เป็นประเด็นร้อนทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับข่าว เบลก ไลฟ์ลี (Blake Lively) นักแสดงหญิงชื่อดัง เตรียมเดินหน้าฟ้องร้อง จัสติน บัลโดนี (Justin Baldoni) นักแสดงและผู้กำกับชายที่เธอได้ร่วมงานด้วยในโปรเจกต์หนัง It Ends with Us (2024) โดยไลฟ์ลีระบุว่า บัลโดนีมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ และทีม PR ของเขาจงใจสร้างแคมเปญทำลายชื่อเสียงเธอ

ใครที่กำลังพยายามตามข่าวนี้อาจรู้สึกงงกับไทม์ไลน์ของแต่ละเหตุการณ์อยู่บ้าง เพราะทั้งไลฟ์ลี บัลโดนี และตัวหนัง It Ends with Us เองก็มีดราม่ามาตั้งแต่ช่วงกลางปี ก่อนเรื่องจะเงียบไป

วันนี้ The Momentum ขออาสาพาผู้อ่านย้อนทบทวนเรื่องราวทั้งหมดไปพร้อมๆ กัน

การถ่ายทำ It Ends with Us

ต้องเกริ่นก่อนว่า It Ends with Us เป็นหนังโรแมนติก-ดราม่าเกี่ยวกับความรุนแรงในความสัมพันธ์ (Domestic Violence) ไลฟ์ลีรับบท ‘ลิลลี’ ผู้หญิงที่ติดอยู่ในความสัมพันธ์เป็นพิษ ส่วนบัลโดนีรับบทเป็นแฟนของลิลลีที่ใช้กำลังทำร้ายเธอ นอกจากนั้นเขายังกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้เองอีกด้วย

ถึงแม้บทจะค่อนข้างหนักหน่วง แต่บัลโดนีกับเจมี ฮีธ (Jamey Heath) โปรดิวเซอร์ของเรื่องเป็นผู้ชายที่เคยออกมาสนับสนุนมูฟเมนต์เฟมินิสต์กันทั้งคู่ หลายคนจึงเดาว่าในกองน่าจะระมัดระวังประเด็นอ่อนไหวและตระหนักถึงความเท่าเทียมทางเพศเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากฝั่งไลฟ์ลีกลับบอกเราอีกแบบ

TMZ รายงานว่า บรรยากาศการทำงานในกองแย่มากจนต้องมีการประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกัน ในที่ประชุม ไลฟ์ลียื่นคำขอต่อบัลโดนีและสตูดิโอผู้ผลิตหนังดังนี้

1. ขอให้บัลโดนีหยุดเอารูปโป๊หรือรูปผู้หญิงใดๆ ก็ตามให้ไลฟ์ลีดู

2. ขอให้บัลโดนีหยุดพูดถึงพฤติกรรมเสพติดสื่อลามกของตัวเอง

3. ขอให้บัลโดนีหยุดพูดถึงชีวิตเซ็กซ์ของตัวเองต่อหน้าไลฟ์ลีหรือคนอื่นๆ

4. ขอให้บัลโดนีหยุดพูดถึงอวัยวะเพศของเพื่อนนักแสดงและทีมงาน

5. ขอให้บัลโดนีหยุดถามเรื่องน้ำหนักของไลฟ์ลี

6. ขอให้บัลโดนีหยุดพูดถึงพ่อของไลฟ์ลีที่เสียไปแล้ว

7. ห้ามเพิ่มฉากเซ็กซ์ใดๆ เข้ามาในการถ่ายทำ ยกเว้นฉากที่มีในสคริปต์และไลฟ์ลีได้รับทราบก่อนแล้ว

หลังจากประชุมเสร็จ ทางสตูดิโอก็ตัดสินใจจ้างผู้ประสานงานฉากถึงเนื้อถึงตัว (Intimacy Coordinator) แบบฟูลไทม์ และเพิ่มมาตรการคุ้มครองอื่นๆ ในกอง แถมฮีธยังเซ็นรับรองว่าจะไม่แก้แค้นไลฟ์ลี สำหรับเรื่องครั้งนี้ดูเผินๆ เหมือนปัญหาจะจบลงด้วยดี

จนกระทั่งเดือนสิงหาคม หนัง It Ends with Us เข้าโรง และชื่อเสียงของไลฟ์ลีดิ่งลงเหว 

จุดต่ำสุดของไลฟ์ลี

หากใครติดตามข่าวสารฝั่งฮอลลีวูดอยู่บ้าง น่าจะจำได้ว่าช่วงที่ทีมนักแสดง It Ends with Us เดินสายโปรโมต ไลฟ์ลีเผชิญกระแสความเกลียดชังอย่างหนัก ในงานพรีเมียร์หนังที่นิวยอร์ก เธอกล่าวให้กำลังใจเหยื่อความรุนแรงในความสัมพันธ์ว่า “คุณเป็นมากกว่าแค่เหยื่อ” ส่วนในอีกวิดีโอ เธอชักชวนให้ทุกคน “คว้าเพื่อน ใส่ชุดดอกไม้ แล้วออกมาดูหนังกัน”

ถ้อยคำเหล่านี้บางคนฟังแล้วอาจไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ในขณะเดียวกันก็มีเสียงวิจารณ์ว่า ไลฟ์ลีกำลังทำให้ความรุนแรงในความสัมพันธ์ดูเป็นเรื่องเล็ก และลดทอนความเจ็บปวดของเหยื่อจริงๆ

ในคลิป TikTok หนึ่งที่มียอดวิว 4.5 ล้านวิว ไลฟ์ลีถูกตำหนิว่าโปรโมตหนังประเด็นอ่อนไหว “อย่างกับโปรโมตภาคต่อบาร์บี้” สำนักข่าวดังเดลีเมล์ (Daily Mail) เผยแพร่บทความหัวข้อ “ไลฟ์ลีจะโดนแคนเซิลแล้วหรือเปล่า?” โดยเนื้อหาบทความจิกกัดที่ไลฟ์ลีให้สัมภาษณ์ด้วยเสียงหัวเราะและเอาแต่พูดเรื่องไม่มีสาระอย่างอาชีพในฝันกับราศี แทนที่จะเน้นย้ำถึงความรุนแรงในความสัมพันธ์เป็นหลัก 

สำหรับนักแสดงผู้คร่ำหวอดในวงการมานาน รักษาชื่อเสียงด้านดีมาตลอด เดือนสิงหาคม 2024 นับเป็นจุดต่ำสุดของภาพลักษณ์ไลฟ์ลีเลยก็ว่าได้

แคมเปญทำลายชื่อเสียง

ย้อนกลับไปช่วงก่อนเดือนสิงหาคมนิดหน่อย หลังจากจบการประชุมเจ้าปัญหาระหว่างไลฟ์ลี บัลโดนี และสตูดิโอที่บัลโดนีเป็นเจ้าของ บัลโดนีกับฮีธกังวลว่าคำร้องเรียนของไลฟ์ลีอาจหลุดไปสู่สายตาสาธารณชนได้ จึงจ้าง เมลิสซา นาธาน (Melissa Nathan) ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการภาวะวิกฤต (Crisis Management) มาช่วยดูแล

ก่อนหน้านี้ นาธานเคยทำงานให้คนดังมากมาย เช่น จอห์นนี เดปป์ (Johnny Depp) เดรก (Drake) และทราวิส สก็อตต์ (Travis Scott)

วันที่ 2 สิงหาคม นาธานส่งแผนงาน PR ฉบับแรกไปให้บัลโดนีและทีม โดยเธอเสนอให้เล่นข่าวว่า ไลฟ์ลีใช้อำนาจในทางมิชอบเพื่อควบคุมกระบวนการสร้างสรรค์ของหนัง (ไลฟ์ลีได้เป็นคนตัดต่อหนังในตอนสุดท้าย และ Sony Pictures ผู้จัดจำหน่ายหนังเลือกเวอร์ชันที่ไลฟ์ลีตัดต่อไปฉาย)

อย่างไรก็ตาม แผนงานนี้ไม่ถูกใจบัลโดนีนัก ในแชตระหว่างนาธานกับ เจนนิเฟอร์ เอเบล (Jennifer Abel) ฝ่าย PR อีกคนหนึ่ง เอเบลบอกนาธานว่า “พวกคุณต้องแสดงพลังว่าพวกคุณทำอะไรได้บ้างในสถานการณ์แบบนี้ บัลโดนีอยากจะรู้สึกว่าไลฟ์ลีสามารถถูกฝังได้เลย”

นาธานอธิบายว่า เธอไม่สามารถเขียนทุกอย่างลงไปในแผนงานได้ เพราะหากมันหลุดออกไปจะมีปัญหาตามมา แต่ขอให้ทีมบัลโดนีเชื่อในตัวเธอ

“เราสามารถฝังใครก็ได้อยู่แล้ว” นาธานกล่าว

ไม่กี่วันต่อมา บัลโดนีส่งเธรดแฉพฤติกรรมบูลลีของเซเลบอีกคนหนึ่งไปให้นาธาน และบอกเธอว่า “นี่แหละสิ่งที่เราต้องการ” หลังจากนั้นนาธานก็เริ่มจ้างคนมาปั่นกระแสในโซเชียลมีเดียและเขียนเธรดทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับไลฟ์ลี

วันที่ 4 สิงหาคม เอเบลบอกนาธานว่า อยากเริ่มเล่นข่าวเรื่องที่ไลฟ์ลีเป็นคนทำงานด้วยยาก นาธานยืนยันว่าเธอไปคุยกับคนในเดลีเมล์ให้แล้ว พวกเขาพร้อมลงข่าวทุกเมื่อ

วันที่ 8 สิงหาคม เดอะฮอลลีวูดรีพอร์เตอร์ (The Hollywood Reporters) ลงข่าวเกาเหลาระหว่างไลฟ์ลีกับบัลโดนี แต่ให้เหตุผลว่า เป็นความขัดแย้งในกระบวนการสร้างสรรค์เท่านั้น ต่อมาสำนักข่าวอื่นๆ ก็ลงข่าวนี้ตาม และโฟกัสไปที่ประเด็นตัดต่อหนังเช่นเดียวกัน เรื่องการคุกคามทางเพศแทบไม่ถูกพูดถึงเลย

“บัลโดนีคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เขาโชคดีแค่ไหน” นาธานกล่าวกับเอเบล

ตั้งแต่จุดนั้นยาวไปถึงกลางเดือนสิงหาคม กระแสในโซเชียลฯ เริ่มไหลไปอย่างที่เราเห็น ไลฟ์ลีโดนด่ายับ ถึงแม้จะไม่สามารถวัดได้ชัดเจนว่า ถ้อยคำให้ร้ายทั้งหมดเป็นฝีมือของทีมบัลโดนีมากน้อยแค่ไหน แต่จากแชตวันที่ 16 สิงหาคม มีหลักฐานว่า บทความเดลีเมล์ “ไลฟ์ลีจะถูกแคนเซิลแล้วหรือเปล่า?” มาจากนาธานแล้วหนึ่ง

ที่น่าเศร้าคือ แชตบางส่วนของนาธานให้ความรู้สึกเหมือนว่าเธอเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำของบัลโดนีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่งานก็คืองาน

“โซเชียลส่วนใหญ่เข้าข้างบัลโดนีกันหมดเลย ฉันไม่เห็นด้วยกับครึ่งหนึ่งของพวกนั้นด้วยซ้ำ ฮ่าๆ” นาธานบอกเอเบล “จริงๆ มันน่าเศร้านะ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคนเราแค่อยากจะเกลียดผู้หญิง”

การต่อสู้ทางกฎหมาย

วันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา ไลฟ์ลียื่นฟ้องบัลโดนีและทีม PR ของเขาต่อศาลแคลิฟอร์เนีย ข้อหาคุกคามทางเพศและแก้แค้นผ่านแคมเปญทำลายชื่อเสียง ไลฟ์ลีระบุในคำร้องว่าพฤติกรรมของบัลโดนีทำให้เธอต้องเผชิญ “ความเศร้าโศก ความกลัว แผลใจ และภาวะวิตกกังวลอย่างสูง” โดยหลังจากยื่นหมายเรียกพยาน เธอก็ได้รับประวัติแชตของทีม PR บัลโดนีมาเป็นหลักฐาน

“ฉันหวังว่าการดำเนินการทางกฎหมายของฉันจะช่วยเปิดม่านให้คนเห็นถึงกลยุทธ์แก้แค้นชั่วร้ายเหล่านี้ ที่ใช้ทำลายคนที่กล้าออกมาพูดเกี่ยวกับความประพฤติมิชอบ” ไลฟ์ลีบอกกับ เดอะนิวยอร์กไทม์ (The New York Times)

หลังจากการฟ้องร้องกลายเป็นข่าวใหญ่ Sony Pictures ผู้จัดจำหน่ายหนัง It Ends with Us, SAG-AFTRA สหภาพสำหรับคนทำงานวงการบันเทิงในอเมริกา, คอลลีน ฮูเวอร์ (Colleen Hoover) นักเขียน It Ends with Us ฉบับนิยาย, แอมเบอร์ เฮิร์ด (Amber Heard), อเมริกา เฟอร์เรรา (America Ferrera) รวมถึงคนดังอีกหลายๆ คน ต่างทยอยออกมาสนับสนุนหรือให้กำลังใจไลฟ์ลี

ขณะเดียวกัน ทนายของบัลโดนียืนยันว่า ทีม PR บัลโดนีไม่ได้มีแผนงานเชิงรุกหรือทำอะไรที่เป็นการแก้แค้นไลฟ์ลีเลย ทุกอย่างในคำร้องของไลฟ์ลีเป็นความเท็จทั้งหมด ไลฟ์ลีจงใจเขียนให้รุนแรงเพราะต้องการแก้ไขชื่อเสียงด้านลบของตัวเอง

ฮอลลีวูดต่อจากนี้

ตามกระบวนการ การต่อสู้ระหว่างไลฟ์ลีกับบัลโดนีบนชั้นศาลน่าจะไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ต้องรอดูกันยาวๆ แต่เพียงแค่มีข่าวฟ้องร้องขั้นต้นออกมา ก็สร้างแรงกระเพื่อมในสังคมได้มากแล้ว

หลายคนมองว่าหากคำร้องของไลฟ์ลีเป็นเรื่องจริง ประการแรกคือน่าตั้งคำถามกับแวดวง PR ฮอลลีวูด

ที่ผ่านมามีเซเลบอีกกี่คนต้องตกเป็นเหยื่อของแคมเปญทำลายชื่อเสียง โดยเฉพาะเซเลบหญิง ที่แค่ขยับตัวทำอะไรนิดหน่อยก็ผิดไปหมดในสายตาชาวเน็ต 

ประการที่ 2 ทั้งที่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ปี 2025 แต่เหมือนว่า การคุกคามทางเพศยังเป็นปัญหาเรื้อรังในฮอลลีวูดไม่เปลี่ยน

นักแสดงดังอย่างไลฟ์ลีมีกำลังทรัพย์และคอนเนกชันมากพอที่จะขึ้นโรงขึ้นศาล แต่ถ้าการคุกคามเกิดขึ้นกับเด็กสาวโนเนมล่ะ พวกเธอควรต่อสู้อย่างไร?

คงต้องคอยติดตามเรื่องราวกันต่อไปอย่างใกล้ชิด

อ้างอิง

https://www.nytimes.com/2024/12/21/business/media/blake-lively-justin-baldoni-it-ends-with-us.html

https://www.tmz.com/2024/12/21/blake-lively-sues-justin-baldoni-sexual-harassment-retaliation-on-it-ends-with-us-set/ 

https://www.tiktok.com/@lovingsingle/video/7402395689029782815 

https://www.dailymail.co.uk/femail/article-13749783/Blake-Lively-cancelled-interview-Ends-film.html 

https://www.hollywoodreporter.com/movies/movie-news/blake-lively-justin-baldoni-it-ends-with-us-drama-what-we-know-1235969708/ 

https://www.rollingstone.com/tv-movies/tv-movie-news/it-ends-with-us-studio-supports-blake-lively-justin-baldoni-lawsuit-1235216600/ 

https://people.com/blake-lively-sues-it-ends-with-us-costar-justin-baldoni-for-sexual-harassment-8765475

Tags: , , , , ,