“เป็นผู้หญิงต้องแกล้งโง่ให้เป็น อย่าอวดเก่งเกินหน้าเกินตา ผู้ชายเขาจะไม่เอา”  

คำเตือนคลาสสิกที่เด็กผู้หญิงแทบทุกคนต้องเคยได้ยิน เป็นเครื่องยืนยันชั้นดีว่า คนหมู่มากยังคงมองว่า การมีคู่คือเป้าหมายสำคัญของชีวิตผู้หญิง จึงควรทำทุกวิถีทางให้มีผู้ชายมาเลือกตน และบทบาทผู้นำรวมทั้งความเก่งเป็นคุณลักษณะที่สังคมยังคงเต็มใจมอบให้กับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงอยู่

หรือกระทั่งมีคู่ไปแล้ว ผู้หญิงส่วนหนึ่งก็ยังไม่อาจหลุดพ้นจากข้อควรระวังลักษณะนี้

“อย่าข่มคนคุยจนเขารู้สึกเสียหน้า”

“อย่าพูดเรื่องที่ทำให้แฟนรู้สึกด้อยกว่า”

“อย่าทำตัวเด่นข้ามหน้าข้ามตาสามี”

ที่น่าสนใจคือ สื่อตะวันตกถึงกับตั้งทฤษฎีที่มีชื่อว่า คำสาปรักรางวัลออสการ์ (Oscar’s Love Curse) ขึ้นมา เนื่องจากมีคู่รักนักแสดงหวานชื่นหลายคู่ที่มักบังเอิญถึงคราวต้องเลิกรากันไม่นานหลังจากฝ่ายหญิงได้รับรางวัลใหญ่จากเวทีนี้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ ฮัลลี เบอร์รี (Halle Berry), เคต วินสเลต (Kate Winslet), แซนดรา บูลล็อก (Sandra Bullock) หรือรีส วิเทอร์สปูน (Reese Witherspoon)

อาจฟังดูเหมือนทฤษฎีสมคบคิดเอาไว้เล่าสู่กันฟังขำๆ แต่ความจริงแล้ว มีผลสำรวจจากงานวิจัยมากมายหลายชิ้นที่ยืนยันว่า สถานการณ์ทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นในสังคมจริงๆ

นักสังคมศาสตร์และนักวิชาการด้านนโยบายสังคมเรียกปรากฏการณ์ดังกล่าวว่า Breadwinner Wife Penalty แปลให้เข้าใจง่ายที่สุดได้ว่า ‘โทษของการมีภรรยาเป็นเสาหลักครอบครัว’ ใช้กล่าวถึงปรากฏการณ์ที่สามีภรรยามักมีชีวิตแต่งงานที่ราบรื่นน้อยกว่าและอัตราหย่าร้างสูงขึ้น เมื่อผู้ชายไม่ได้รับบทผู้นำครอบครัวหรือเป็นฝ่ายที่หาเงินเข้าบ้านได้มากกว่า

ภรรยาเสาหลัก

แล้วภรรยาเสาหลัก (Breadwinner Wife) ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง

คำตอบมีอยู่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่างานวิจัยชิ้นนั้นๆ มุ่งเน้นสำรวจเรื่องใดเป็นพิเศษ แต่หากกล่าวกว้างๆ โดยอ้างอิงจากนิยามของนักวิจัยสถาบันพิว (Pew Research Center) เมื่อไรที่รายได้สุทธิของทั้งครัวเรือนมีที่มาจากรายได้ของภรรยาเกินกว่า 60% จะถือว่าภรรยาเป็นเสาหลักของครอบครัวนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น หากภรรยาเงินเดือน 5 หมื่นบาท ในขณะที่สามีเงินเดือน 2.5 หมื่นบาท เงินเดือนของภรรยาจะคิดเป็น 66% ของรายได้รวมของครอบครัว จึงถือว่าเธอเป็นเสาหลักของบ้าน

ปัจจุบันในสหรัฐอเมริกามีคู่แต่งงานที่เข้าข่ายนี้อยู่ 16%  มีคู่แต่งงานที่รายได้ทัดเทียมกันอยู่ 29% ส่วนที่เหลืออีก 55% เป็นคู่แต่งงานที่มีพลวัตความสัมพันธ์แบบที่เราคุ้นเคยกันดี นั่นคือมีฝ่ายสามีเป็นเสาหลัก  นับว่าเป็นสัดส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปจากสังคมอเมริกันเมื่อ 50 ปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด เพราะในสมัยนั้น กว่า 85% เป็นครอบครัวที่มีรายได้ของสามีเป็นรายได้หลัก (และส่วนมาก มักเป็นรายได้เดียวเสียด้วย)

ที่มา: Pew Research Center

นอกจากนี้งานวิจัยของสถาบันพิวยังเผยข้อมูลสำคัญต่อยอดจากสถิติดังกล่าวอีกว่า แม้ปัจจุบันบทบาทในการหาเงินเข้าบ้าน จะถูกแบ่งให้กับสามีและภรรยาอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้นแล้ว แต่ครอบครัวส่วนใหญ่ยังแบ่งงานในครัวเรือนให้แต่ละฝ่ายได้ไม่สมดุลกันอยู่ ผู้หญิงยังคงรับภาระมากกว่าด้านงานบ้านงานเรือน เพราะผู้ชายใช้เวลานอกเวลางานไปกับงานบ้านน้อยกว่าผู้หญิงราว 4 ชั่วโมงครึ่งต่อสัปดาห์ และพักผ่อนมากกว่าผู้หญิงราว 3 ชั่วโมงครึ่งต่อสัปดาห์

กระทั่งในคู่แต่งงานที่มีภรรยาเป็นเสาหลักทางการเงิน ภรรยาก็ยังคงอุทิศเวลาหลังเลิกงานมาดูแลครอบครัว ตลอดจนแบ่งเบางานบ้านจากสามีไปทำส่วนหนึ่ง ตรงกันข้ามกับคู่แต่งงานที่สามีเป็นเสาหลักทางการเงิน เพราะในกรณีนี้ งานบ้านเกือบทั้งหมดจะถูกมอบหมายให้ภรรยาดูแลแต่เพียงผู้เดียว

หนึ่งกรณีตัวอย่างในบริบทของประเทศไทย ได้แก่ สถานการณ์ล่าสุดของ ‘KP ตะลอนแหลก’ หรือ แพร-กิตติ์ธัญญา เวชกุลไชยพงศ์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์รีวิวอาหารที่มีผู้ติดตามหลักล้านบนแอปพลิเคชัน TikTok และตัวอย่างที่ชัดเจนของผู้หญิงที่รับหน้าที่ภรรยาเสาหลัก

หลังเกิดเรื่องระหองระแหงขึ้นระหว่างกิตติ์ธัญญากับสามี ฝ่ายชายได้ใช้สิทธิเข้าถึงเพจในการโพสต์ประกาศยกเลิกงานโดยไม่ปรึกษาเธอ เธอจึงออกมาชี้แจงว่า จำเป็นต้องยกเลิกให้บัญชี Facebook ของสามีมีสิทธิเข้าถึงเพจ พร้อมเล่าบริบทเพิ่มเติมว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สามีประท้วงด้วยวิธีการระงับช่องทางทำกินของครอบครัว

ต่อมาฝ่ายสามีจึงออกมาเขียนโพสต์ขอโทษ โดยชี้แจงว่า ขาดสติเพราะรู้สึกน้อยใจ นอกจากนี้ยังเขากล่าวถึงความคาดหวังของตนว่า “อยากให้กลับบ้านเร็วๆ อยากอยู่ด้วยกันพ่อแม่ลูก (ผมจะได้กินข้าวรีแลกซ์ตอนลูกอยู่กับแพร) อยากให้เขามาเลี้ยงลูกสลับกันคนละวัน ผมจะได้ออกไปหาเงินบ้าง” เรียกได้ว่า สถานะผู้นำและการแบ่งหน้าที่ในครัวเรือนนั้น เป็นประเด็นที่มีบทบาทสำคัญต่อเหตุการณ์ครั้งนี้มากทีเดียว

ชีวิตแต่งงานเปราะบางกว่าในคู่ที่สามีไม่ได้เป็น ‘เสาหลัก’ จริงหรือ

           ดร.ฌูเลีย เฟอร์รารี (Giulia Ferrari) นักสังคมวิทยาและอาจารย์พิเศษของศูนย์วิจัยสุขภาพ วิทยาลัย London School of Economics and Political Science (LSE) ศึกษาว่า รายได้สัมพัทธ์ของคู่สมรสในฝรั่งเศส แปรผันสัมพันธ์กับอัตราความเสี่ยงที่พวกเขาจะแยกทางกันอย่างไรบ้าง
          ผลจากการติดตามข้อมูลจากหน่วยราชการฝรั่งเศสของคู่สมรสกว่า 1 แสนคู่ติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี พบว่า Breadwinner Wife Penalty มีอยู่จริง เนื่องจากคู่แต่งงานที่ภรรยาได้มีรายได้เกินกว่า 55% ของรายได้ครัวเรือนนั้น มีความเสี่ยงที่จะแยกทางสูงกว่าคู่ที่รายได้ทัดเทียมกันและคู่ที่สามีเป็นฝ่ายหาเลี้ยงอย่างมีนัยสำคัญ โดยความเสี่ยงจะยิ่งเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนรายได้ของภรรยาที่สูงขึ้น หากภรรยามีสัดส่วนรายได้มากถึง 55-85% พวกเขาจะมีโอกาสเลิกรากันสูงขึ้นอีก 30%

แม้จะคำนวณโดยใช้ตัวแปรควบคุมเป็นข้อมูลด้านทรัพยากรทางการเงิน จำนวนประชากร และตัวแปรอื่นๆ ร่วมด้วย ผลก็ยังยืนยันเช่นนี้ไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งปรากฏการณ์ที่ว่านี้ยังไม่มีท่าทีจะลดลงในประชากรรุ่นใหม่ที่เข้าใจแนวคิดเรื่องความเท่าเทียมทางเพศมากขึ้นแต่อย่างใด

ปรากฏการณ์นี้ส่งผลต่อความสุขในการใช้ชีวิตคู่ด้วยหรือไม่

ตอบสั้นๆ คือส่งผลร่วมด้วย

งานวิจัยอีกชิ้นจากวารสาร PubMed Central สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างสถานะเสาหลักครอบครัวของภรรยาว่า ส่งผลต่อความพึงพอใจในชีวิตของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงอย่างไรบ้าง โดยอ้างอิงจากชุดข้อมูล European Social Survey ปี 2004-2018 สำรวจครอบคลุมประชากรหลายประเทศในทวีปยุโรป

ผลปรากฏว่า ครอบครัวที่มีภรรยาเป็นเสาหลักพึงพอใจในชีวิตน้อยกว่าจริงๆ ระดับความรุนแรงของผลกระทบขึ้นอยู่กับสัดส่วนรายได้ของฝ่ายชาย ในกรณีที่สามียังมีรายได้อยู่บ้างจากการทำงานพาร์ตไทม์หรือฟรีแลนซ์ ผลกระทบจะไม่รุนแรงเท่ากับกรณีที่สามีว่างงาน

แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ฝ่ายที่ระดับความสุขลดฮวบลงไปมากกว่าคือฝ่ายชาย เพราะพวกเขาต้องรับมือกับความคาดหวังของสังคมอยู่เสมอ เมื่อรายได้หลักดันไม่ได้มาจากตน ขัดกับภาพจำตามขนบของสามีที่ต้องแข็งแกร่ง พึ่งพาได้ มีความเป็นผู้นำ และมีหน้าที่การงานมั่นคง บทบาททางสังคมที่คุ้นเคย

ความรู้สึกกดดันและไม่มั่นคงเหมือนสูญเสียความหมายในชีวิตไปเช่นนี้เอง ที่ส่งผลต่อระดับความพึงพอใจในชีวิตคู่ นำไปสู่อัตราการหย่าร้างที่เพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ดี คำตอบสุดท้ายของปัญหานี้ จะมิใช่การแก้ไขที่ทัศนคติของเหล่าสามีในระดับปัจเจกเพียงอย่างเดียว เพราะต้นเหตุของภาวะไม่เป็นสุขนี้ไม่ใช่ ‘ศักดิ์ศรีที่เปราะบาง’ ของเพศชายเสียทีเดียว แต่คือโครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรมที่ยึดติดกับบทบาททางเพศแบบดั้งเดิมต่างหาก ปัญหาที่แท้จริงจะได้รับการแก้ไขก็ต่อเมื่อสามารถปรับเปลี่ยนค่านิยมสังคม สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศในครอบครัว และโอบรับรูปแบบความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่ลื่นไหลและมีอยู่หลากหลาย

 

อ้างอิง

Ferrari, G., Solaz, A., & Vitali, A. (2024). Are female-breadwinner couples always less stable? Evidence from French administrative data. European Journal of Population, 40, Article 11. https://doi.org/10.1007/s10680-024-09690-8

Fry, R., Aragão, C., Hurst, K., & Parker, K. (2023). In a growing share of U.S. marriages, husbands and wives earn about the same. Pew Research Center. https://www.pewresearch.org/social-trends/2023/04/13/in-a-growing-share-of-u-s-marriages-husbands-and-wives-earn-about-the-same/

Kowalewska, H., & Vitali, A. (2024). The female-breadwinner well-being ‘penalty’: Differences by men’s (un)employment and country. European Sociological Review, 40(2), 293–310. https://doi.org/10.1093/esr/jcad046

          

 

Tags: , , , , , , , ,