เราส่วนใหญ่ต่างโตมาในโลกที่ความรักมักถูกนิยามว่าเป็น ‘เรื่องของคนสองคน’ เมื่อไรก็ตามที่ความสัมพันธ์เริ่มเกี่ยวพันโยงใยกับคนจำนวนมากกว่าสอง สังคมจะเริ่มเชื่อมโยงความสัมพันธ์นั้นๆ กับการทำผิดศีลธรรม ไม่รูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการนอกใจ การโกหก การบังคับกดขี่ การทรยศ หรือถ้าให้เลวร้ายน้อยที่สุด ก็ถูกมองเป็นความพิสดาร ความมักมาก หรือการมั่วเซ็กซ์

อิทธิพลของค่านิยมตะวันตกตามแบบฉบับคริสเตียนที่ดีงาม ถูกหว่านกระจายไปทั่วโลกในยุคล่าอาณานิคม ทำให้แนวทางการใช้ชีวิตรักโดยคาดหวังว่าจะครองรักแบบผัวเดียวเมียเดียว (Monogamy) ไปตลอดชีพ กลายมาเป็นค่าเริ่มต้นที่ดีที่สุดของความรักและความสัมพันธ์ในหลากหลายวัฒนธรรมของมนุษย์ในยุคสมัยใหม่ มุมมองนี้หยั่งรากลึกลงในประวัติศาสตร์และความรู้สึกนึกคิดของผู้คน จนยากที่จะแยกขาดออกจากวิถีปฏิบัติและหลักศีลธรรมอันดีงาม

ที่มา: ภาพยนตร์ Professor Marston and the Wonder Women (2017)

คนส่วนใหญ่แทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า พวกเขาถูกหล่อหลอมโดยโลกที่หมุนรอบบรรทัดฐานผัวเดียวเมียเดียว (Mono-normative) และคิดเพียงแต่ว่า นี่คือแนวทางการใช้ชีวิตแนวทางเดียวที่ถูกต้องเหมาะสม

ทว่าสิ่งเหล่านี้กำลังเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย เมื่อความสัมพันธ์แบบพหุรัก (Polyamory) หรือการมีคนรักได้คราวละหลายคน กำลังค่อยๆ เป็นที่นิยมในสื่อบันเทิงฝั่งฮอลลีวูดมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ส่วนหนึ่งเกิดจากความพยายามจะสร้างกระแส เรียกความสนใจด้วย ‘Shock Value’ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพแทนเหล่านี้ทำให้ผู้ชมที่ไม่คุ้นเคยเริ่มรับรู้ถึงการมีอยู่ของความสัมพันธ์รูปแบบนี้ ส่วนผู้ชมที่รู้จักอยู่แล้วก็จะเริ่มรู้สึกว่าพหุรักกลายเป็นเรื่องปกติของสังคมมากขึ้น

 

Polygamy, Polyamory, Consensual Non-monogamy (CNM) และอื่นๆ

ในบรรดาคำศัพท์ 3 คำข้างบน หนึ่งคำที่ทุกคนคุ้นเคยที่สุดน่าจะเป็น ‘Polygamy’ หรือความสัมพันธ์แบบที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถมีคู่ครองได้หลายคน โดยเฉพาะแบบผัวเดียวหลายเมีย (Polygyny) เพราะนี่คือค่านิยมดั้งเดิมในหลากหลายวัฒนธรรม

ที่ใกล้ตัวที่สุดหนีไม่พ้นชนชั้นเจ้านายในประเทศไทยสมัยก่อน ที่ผู้ชายนิยมแต่งงานกับผู้หญิงหลายคน เพื่อเสริมสร้างอำนาจทางสังคมและการเมือง หรือหลักศาสนาอิสลามที่บัญญัติเอาไว้ว่า ผู้ชายสามารถมีเมียได้ถึง 4 คน โดยมีเงื่อนไขว่าเขาต้องมีกำลังทางเศรษฐกิจมากพอที่จะเลี้ยงดูพวกเธอทั้งหมดอย่างเพียงพอและเท่าเทียมกัน

ปัจจุบัน การแต่งงานแบบ Polygamy ได้รับการรับรองให้ถูกกฎหมายใน 58 ประเทศทั่วโลก (จากทั้งหมดประมาณ 200 กว่าประเทศ) โดยส่วนมากเป็นประเทศในตะวันออกกลาง และประเทศในแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลางที่การแต่งงานแบบผัวเดียวหลายเมียเป็นที่นิยมมาก จนภูมิภาคนั้นๆ ได้รับสมญานามว่าเป็น Polygamy Belt ของโลก

ที่มา: Wikipedia

ที่มา: ซีรีส์ Riverdale (2017-2023)

ส่วนคำว่า ‘Polyamory’ โดยผิวเผินอาจฟังดูเหมือนมีความหมายที่คล้ายกัน ด้วยรากศัพท์กรีก-ลาติน poly-หลาย และ amor-ความรัก ที่สมาสเข้าหากัน แต่ในความเป็นจริง ความแตกต่างอันเฉพาะเจาะจงระหว่าง Polygamy กับ Polyamory คือ Polyamory หมายถึงความสัมพันธ์ที่ ‘ทุกฝ่ายสามารถมีคนรักหลายคนได้ ทุกฝ่ายต้องรับรู้เงื่อนไขความสัมพันธ์ และทุกฝ่ายต้องยินยอม’ ต่างจาก Polygamy ที่ยกอำนาจในการมีคู่ครองหลายคนให้เพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยที่อีกฝ่ายอาจไม่ได้ยินยอมพร้อมใจเสมอไป

ส่วนร่มที่ใหญ่กว่านั้นคือ ‘Consensual Non-monogamy’ (CNM) (ในบางครั้งถูกใช้ด้วยนิยามเดียวกับ Polyamory ที่ระบุไว้ในย่อหน้าด้านบน) ที่จะเน้นไปที่คำว่า Consensual กล่าวคือได้รับความยินยอมพร้อมใจโดยปราศจากแรงกดดันจากทุกฝ่าย หรือบางครั้งเราอาจได้ยินอีกชื่อเรียกหนึ่งนั่นคือ ‘Ethical Non-monogamy’ (ENM) เพื่อเน้นย้ำว่าความสัมพันธ์นี้เป็นไปอย่างมีจริยธรรม

แต่ในบางกรณี Polyamory และ CNM ก็ถูกใช้งานแยกกันอย่างสิ้นเชิง โดย CNM มีนิยามที่เปิดกว้างกว่า คือทุกฝ่ายสามารถมีความสัมพันธ์กับคนหลายคนได้ โดยความสัมพันธ์นั้นๆ อาจเป็นเพียงความสัมพันธ์ทางกายเพียงอย่างเดียว หรือทางใจด้วยก็ได้ ในขณะที่ Polyamory ที่มีรากศัพท์ amor-ความรัก อยู่ด้วย ย่อมเน้นย้ำถึงลักษณะที่ทุกฝ่ายต้องมีความผูกพันทางอารมณ์ต่อกันมากกว่า CNM

นอกจากนี้ อีกหนึ่งคำศัพท์ใต้ร่ม CNM ที่คนไทยน่าจะเคยได้ยินมาบ้างพอสมควรคือคำว่า ความสัมพันธ์แบบเปิด หรือ ‘Open Relationship’ หมายถึงความสัมพันธ์ที่เราสงวนความผูกพันทางใจเอาไว้ให้กับคนรัก หรือคู่ครองหลักเพียงคนเดียว แต่ต่างฝ่ายต่างเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายสามารถออกไปสำรวจประสบการณ์ทางกาย (เท่านั้น!) กับผู้อื่นได้ตามต้องการ

ภาพแทนของความสัมพันธ์แบบ ‘มากรัก’ ในสื่อ

หากไม่นับการจับคู่ End Game สุดช็อกแบบไม่ให้ใครลงเอยกับใครเพียงคนเดียว แต่ให้เบ็ตตี เวโรนิกา จักเฮด และอาร์ชีรักกันทั้ง 4 คนไปเลย ใน Riverdale (2017) เมื่อเร็วๆ นี้เรายังมีโอกาสเห็นตัวละครที่พยายามจะ ‘หลายใจอย่างมีจริยธรรม’ เช่นใน Succession (2018-2023) ซีรีส์ออริจินอลเรื่องดังของ HBO ชิฟ รอย (แสดงโดย ซาราห์ สนู้ค) เป็นตัวละครหนึ่งที่แสดงตนชัดเจนว่า เคลือบแคลงใจในความศักดิ์สิทธิ์ของการครองรักแบบผัวเดียวเมียเดียว

ในคืนวันแต่งงาน เธอสารภาพกับสามีทั้งที่ยังสวมชุดเจ้าสาวอยู่ว่า “ฉันแค่สงสัยว่ามันมีโอกาสที่เราจะสามารถใช้ชีวิตแบบอื่น นอกเหนือจากการจับคู่อยู่ด้วยกันไปจนตายเหมือนสินค้าบ็อกซ์เซ็ตไหมน่ะ

ที่มา: ซีรีส์ Succession (2018-2023)

แม้ลึกๆ ในใจ ทอม วอมบ์สกอนส์ (แสดงโดย แมทธิว แม็กฟาเดียน) ผู้เป็นสามีไม่ได้เห็นด้วยในความสัมพันธ์แบบเปิดอย่างที่เธอเสนอเลย แต่เพราะเขาไม่อยากเสียโอกาสทองที่จะแต่งงานกับลูกสาวทายาทตระกูลหมื่นล้าน เขาจึงโกหกว่าตัวเองยินดี ทำให้หลังแต่งงานไปได้ไม่นาน ทอมก็เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง และโทษชิฟว่า เธอเป็นคนบีบให้เขาจำต้องยอมรับ

นอกเหนือจากนี้ ยังมีซีรีส์ The White Lotus (2021-ปัจจุบัน) ซีซัน 2 ที่สำรวจประเด็น CNM ในคู่แต่งงาน ด้วยตัวละครฮาร์เปอร์ (แสดงโดย ออบรี พลาซา) และอีธาน (แสดงโดย วิลล์ ชาร์ป) คู่ที่ไม่มีเซ็กซ์และไม่รู้สึกดึงดูดต่อกันมาเป็นเวลานาน แต่ทันทีที่อีธานเริ่มสงสัยว่าฮาร์เปอร์อาจกำลังแอบมีสัมพันธ์ทางกายกับชายอื่น ชีวิตเซ็กซ์ของพวกเขาก็กลับมีชีวิตชีวาอีกครั้งแบบงงๆ

ที่มา: ซีรีส์ The White Lotus (2021-ปัจจุบัน)

The White Lotus ดำเนินเรื่องโดยล้อเลียนปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริง ที่สังคมยังคงแปะป้ายให้การหย่าร้างเป็นการทำให้ครอบครัวล้มเหลว สามีภรรยามากมายหลายคู่ โดยเฉพาะคู่แต่งงานที่ร่ำรวย จึงมักใช้ความสัมพันธ์แบบเปิด (อย่างลับๆ) หรือแม้แต่การนอกใจเป็นทางออกสุดท้าย ที่จะทำให้พวกเขาใช้ชีวิตคู่ต่อไปได้โดยไม่ต้องหย่า

ครั้งหนึ่ง เจ้าหญิงไดอานาเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ (ไม่ค่อย) ลับของชาร์ลส์ที่ 3 กับคามิลลา ในขณะที่เขายังเป็นมกุฎราชกุมารและเป็นสามีของเธออยู่

ในชีวิตแต่งงานนี้มีเราอยู่กันถึงสามคน มันก็เลยแออัดไปหน่อย

นั่นก็ได้กลายมาเป็นประโยคอมตะที่กินใจผู้หญิงทุกคนที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับสามีที่นอกใจ แต่ในโมงยามแห่งการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์นี้ ก็น่าสนใจไม่น้อยว่าในความสัมพันธ์ที่มากกว่า ‘คนสองคน’ จะถูกมองอย่างไรหลังจากนี้

อ้างอิง

https://www.newyorker.com/magazine/2024/01/01/american-poly-christopher-gleason-book-review-more-a-memoir-of-open-marriage-molly-roden-winter

https://www.vanityfair.com/style/2023/07/love-liberty-and-the-pursuit-of-polyamory 

Tags: , , , , , ,