หากไม่พูดถึงแนวคิดทางการเมือง ความสามารถ หรือนโยบายต่างๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่า จัสติน ทรูโด คือผู้นำโลกที่กำลังฮอตที่สุดในชั่วโมงนี้ ด้วยหน้าตา อายุ และความคิดทางการเมืองที่ฉีกออกมาจากผู้นำโลกคนอื่นๆ ทำให้ จัสติน ทรูโด มักถูกสื่อต่างประเทศพูดถึง เพราะรู้ว่าจะเรียกกระแสตอบรับได้อย่างดี

และนี่เป็นอีกครั้งที่ จัสติน ทรูโด กลับมามีกระแสบนโลกออนไลน์ หลังมีรูปของเขาสมัยหนุ่มๆ ปรากฏบนทวิตเตอร์ จนเรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาแม่ยกได้อีกครั้ง

นอกจากหน้าหล่อๆ แล้ว เคยสงสัยไหมว่า อะไรที่ทำให้เขาถูกสปอตไลต์จับมากกว่าผู้นำโลกคนอื่น หรือแท้จริงแล้วเขาคือนักการเมืองที่เล่นกับสื่อเป็น เหมือนกับที่นักการเมืองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเขาเคยวิพากษ์วิจารณ์

ทุกประเทศมีวิสัยทัศน์ร่วมกันคือ การเปิดโลกเสรี และจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหายุ่งยากที่พลเมืองของเราต่างเผชิญอยู่
ไม่ว่าเรากำลังจะพูดถึงการปราบก่อการร้าย ภัยความมั่นคง การจัดการผู้อพยพ การจ้างงาน หรือการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศก็ตาม

รูปสมัยวัยเยาว์ของ จัสติน ทรูโด

เมื่อวานนี้ (1 มีนาคม 2017) ทวิตเตอร์ถูกกระหน่ำด้วยรูปสมัยวัยรุ่นของผู้นำแคนาดาอย่าง จัสติน ทรูโด ทั้งรูปกิจกรรมกลางแจ้ง ไปจนถึงรูปที่เขาเปลือยท่อนบน จนสื่ออย่าง Time ถึงขนาดแซวว่ารูปสมัยเด็กของทรูโดนั้นช่างให้ความรู้สึกเซ็กซี่ ซึ่งแตกต่างจากรูปสมัยเด็กของนักการเมืองสหรัฐฯ อย่าง โจ ไบเดน (Joe Biden) หรือ ทิม เคน (Tim Kaine) ที่ดูแล้วเป็นเด็กเนิร์ดยิ่งนัก

รัฐบาลของ จัสติน ทรูโด นั้นมีทัศนคติที่ดีต่อเรื่องการค้า ซึ่งขัดแย้งกับแนวคิดของรัฐบาลทรัมป์

จัสติน ทรูโด กับภาพลักษณ์บนเวทีต่างชาติ

ท่ามกลางกระแสการแบ่งแยกทางศาสนาและเชื้อชาติในการเมืองโลก จัสติน ทรูโด ฉกฉวยโอกาสนี้ในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ที่สนับสนุนนโยบายเสรีนิยม ไม่ว่าจะเป็น การเปิดรับผู้อพยพ สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ ไปจนถึงออกตัวแรงว่าเขาคือผู้นำอีกคนที่สนับสนุนการรวมตัวเป็นสหภาพยุโรป

เมื่อเดือนกันยายน 2016 เขาพูดบนเวทีของสหประชาชาติว่า “เราต้องการให้ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงประสบความสำเร็จ เพราะมันจะทำให้พวกเราแข็งแรงขึ้น และเป็นชุมชนที่มีความยืดหยุ่น ซึ่งจะทำให้เรามีเศรษฐกิจที่แข็งแรง” หลังจากบทสุนทรพจน์นั้นทำให้เขาถูกมองว่าเป็นผู้นำอีกคนที่มีภาพลักษณ์ Feminism (สนับสนุนสิทธิสตรี) สูง

และล่าสุดเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2017 ทรูโดได้ร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำกับผู้นำโลกที่มีแนวคิดเสรีนิยมชัดเจนอย่างนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล (Angela Merkel) ของเยอรมนีในกรุงเบอร์ลิน เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับรัฐสภายุโรป การแลกเปลี่ยนทางการค้า จนภาพดินเนอร์ใต้แสงเทียนระหว่างทรูโดกับแมร์เคิลนั้นถูกพูดถึงไปทั่วโลกออนไลน์ โดยเฉพาะสาวๆ ที่ต่างพากันอิจฉานายกรัฐมนตรีแมร์เคิลที่มีช่วงเวลาโรแมนติกกับผู้นำเนื้อหอมจากแคนาดา แต่ภายใต้กระแสกรี๊ดกร๊าดนั้น ภาพที่ปรากฏทั่วอินเทอร์เน็ตมีนัยยะทางการเมืองมากกว่านั้นคือ ทรูโดประสบความสำเร็จในการสร้างภาพลักษณ์ตัวเองในเวทีต่างชาติว่าเป็นผู้นำที่สนับสนุนโลกาภิวัตน์ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของคนรุ่นใหม่ ขณะที่บนเวทีโลกแม้จะมีผู้นำอีกหลายคนที่สนับสนุนแนวคิดนี้ แต่ไม่มีใครถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องดังเช่นเขา

นอกจากนี้ ทรูโดยังเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ได้เข้าไปนั่งในรัฐสภายุโรป ซึ่งสะท้อนความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับเยอรมนีและฝรั่งเศส และได้กล่าวว่าแคนาดาและยุโรปยกย่องและให้คุณค่าสิ่งเดียวกันคือ ความยุติธรรม และสันติภาพ การแสดงความสัมพันธ์ที่ดีของแคนาดากับยุโรปนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่อังกฤษกำลังตัดสินใจออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แม้ว่าแคนาดาจะเป็นประเทศในเครือจักรภพของอังกฤษก็ตาม

และในเวลาที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งห้ามประชาชนจาก 7 ประเทศมุสลิมเข้าประเทศ ทรูโดกลับออกมาสวนกระแสนี้โดยพูดว่า “ทุกประเทศมีวิสัยทัศน์ร่วมกันคือ การเปิดโลกเสรี และจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหายุ่งยากที่พลเมืองของเราต่างเผชิญอยู่ ไม่ว่าเรากำลังจะพูดถึงการปราบก่อการร้าย ภัยความมั่นคง การจัดการผู้อพยพ การจ้างงาน หรือการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศก็ตาม”

จน ฟิลิป แลมเบิร์ตส์ (Philippe Lamberts) สมาชิกสหภาพยุโรปกล่าวว่า “รัฐบาลของ จัสติน ทรูโด นั้นมีทัศนคติที่ดีต่อเรื่องการค้า ซึ่งขัดแย้งกับแนวคิดของรัฐบาลทรัมป์ เพราะเขาคือผู้นำที่มีนโยบายสานต่อการค้าเสรีมากกว่าจะทำเรื่องต่างๆ ให้ยุ่งเหยิง”

แม้ภาพลักษณ์ของทรูโดในการเมืองโลกจะสวยงาม แต่ในแคนาดาเขาเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องจริยธรรมทางการเมือง ที่ให้นักธุรกิจซึ่งบริจาคเงินให้กับมูลนิธิที่เขาเป็นสมาชิกนั้นเข้ามามีสิทธิพิเศษในคณะรัฐมนตรี แต่เขาปฏิเสธข้อหาดังกล่าว “ผมลาออกจากทุกมูลนิธิที่ครอบครัวผมมีส่วนเกี่ยวข้องหลังจากที่ผมได้รับการเลือกตั้ง เพื่อให้ชัดเจนว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกต่อไป” นอกจากนี้เขายังถูกชาวแคนาดาบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์ว่า เขาเป็นนักการเมืองอายุน้อยที่มีบทสุนทรพจน์โดนใจ แต่อาจยังขาดประสบการณ์การทำงานที่แท้จริง

อย่างไรก็ตามวิธีการวางตัวของ จัสติน ทรูโด บนเวทีโลก และการปรากฏตัวบนสื่อต่างชาติบอกกับเราว่า ภาพลักษณ์และความนิยมในประเทศนั้นไม่เพียงพอแล้วกับการเป็นผู้นำในสมัยนี้

อ้างอิง:

Tags: ,