ซึ่งสิ่งนี้ก็ถือเป็นอีกผลกระทบจากการที่อุตสาหกรรมบันเทิงวายไทยเน้นขายคู่จิ้นมากกว่าที่จะเน้นขายฝีมือการแสดงเช่นกัน

แม้การขายคู่จิ้นเป็นวิธีที่ชาญฉลาดสำหรับผู้ผลิตซีรีส์วายในแง่ของการสร้างผลกำไร รวมถึงนักแสดงที่ไม่ได้มีความตระหนักว่าตนสร้างผลกระทบอะไรต่อผู้อื่นบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เป็นวิธีที่ยั่งยืนนัก เพราะสุดท้ายสิ่งที่ผู้คนมองหาจากนักแสดงก็เป็นฝีมือในการแสดงอยู่ดี และนักแสดงที่โด่งดังจากการเป็นคู่จิ้นวาย ในวันหนึ่งก็ควรได้ใช้ชีวิตของตัวเองโดยไม่ต้องทำตามความคาดหวังของแฟนคลับหรือค่ายเช่นกัน

ที่มา

https://time.com/6208817/thailand-bl-dramas-popularity/

https://twitter.com/complicatedice/status/1693455960877248795?s=20 

https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_4517257

Tags: , , , , ,