เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา เกิดกระแสฮือฮาในหมู่ ‘สาววาย’ กับตัวอย่างอย่างเป็นทางการกับซีรีส์วายเรื่องใหม่จาก Thai PBS ชื่อว่า คืนนี้ผมนอนไม่หลับ ที่เมื่อชมตัวอย่างและฟังจากหมู่สาววายออนไลน์ ก็ทำให้ได้ตั้งคำถามมากมายถึงซีรีส์วายที่ผ่านมา และอนาคตต่อไปของอุตสาหกรรมสื่อ (วาย)

คืนนี้ผมนอนไม่หลับ เป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวชีวิตของคู่รักเกย์วัยกลางคนที่คบกันมาเกือบ 7 ปี ซึ่งส่อแววจะถึงทางตัน สู่ความเครียดสะสมที่ทำให้เขานอนไม่หลับ โดยจะได้ชมพร้อมกันในวันที่ 11 มกราคม 2569

หากมองอย่างผิวเผิน ซีรีส์เรื่องนี้อาจเป็นการเล่าเรื่องราวชีวิตรักของคู่รักเกย์วัยกลางคนทั่วไป แต่หากมองเรื่องราวนี้อย่างลึกซึ้งก็คงเห็นได้ถึงประเด็นเล็กน้อยที่อาจเป็นเรื่องใหม่และเรื่องใหญ่ของสื่อเควียร์ในไทย เพราะเพียงไม่กี่นาทีจากตัวอย่างซีรีส์ก็ทำให้ได้รับคำชม ทั้งเนื้อเรื่องและนักแสดง จนทำให้เป็นกระแสในโลกออนไลน์ 

สื่อเควียร์มีอดีตที่ยาวนานมากในประเทศไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมซีรีส์วายที่มีมาตั้งแต่ปี 2557 กับเรื่อง Love Sick The Series ที่เป็นเหมือนพิมพ์เขียวให้กับอุตสาหกรรมวายในภายหลัง หรือแม้แต่ซีรีส์เรื่อง ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น (2556) ที่ใส่เรื่องราวความรักของคนรักเพศเดียวกันทั้งชาย-ชายและหญิง-หญิง อย่าง #ภูธีร์ และ #ก้อยดาว

อย่างไรก็ตามเรื่องราวของชายรักชายจากซีรีส์ในอดีตที่ผ่านมา ก็เป็นการผลิตซ้ำวาทกรรมลบล้างความรักเพศเดียวกันอย่าง ‘ไม่ได้ชอบผู้ชาย…แค่ชอบนายเท่านั้น’ ที่สะท้อนแนวคิดของการคงไว้ซึ่งความเป็นชายแท้ที่รักกัน หาใช่ ‘เกย์’

กล่าวคือการนำเอาผู้ชายไปแทนที่ผู้หญิงในความรักแบบเพศคู่ตรงข้าม สู่การเป็นความสัมพันธ์แบบ ‘เมะ-เคะ’ หรือรุกและรับ ที่ความเป็นจริงแล้วในความสัมพันธ์ต่างก็มีความลื่นไหลและซับซ้อน ระหว่างอัตลักษณ์ทางเพศ (Gender Identity) รสนิยมทางเพศ (Sexual Orientation) และการแสดงออกทางเพศ (Gender Expression)

หากมองไปที่บทบาทก็อาจเวียนวนอยู่กับ ‘การแอบรักเพื่อนในวัยเรียน’ หรือแม้แต่ลักษณะตัวละคร ที่มักเป็นนักเรียนมัธยมปลาย นักศึกษา และวัยทำงานตอนต้น มีฐานะปานกลางไปจนถึงดี ซึ่งมักประสบความสำเร็จในความรัก และการยอมรับจากครอบครัวหรือสังคม อย่างเรื่องบังเอิญรัก (2561), ทฤษฎีจีบเธอ (2562) และเพราะเราคู่กัน (2563) ทั้งนี้อาจต้องยอมรับว่า เป็นภาพตัวแทนที่ดีกว่าตัวละครชายรักชายที่มีในอดีต

นอกจากนี้ในอดีตของสื่อไทยมักปรากฏกลุ่มชายรักชายในภาพยนตร์ โดยเล่าผ่านกะเทยหรือหญิงข้ามเพศ ที่ต้องมีลักษณะเกินความจริง ซึ่งมักเป็นชายแต่งหญิงหรือ ‘แดร็ก’ อย่างจักรวาล ‘หอแต๋วแตก’ (2550-ปัจจุบัน) ที่เปรียบเสมือนพงศาวดารวัฒนธรรมประชานิยมไทย ซึ่งมักแสดงภาพตัวแทนของกลุ่มชายรักชายและผู้หญิงข้ามเพศในระนาบเดียวกัน ผ่านลักษณะนิสัยที่เฮฮาและบ้าผู้ชาย

ในขณะเดียวกันก็จะมีอีกหนึ่งภาพตัวแทนที่มักเป็นการพูดถึงกลุ่มชายรักชายและผู้หญิงข้ามเพศ ผ่านการเป็นนางโชวหรือทำงานในผับ บาร์ และโรงละคร ซึ่งมักจะเป็นผู้ที่ไม่สมหวังในความรัก และมีจุดจบแบบโศกนาฏกรรม อย่าง เพลงสุดท้าย (2528) ภาพยนตร์สุดคลาสสิก ที่เล่าเรื่องราวชุมชนผู้มีความหลากหลายทางเพศในช่วงเวลา ณ ขณะนั้น

ดังนั้นหากกล่าวว่า ภาพตัวแทนใหม่ของตัวละครชายรักชาย ในปัจจุบัน อาจดีกว่าในอดีตก็คงไม่ผิดนัก แต่หากมองในรายละเอียดก็ยังคงปรากฏการใช้ความสัมพันธ์แบบชาย-หญิงครอบไว้ หรือแนวคิดระบบเพศแบบสองขั้ว (Gender Binary Opposition) กล่าวคือ การมีตัวละครแบบพระเอกและนายเอก หรือเมะ-เคะ ที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งทำให้ต้องมีลักษณะตัวละครที่แตกต่างกัน โดยพระเอกมักให้คุณค่ากับความเป็นชายในมิติต่างๆ เช่น รูปร่างล่ำสัน และนายเอกที่มักมีความเป็นหญิง (Femininity) มากกว่า เช่น รูปร่างที่เล็กกว่า และมีลักษณะนิสัยที่แสดงถึงความเป็นหญิง

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนอย่างเรื่องเขมจิราต้องรอด (2568) ที่เล่าเรื่องราวของการกลับชาติมาเกิดของเขม ที่ในอดีตชาติเขาเป็นผู้หญิงสู่การเป็นเกย์ในชาติปัจจุบัน ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากพ่อครู อันสะท้อนถึงความสัมพันธ์แบบชาย-หญิงที่ครอบไว้ โดยให้ฝ่ายที่มีความเป็นชาย เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือฝ่ายที่มีความเป็นหญิง หรือวาทกรรมโรแมนติกกระแสหลัก (Mainstream Romantic Discourse)

ในขณะเดียวกันก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา อย่างในปี 2568 สู่ตัวละครชายรักชายแบบใหม่อย่าง ‘เมะลูกหมา’ และ ‘เคะกล้าม’ ซึ่งเป็นการสลับลักษณะเชิงกายภาพของตัวละครอย่าง สิงสาลาตาย (2568) หรือแม้แต่ ‘การแก้แค้นของสาววาย’ ที่พยายามจะสลับโพตัวละครและศิลปินวายทั้งหลาย จากคนที่เป็นรุกสู่รับ และจากคนที่เป็นรับสู่รุก (ซึ่งการนำเสนอบทบาทดังกล่าวของศิลปินวายนั้น ก็อาจเป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกันต่อไป เมื่อมีเวลาและโอกาสที่เหมาะสม)

จากการทบทวนถึงภาพตัวแทนกลุ่มชายรักชายผ่านซีรีส์วายไทย ตั้งแต่ยุคบุกเบิก สู่ยุครุ่งเรือง มาจนถึงยุคปัจจุบัน ก็ทำให้เห็นถึงพลวัตของภาพตัวแทนที่เปลี่ยนแปลงจากภาพตัวแทนอันแสนเศร้าของกลุ่มชายรักชาย สู่ภาพแทนใหม่อันแสนคับแคบ ทั้งการแสดงออกทางเพศที่ยังคงไว้ซึ่งชายหญิง และเพดานทางอายุ

การได้ดูตัวอย่างซีรีส์วายอย่างคืนนี้ผมนอนไม่หลับ จึงเป็นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจที่จะได้เห็นเรื่องราวและภาพตัวแทนใหม่ ของกลุ่มชายรักชายผ่านตัวละครชายวัยกลางคน หรือบุคคลอายุ 54-55 ปี ที่ไม่ได้ผูกมัดว่าใครต้องรุกหรือรับ ซึ่งนักแสดงล้วนเป็นนักแสดง ‘รุ่นใหญ่’ ที่พร้อมแสดงวิชาทางการแสดง จากการรับบทบาทใหม่ที่แตกต่างจากเดิม พร้อมเล่าเรื่องราวความรักของใต้ร่มแซฟฟิกระหว่างหญิงข้ามเพศกับผู้หญิง ที่เปิดโอกาสให้ ‘นักแสดงหญิงข้ามเพศ’ ได้เล่นบทหญิงข้ามเพศที่เธอสมหวังในความรัก

แม้จะปล่อยออกมาเพียงตัวอย่างซีรีส์ แต่กลับเป็นเวลา 2.13 นาที ที่ชวนให้ได้คิด ทบทวน และมองถึงความเป็นไปได้ใหม่ของการเป็นภาพตัวแทนกลุ่มชายรักชาย และกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศที่ไม่จำเป็นต้องผูกมัดด้วยกรอบการแสดงออกทางเพศ และไม่ต้องถูกจำกัดด้วยอายุ ทั้งตัวละครและนักแสดง ซึ่งทำให้ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม จากเหล่าสาววายและสังคมในโลกออนไลน์

อนาคตของอุตสาหกรรมสื่อวายของไทยจะเป็นอย่างไร มิอาจทราบได้ 

แต่ในวันนี้อาจแสดงให้เห็นแล้วว่า ซีรีส์วายอาจไม่ได้ต้องการความหวือหวา แต่อาจต้องการเรื่องราวของ ‘กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ’ ผ่านการเล่าอย่างธรรมดาที่มีชีวิต มีความรัก และ ‘มีความหลากหลาย’ ซึ่งในบางทีอาจมีเวลาที่สุข มีเวลาที่เศร้า หรือแม้แต่ในคืนที่นอนไม่หลับ ที่อาจช่วยสร้างความเข้าใจอย่างเป็นปกติในเรื่องของความหลากหลายทางเพศให้กับสังคมไทย

 ที่มา: 

กฤตพล สุธีภัทรกุล (2020). การประกอบสร้างตัวละครชายรักชายในซีรีส์วาย. Retrieved from:https://repository.nida.ac.th/handle/662723737/5148.

– กฤชณัท แสนทวี (2022). ภาพตัวแทนความรักของชายรักชายในละครซีรีย์วายไทย. วารสารการสื่อสารและสื่อบูรณาการ, 10(2), 221–250. สืบค้น จาก https://so03.tci-thaijo.org/index.php/masscomm/article/view/259196

อัตลักษณ์ของตัวละครชายรักชายในซีรีส์วาย. สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, งานประชุมวิชาการการสื่อสารระดับชาติ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2562 (402-30-402-43).

https://anthropology-concepts.sac.or.th/glossary/134

https://www.thaipbs.or.th/program/HardNights/watch/mvhk131jkdvk

Tags: , , , , , , , , , , , , , ,