นานาวัฒนธรรมทั่วโลกดำเนินอยู่บนระบบ 2 เพศมาช้านาน การเดาเพศของลูกในท้องจึงเป็นสิ่งสากลที่คนจำนวนมากทำกันโดยแทบจะอัตโนมัติ ทั้งยังส่งต่อความเชื่อและภูมิปัญญาวิธีการทายให้กันจากรุ่นสู่รุ่น
คนไทยมีความเชื่อเกี่ยวกับฝันบอกเพศลูกที่ผูกพันเหนียวแน่นกับพุทธศาสนา ฝันเห็นพระพุทธรูปหรือช้างแปลว่าจะได้ลูกชาย ฝันเห็นสมบัติ อัญมณี แก้วแหวนเงินทอง แปลว่าจะได้ลูกสาว ในทำนองเดียวกันนี้ คนเกาหลีก็เชื่อเรื่อง ‘แทมง’ (태몽) หรือฝันที่บอกใบ้ว่ามีเด็กกำลังจะมาเกิดไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ว่ากันว่าหากฝันถึงสัตว์ใหญ่หรือสัตว์นักล่าแปลว่าได้ลูกชาย แต่ถ้าฝันถึงผลไม้รสหวานหรือดอกไม้เล็กๆ น่ารัก แปลว่าได้ลูกสาว
ขณะที่จีนมีคำกล่าวที่รู้จักกันแพร่หลายว่า ‘ซวนหนานล่าหนวี่’ (酸儿辣女) แปลว่า ‘กินเปรี้ยวได้ลูกชาย กินเผ็ดได้ลูกสาว’ ทางตะวันตกกลับเชื่อว่า ถ้าแม่เด็กแพ้ท้องแล้วโหยของหวานแปลว่าจะได้ลูกสาว แต่ถ้าติดกินเค็มและอยากกินของคาวแปลว่าได้ลูกชาย
ส่วนความเชื่อเรื่องรูปทรงของท้องที่แพร่หลายในหลายประเทศช่วงไม่กี่สิบปีมานี้ ลือกันว่ามีที่มาจากคติชนจากรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแถบเทือกเขาแอปพาเลเชียน โดยท้องทรงแหลมต่ำนั้นแปลว่าเด็กในครรภ์เป็นชาย แต่ถ้าท้องกลมเชิดสูง ป้านออกข้าง เด็กในครรภ์จะเป็นลูกสาว
หลากความเชื่อจากหลายแหล่งที่ว่ามา แทบไม่มีข้อไหนสามารถนำมาทดลองหาข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้จริงเลย แต่ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ทางประวัติศาสตร์ชั้นดีว่า มนุษย์เราจริงจังกับการทำนายเพศของเด็กในครรภ์กันสุดๆ การที่เทรนด์งานเลี้ยง Gender Reveal กลายเป็นที่นิยมขึ้นมานับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 2000 จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใด
ตั้งแต่มีการประดิษฐ์เครื่องอัลตราซาวด์ในช่วงทศวรรษ 1950 เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยเพศก็พัฒนามาไกลมากเสียจนในปัจจุบัน เราสามารถทราบเพศของทารกได้จากการตรวจเลือดตั้งแต่อายุครรภ์เพียง 6 สัปดาห์
กล่าวได้ว่า ทารกในครรภ์ส่วนใหญ่ที่เกิดมาในยุคนี้ สามารถถูกตรวจสอบ มอบหมาย เสี่ยงทาย และถือวิสาสะป่าวประกาศเพศให้ แม้เจ้าตัวจะเพิ่งหนักไม่ถึงครึ่งออนซ์ (ประมาณ 14 กรัม) และมีขนาดตัวเพียง 5 มิลลิเมตรเท่านั้น
ต้นกำเนิดปาร์ตี้เฉลยเพศลูกของชาวติดแกลม
เมื่อปี 2008 ตอนที่ไลฟ์สไตล์บล็อกเกอร์ เจนนา คาร์วูนิดิส (Jenna Karvunidis) กำลังตั้งท้อง เบียงกา (Bianca) ลูกสาวคนโต เธอจัดงานเลี้ยงสุดเก๋ขึ้นเพื่อเฉลยเพศของลูกให้เพื่อนและครอบครัวได้ร่วมรับรู้ โดยในช่วงไฮไลต์ เธอและสามีตัดเค้กออกมาชิ้นหนึ่ง เผยให้เห็นสีชมพูของบัตเตอร์ครีมภายใน เป็นอันรู้กันว่าได้ลูกสาว

ที่มา: High Gloss And Sauce (บล็อกของ เจนนา คาร์วูนิดิส)
หลังงานจบเธอบันทึกเรื่องราวของงานเลี้ยงน่ารักๆ ครั้งนั้นลงในบล็อก ที่น่าตกใจคือไม่นานหลังจากกดเผยแพร่ โพสต์นั้นก็กลายเป็นไวรัล จนนิตยสารเจ้าหนึ่งของชิคาโกถึงกับติดต่อเข้ามาขอเอาเรื่องนี้ไปเขียนลงคอลัมน์
เจนนากลายเป็นผู้นำเทรนด์ชั่วข้ามคืนในยุคที่แม้แต่ Instagram และ Pinterest ก็ยังไม่ถือกำเนิด และตลอดช่วงเวลากว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา ยิ่งโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทในชีวิตคนมากขึ้นเท่าไร งานเลี้ยง Gender Reveal ก็ยิ่งวิวัฒนาการไปไกลมากขึ้นเท่านั้น
หากลองเสิร์ชหาคลิปวิดีโอที่บันทึกโมเมนต์สำคัญของงาน Gender Reveal จะพบว่าใน YouTube มีให้เลือกดูมากถึง 5 แสนรายการ วิธีการมีตั้งแต่เรียบง่ายอย่างสั่งทำบัตรขูด ตัดเค้ก ปล่อยลูกโป่ง ตีปิญญาตา คว้านแตงโต เล่นบาทบอมบ์ หรือปาเพนต์บอล ไปสู่วิธีการที่ ‘เล่นใหญ่’ ขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแข่งขันกัน ไม่ว่าจะด้วยน้ำพุสี ดอกไม้ไฟ แสงสีจากโดรน ภาพฉายโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ยักษ์ การใช้งานสัตว์ ระเบิดควัน หรือแม้แต่ระเบิดจริงๆ
หลังจากผ่านไปราว 10 ปี นับจากวันที่งาน Gender Reveal ครั้งแรกของโลกจัดขึ้น ณ บ้านของเจนนา ในปี 2018 เกิดไฟป่าครั้งใหญ่ขึ้นที่รัฐแอริโซนา ลามไปไกลคิดเป็นพื้นที่กว่า 46,911 เอเคอร์ (ประมาณ 1.2 แสนไร่) โดยต้นเพลิงคืองาน Gender Reveal ของครอบครัวดิกกี (Dickey) ซึ่งมีการใช้ปืนยิงสารประกอบระเบิดแทนเนอร์ไรต์ (Tannerite) ผสมผงสีฟ้า
ในปี 2019 พาเมลา (Pamela) ว่าที่คุณย่าวัย 56 ปี เสียชีวิตทันทีหลังโดนสะเก็ดระเบิดดินปืนลูกหลง ในงาน Gender Reveal ของหลานในท้องลูกสะใภ้

ที่มา: Alexis Ayala (Wild Bird Fund)
ในปี 2024 เจ้าฟลามิงโก (Flamingo) นกพิราบขาวที่ถูกย้อมเป็นสีชมพู เพื่อเฉลยเพศในงาน Gender Reveal ตายอย่างน่าสงสาร เนื่องจากได้รับสารพิษเกินขนาด และแน่นอนว่ามันไม่มีทางใช่นกพิราบตัวแรกที่ตายด้วยเหตุนี้
Gender Reveal: เมื่องานฉลองไม่ได้ Reveal แค่ Gender
สมาชิกในครอบครัวที่คลั่งไคล้และยึดติดในเพศกำเนิดของทารกในครรภ์อย่างสุดโต่ง มักมองไกลไปยังอนาคตแล้วเห็นในมโนภาพว่า บุตรหลานจะต้องมีเพศสถานะและบทบาททางเพศสอดคล้องกับอวัยวะที่แพทย์ตรวจเจอตรงหว่างขา ทั้งที่ในความเป็นจริง ความเป็นชายหญิงของเราทุกคนต่าง ‘บกพร่อง’ อยู่บ้างไม่มากก็น้อย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ในยุคสมัยที่โตมา แม้ผู้เขียนจะไม่เคยรู้จักหรือไปร่วมงานปาร์ตี้โก้ๆ แบบนี้ แต่ก็พอมีสิ่งทดแทนที่น่าจะคล้ายกับความรู้สึกที่งาน Gender Reveal มอบให้กับเยาวชนมีความหลากหลายทางเพศอยู่
“ถ้าหนนี้เป็นลูกชาย อั๊วซื้อทองให้ 5 บาท”
หมายความว่าถ้าสะใภ้คนนั้นคลอดลูกสาว ลูกสาวเหมือนกันกับที่ตัวผู้เขียนเป็น เขาจะอดได้ทอง 5 บาทโดยอัตโนมัตินั่นเอง
ปมประเด็นที่ซ่อนอยู่ลึกยิ่งกว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือพฤติกรรมการบริโภคเพื่อโอ้อวดสถานะ (Conspicuous Consumption) จึงอยู่ตรงรูปแบบพิธีกรรมที่ลดทอนความซับซ้อนอ่อนไหวของเพศของคนทั้งคน ด้วยการป่าวประกาศแค่ว่าเป็นหญิงหรือไม่ก็เป็นชาย ขณะที่ความหลากหลายทางเพศถูกลบเลือนไป
ปัจจุบัน คาร์วูดินิส ทนายความ นักเขียน และอินฟลูเอนเซอร์ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นมารดาแห่ง Gender Reveal นั้นมีลูกสาวทั้งหมด 3 คนด้วยกัน เธอให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว The Guardian และรายการ A Bit Fruity ของ แมตต์ เบิร์นสทีน (Matt Bernstein) นักกิจกรรม LGBTQIA+ ว่า ทุกครั้งที่มองกลับไป เธอนึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ทำให้งานเฉลยเพศลูกกลายเป็นเทรนด์ไวรัลเมื่อ 17 ปีก่อน
“เดี๋ยวนี้งาน Gender Reveal กลายเป็นเทรนด์แพร่หลายไปทั่วโลกเสียแล้ว ซึ่งฉันคิดว่า ที่มันแพร่ไปไกลอย่างนี้ได้ก็เพราะค่านิยมชายเป็นใหญ่ยังเข้มแข็งมาก โลกเรายังมีแนวคิดที่ว่า ผู้ชายจะเป็นฝ่ายโตมาเป็นเจ้าคนนายคน และเป็นฝ่ายได้รับมรดกอยู่ ส่วนผู้หญิงเกิดมาเพื่อจุดประสงค์อื่น เพื่อคอยปรนนิบัติ ไม่ใช่เพื่อรับบทผู้นำ
“จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตอนนี้ฉันมองงานเลี้ยงอะไรแบบนี้ไม่ค่อยดีเลย ปัญหาคือพวกเขายึดติดกับแง่มุมนี้ของคนคนหนึ่งมากเกินไป จริงๆ หลังจากเบียงกาฉันยังมีลูกอีก 2 คน แต่ฉันไม่เคยจัดงานเฉลยเพศอีกเลย
“ที่หักมุมก็คือ เด็กน้อยเจ้าของปาร์ตี้เฉลยเพศคนแรกที่เฉลยว่าเป็นผู้หญิง ทุกวันนี้แกใส่สูทละ! เรื่องมันเริ่มจากเมื่อ 2-3 ปีก่อน พอถึงเวลาต้องแต่งตัวถ่ายรูปครอบครัวสำหรับวันคริสต์มาส เบียงกาแกก็บ่นอยู่พักหนึ่งว่าไม่อยากใส่ชุดเดรส ฉันเลยบอกลูกว่า ‘ไม่อยากก็ไม่เป็นไรจ้ะ ถ้างั้นชุดสูทล่ะ ลูกว่าเป็นไง’ เรามองหน้ากัน แล้วแกก็ถามต่อว่า ‘ผู้หญิงใส่สูทได้ด้วยเหรอคะ’

ที่มา: Guardian
“แล้วสุดท้ายรูปถ่ายครอบครัวที่เธอใส่สูทก็กลายเป็นไวรัล หลังจากนั้นฉันได้รับอีเมลหลายฉบับเลย จากวัยรุ่นข้ามเพศและนอนไบนารี พวกเขาเห็นตัวเองเวลามองรูปเบียงกา แล้วก็เห็นว่าครอบครัวที่ยอมรับในสิ่งที่แกเป็น มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเล่าให้ฉันฟังว่า ตอนวันอีสเตอร์เธออยากใส่สูทบ้าง แต่แม่ของเธอกลับบอกว่า ‘ถ้าลูกแต่งตัวแบบนั้นก็ไม่ต้องอยู่บ้านนี้อีกต่อไป’ ฉันฟังแล้วทั้งตกใจและสะเทือนใจมาก”
เรื่องราวของเจนนาและเบียงกาจึงเป็นดั่งภาพสะท้อนเล็กๆ ของความเปลี่ยนแปลงทางสังคม งานเฉลยเพศที่เคยถูกมองเป็นเพียงเรื่องสนุกหรือการแบ่งปันข่าวดี เมื่อมองลึกลงไปกลับเผยให้เห็นรากความคิดที่กดทับความหลากหลาย
สิ่งที่เผยตัวออกมาเมื่อเกิดพิธีการเหล่านี้อาจไม่ใช่เพศของเด็ก แต่เป็นกรอบความเชื่อของผู้ใหญ่ที่ลึกๆ แล้วก็ยังมีเงื่อนไขและธงในใจในการรักลูกอยู่
อ้างอิง
https://womensmediacenter.com/fbomb/why-gender-reveal-parties-are-problematic
Tags: Gender, เพศ, ประวัติศาสตร์, ลูก, Gender Reveal, งานเลี้ยง




