กลายเป็นข่าวใหญ่ทั่วสหรัฐอเมริกา เมื่อ อาเดรียนา สมิท (Adriana Smith) หญิงตั้งครรภ์ที่สมองตายไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถูกโรงพยาบาลในรัฐจอร์เจียยื้อไว้ 4 เดือนด้วยเครื่องพยุงชีพ เพราะกฎหมายของรัฐไม่อนุญาตให้ทำแท้ง ล่าสุดวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา โรงพยาบาลผ่าท้องของสมิทเพื่อเอาเด็กออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการผ่าคลอดก่อนกำหนด 

ย้อนกลับไปช่วงต้นปี สมิทเป็นพยาบาลสาววัย 30 ปีผู้มีชีวิตเรียบง่าย มีแฟนหนุ่ม มีลูกคนหนึ่งอายุ 7 ขวบ ส่วนอีกคนยังอยู่ในท้อง จนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ เธอเริ่มเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง จึงไปตรวจกับโรงพยาบาลนอร์ทไซด์ หมอที่นั่นเพียงให้ยาแล้วส่งกลับบ้าน ไม่ได้ทำซีทีสแกน

กลางดึกคืนต่อมา แฟนของสมิทเห็นเธอนอนทุรนทุรายหายใจไม่ออก จึงรีบพาไปโรงพยาบาล Emory University หลังจากทำซีทีสแกนก็พบลิ่มเลือดอุดตันในสมอง และสมิทตกอยู่ในภาวะสมองตาย

ทั้งนี้โรงพยาบาล Emory University บอกกับครอบครัวของสมิทว่า เนื่องด้วยกฎหมายทำแท้งอันเคร่งครัดของรัฐจอร์เจีย เธอจำเป็นต้องถูกพยุงชีพต่อไปจนถึงวันคลอด 

ถือเป็นข้อบังคับของรัฐ เป็นการตัดสินใจของโรงพยาบาล ที่ไม่มีความยินยอมจากเจ้าตัวหรือครอบครัวอยู่ในสมการแม้แต่น้อย

หากใครติดตามข่าวสารสหรัฐฯ อยู่บ้าง อาจจะพอทราบว่า ปัญหาเรื่องการทำแท้งคาราคาซังมาสักพักแล้ว นั่นเพราะในปี 2022 ศาลสูงสุด (Supreme Court) ตัดสินไม่ให้การทำแท้งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญอีกต่อไป ส่งผลให้หลายรัฐทยอยแบนการทำแท้ง หรือลดอายุครรภ์ที่สามารถทำแท้งได้จนเหลือน้อยมาก 

หนึ่งในนั้นคือรัฐจอร์เจีย ซึ่งอนุญาตให้ทำแท้งได้เฉพาะอายุครรภ์ต่ำกว่า 6 สัปดาห์

เทียบให้เห็นภาพ ประเทศไทยอนุญาตให้ผู้มีอายุครรภ์ต่ำกว่า 12 สัปดาห์ทำแท้งได้โดยไม่มีความผิด ส่วนผู้มีอายุครรภ์ 12-20 สัปดาห์ ก็สามารถทำแท้งได้เช่นกันหลังจากปรึกษาแพทย์

สมิทมีอายุครรภ์ 8-9 สัปดาห์ตอนที่ถูกวินิจฉัยว่าสมองตาย หากเป็นในรัฐอื่นหรือประเทศอื่น เธอคงจากไปได้อย่างสงบ

“ฉันคิดว่า ผู้หญิงทุกคนควรมีสิทธิตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง และหากเธอไม่อยู่ในสภาพที่จะทำได้ ก็ควรให้สิทธินั้นกับคนรักหรือพ่อแม่ของเธอ” เอพริล นิวเคิร์ก (April Newkirk) แม่ของสมิทกล่าว “พวกเราไม่มีสิทธิเลือกเลย อำนาจการตัดสินใจควรเป็นของพวกเราสิ ไม่ใช่ของรัฐ”

อาเดรียนา สมิทและลูกชายคนโตของเธอ ก่อนเธอจะเข้าโรงพยาบาล (ที่มา: GoFundMe)

เดิมทีโรงพยาบาลตั้งใจจะยื้อชีวิตของสมิทไว้จนมีอายุครรภ์ 32 สัปดาห์หรือ 8 เดือน แต่สุดท้ายเจอสถานการณ์ฉุกเฉินจึงต้องผ่าเอาเด็กออกที่อายุครรภ์เพียง 25 สัปดาห์หรือ 6 เดือนนิดๆ เด็กที่เกิดมามีน้ำหนักเพียง 0.8 กิโลกรัม และต้องเข้าแผนกไอซียูสำหรับทารก

ยิ่งไปกว่านั้น เด็กยังมีความเสี่ยงด้านสุขภาพหลายอย่าง รวมถึงความเสี่ยงที่จะตาบอดหรือเดินไม่ได้

“การตัดสินใจครั้งนี้ควรเป็นสิทธิของพวกเรา” นิวเคิร์กย้ำอีกครั้ง “ตอนนี้พวกเรากลับต้องมานั่งกังวลว่า เด็กจะมีชีวิตแบบไหน พวกเราเป็นคนที่จะต้องเลี้ยงเขา” 

สำหรับสมิทเอง หลังจากโรงพยาบาลผ่าเด็กออกจากท้องเธอในวันที่ 13 มิถุนายน 2025 ก็ดำเนินการถอดเครื่องพยุงชีพและยอมให้เธอจากไปเสียทีในวันที่ 17 ที่ผ่านมา

เรื่องราวของสมิทจุดประเด็นถกเถียงมากมายในสังคม โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับสิทธิในร่างกายของตัวเองที่ผู้หญิงพึงมี หลายฝ่ายมองว่า การที่สมิทถูกบังคับให้มีชีวิตอยู่ต่อเพื่อคลอดทารก คือการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งรัฐจอร์เจียและโรงพยาบาลปฏิบัติต่อสมิทราวกับเธอเป็นเพียง ‘เครื่องฟักไข่’ 

แม้แต่ โอลิเวีย โรดริโก (Olivia Rodrigo) ป็อปสตาร์สาวชื่อดังก็ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ เธอแชร์โพสต์จากบัญชี @birdsandbeesask.me ที่มีเนื้อความว่า “การที่ร่างกายของผู้หญิงสมองตายสามารถถูกใช้เป็นเครื่องฟักไข่ได้ ถือเป็นเครื่องเตือนใจพวกเราว่า ภายใต้ระบอบปิตาธิปไตย ฟีตัสนับเป็นมนุษย์ แต่ผู้หญิงไม่ใช่”

ข้อความที่โอลิเวีย โรดริโกแชร์ (ที่มา: Instagram @oliviarodrigo)

ขณะเดียวกัน นาบิลาห์ พาร์กส์ (Nabilah Parkes) วุฒิสมาชิกรัฐจอร์เจียจากพรรคเดโมแครต (Democratic Party) วิจารณ์กฎหมายทำแท้งของรัฐว่า เขียนออกมาได้แย่และเข้าใจยาก ทำให้สมิทต้องทรมานหลายเดือน ทั้งที่เธอเสียชีวิตไปแล้วในทางการแพทย์

“นี่มันโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมมาก” พาร์กส์กล่าว “สมิทและครอบครัวควรได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่านี้”

อ้างอิง

https://abcnews.go.com/Health/pregnant-brain-dead-woman-georgia-life-support-experts/story?id=122963319

https://www.theguardian.com/us-news/2025/jun/17/brain-dead-georgia-woman-delivers-baby 

https://www.bbc.com/thai/articles/cv2ej8yl7yjo 

https://www.npr.org/2025/05/21/nx-s1-5405542/a-brain-dead-womans-pregnancy-raises-questions-about-georgias-abortion-law 

https://x.com/NabilahIslam/status/1923133437684142177 a

Tags: , , , , , ,