‘อินทรีเหล็ก’ ทีมชาติเยอรมนี ออกสตาร์ตได้อย่างน่าผิดหวัง หลังเปิดฉากฟุตบอลโลก 2022 ในรอบแบ่งกลุ่ม เยอรมนีลงสนามประเดิมนัดแรกกับญี่ปุ่น ด้วยฟอร์มการเล่นและแทคติกที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก ทำให้ลูกทีมของ ฮันซี ฟลิค (Hansi Flick) ผู้จัดการทีมชาติเยอรมนี ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้สำเร็จ โดยพ่ายแพ้ญี่ปุ่นไป 2-1 ผลการแข่งขันในครั้งนี้สร้างความกังวลใจให้กับแฟนบอลว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยกับฟุตบอลโลกในปี 2018 ที่เยอรมันตกรอบไปอย่างน่าเสียดายหรือไม่
“เกมนี้สะท้อนให้เห็นถึงระดับฟอร์มการเล่นของเยอรมนีชุดปัจจุบัน เกมที่จะพบกับสเปน พวกเขาจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นให้มากกว่าเดิมและคว้าชัยชนะให้ได้ ไม่เช่นนั้นฟุตบอลโลกรอบแบ่งกลุ่มจะจบลงตั้งแต่ 2 นัดแรกทันที สำหรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงจุดยืนของเยอรมนี นี่คือความจริง ความจริงที่ขมขื่น” บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ (Bastian Schweinsteiger) อดีตกองกลางเยอรมนีชุดแชมป์โลก 2014 ให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังเกมการแข่งขันเยอรมนีพบญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงนัดแรกในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น การพ่ายแพ้ในเกมนี้อาจยังไม่ใช่ตัวตัดสินว่าพวกเขาจะต้องกลับบ้านมือเปล่าอีกครั้ง DNA ความไม่ยอมแพ้ และศรัทธาอันเป็นหนึ่งเดียวในการต่อสู้ของทัพอินทรีเหล็กได้สร้างประวัติศาสตร์ในรายการฟุตบอลโลกด้วยการคว้าแชมป์ถึง 4 สมัย และรองแชมป์อีก 4 สมัย DNA เหล่านี้ยังคงปรากฎให้เห็นว่าอินทรีเหล็กหากล้มแล้วจะต้องลุกขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งดังเดิมให้ได้
“มีหลายอย่างที่เราต้องปรับปรุง พวกเราต้องเร่งแก้ไขนักเตะและประเมินเกมต่อไปอย่างละเอียด ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องกลับบ้านมือเปล่า ตอนนี้เราต้องมองไปข้างหน้า ยังมีอีก 6 แต้มให้เราเล่น ซึ่งเราจะอยากคว้าไว้ให้ได้ และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังเตรียมการอยู่ในตอนนี้” ฮันซี ในฐานะผู้จัดการทีมชาติเยอรมนี ให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังเกมการแข่งขันเยอรมนีพบญี่ปุ่น
ย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก เยอรมนีถือเป็นชาติที่ถูกมองว่าเป็นทีมเต็งอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นยุคที่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว พวกเขายังคงถูกจับตามองและแบกรับความคาดหวังเอาไว้เสมอ อย่างไรก็ตาม อินทรีเหล็กที่ดูแข็งแกร่งตัวนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีวันที่อ่อนกำลังลงเลย
จากสถิติการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกที่ผ่านมา แม้ว่าเยอรมนีจะสามารถผ่านเข้ารอบได้ถึง 19 จาก 21 ครั้ง ซึ่ง 17 ครั้ง สามารถเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศได้ทั้งหมด แต่ยังมี 2 ครั้งที่พวกเขาพลาดท่าตกรอบไป คือในปี 1938 และ 2018 ซึ่งในปี 1938 ที่ฝรั่งเศส เยอรมนีในยุคที่ยังเป็นทีมเยอรมันนาซี ไม่สามารถเอาตัวรอดผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้สำเร็จ โดยนัดแรกเสมอกับสวิตเซอร์แลนด์ไป 1-1 และในนัดที่ 2 พ่ายแพ้ให้กับสวิตเซอร์แลนด์อย่างยับเยินด้วยสกอร์ 4-2 ฝันร้ายยังคงไม่จบ ในอีก 4 ปีถัดมา พวกเขาถูกสั่งห้ามเข้าแข่งขันฟุตบอลโลก 1950 จากเหตุสงครามโลก
เมื่อช่วงเวลาอันยากลำบากได้ผ่านพ้นไป ความกระหายชัยชนะและไม่ยอมแพ้ของทีมอินทรีเหล็กทำให้ตั้งแต่ปี 1954-2014 เยอรมนีคือทีมที่ผ่านเข้าชิงฟุตบอลโลกมากถึง 8 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติที่เหนือกว่าทุกทีมในช่วงเวลาดังกล่าว โดยกวาดถ้วยแชมป์ไปครองได้ถึง 4 สมัย และรองแชมป์อีก 4 สมัย
หลังคว้าแชมป์ในปี 2014 อาถรรพ์ตลกร้ายแชมป์โลกก็เกิดขึ้นกับอินทรีเหล็ก ในปี 2018 ที่รัสเซีย เยอรมนีกุมความได้เปรียบในนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม โดยเอาชนะเม็กซิโกไปได้ 0-1 ก่อนจะเดินทางไปปราบสวีเดนต่อด้วยสกอร์ 2-1 ในนัดที่ 2 แต่ดันมาตกม้าตาย พลาดท่าแพ้เกาหลีใต้ถึง 0-2 ในเกมสุดท้าย จนต้องแพ็คกระเป๋ากลับบ้านหลังแข่งไปได้เพียง 3 นัด ซึ่งเท่ากับว่าการที่เยอรมนีตกรอบในฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดถือเป็นการตกรอบแบ่งกลุ่มครั้งแรกในรอบ 80 ปี
ส่วนความพ่ายแพ้ล่าสุดในนัดเปิดสนามพบกับญี่ปุ่น ได้สร้างความผิดหวังและบั่นทอนกำลังใจทั้งกับนักเตะและแฟนบอลอยู่ไม่น้อย ถือเป็นโจทย์ยากที่กุนซืออย่างฮันซี ฟลิค จะต้องหาวิธีปรับแทคติกแก้เกมในนัดต่อไปในการลงสนามพบกับสเปนที่ฟอร์มกำลังร้อนแรง โดยเอาชนะคอสตาริกาไปมากถึง 7-0
อย่างไรก็ตาม หลายปีมานี้เยอรมนีประสบปัญหาการขาดกองหน้าธรรมชาติ ซึ่งฮันซี ฟลิค ใช้วิธีปิดช่องโหว่ในจุดนี้ด้วยการรักษาการครองบอลและสร้างโอกาสในการทำประตูให้หลากหลายมากขึ้น ทว่า ก็ยังไม่สมบูรณ์แบบพอที่จะทำให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ (Kai Havertz) มิดฟิล์ดตัวรุกจากทีมพรีเมียร์ลีก ‘เชลซี’ ที่ถูกวางให้ยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าทำประตูได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เนื่องจากฮาแวร์ตซ์ไม่ใช่หน้าเป้าธรรมชาติ การจับเขาหรือแนวรุกสักคนในทีมไปวางไว้ในตำแหน่งดังกล่าว ประสิทธิภาพในการเล่นหรือทำประตูก็ย่อมไม่เฉียบคมเทียบเท่าหน้าเป้าธรรมติอยู่วันยังค่ำ ซ้ำร้าย การหวังพึ่งผลลัพธ์จากลูกโอเพ่นเพลย์เพื่อให้แผงรุกแถวสองอย่าง โธมัส มุลเลอร์ (Thomas Müller) จามาล มูเซียลา (Jamal Musiala)และ แซร์จ นาบรี (Serge Gnabry) วิ่งแซงขึ้นไปยิงประตูก็ยังไม่เป็นผล
นอกจากปัญหาการขาดกองหน้าตัวเป้าแล้ว ช่องโหว่สำคัญที่ทำให้เยอรมนีเสียประตูให้กับญี่ปุ่นถึง 2 ลูก คือความหละหลวมและขาดสมาธิของกองหลังที่สร้างความลำบากให้ มานูเอล นอยเออร์ (Manuel Neuer) นายทวารมือหนึ่งของเยอรมนี ต้องเซฟลูกยิงสำคัญของญี่ปุ่นถึงหลายครั้ง และความผิดพลาดที่นำไปสู่บทลงโทษอย่างเห็นอย่างได้ชัด คือกรณีของ นิคลาส ซูเล (Niklas Süle) ซึ่งถอยต่ำลงไปยืนอยู่ข้างหลังแนวรุกของญี่ปุ่นอยู่ 2-3 ก้าว ทำให้ ทาคุมะ อาซาโนะ (Asano Takuma) ศูนย์หน้าตัวฉกาจของญี่ปุ่น ขึ้นไปยิงประตูชัยได้สำเร็จโดยไม่ล้ำหน้า
“ถ้าเราเล่นกับสเปนเหมือนที่เราทำในครึ่งหลังของเกมวันนี้ เราจะตกรอบ ตอนนี้ทีมอยู่ภายใต้ความกดดันมากมาย พวกเขาต้องชนะ ถ้าเสมอและเก็บได้เพียงแต้มเดียวมันก็ยังไม่เพียงพอ” โลธาร์ มัทเธอุส (Lothar Matthäus) อดีตกัปตันทีมชาติเยอรมนีตะวันตกชุดแชมป์โลก 1990 ให้สัมภาษณ์กับ BILD TV หลังเกมการแข่งขันเยอรมนี พบ ญี่ปุ่น
หากเยอรมนียังต้องการมีชื่อในฟตุบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย พวกเขาจะต้องกัดฟันเพื่อลุกขึ้นสู้ สลัดข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในเกมก่อนหน้าทิ้งทั้งหมด และหากประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเข้าจริง ๆ เชื่อว่าประวัติศาสตร์ที่แฟนบอลและนักเตะหวังให้เกิดขึ้น คงเป็นประวัติศาสตร์ความพ่ายแพ้ในปี 1982 เกมเปิดสนามนัดแรกที่เยอรมนีแพ้แอลจีเรียไป 1-2 แต่ท้ายที่สุดแล้วทัพอินทรีเหล็กก็ยังสามารถฝ่าฟันจนเข้าไปถึงชิงได้สำเร็จ
“ตอนนี้เราต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในเกมที่จะพบกับสเปน มันเหมือนเป็นนัดชิงชนะเลิศสำหรับเรา ทุกอย่างสามารถเป็นไปได้เมื่อเราเชื่อมั่นและปรับปรุงทีมให้ดีขึ้นก่อนวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้” โธมัส มุลเลอร์ (Thomas Müller) กองหน้าทีมชาติเยอรมนีชุดแชมป์โลก 2014 และชุดปัจจุบัน โพสต์ข้อความลงบนอินสตาแกรมส่วนตัว
อินทรีเหล็กจะสามารถกอบกู้ความแข็งแกร่งให้กลับคืนมาได้ทัน เพื่อผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้หรือไม่ ยังคงเป็นโจทย์ปัญหาที่ฮันซี ฟลิค จะต้องแก้ไขให้ทันโดยเร็ว
ที่มา
https://www.dw.com/en/hansi-flicks-first-defeat-shows-germany-are-not-ready-for-qatar/a-63224320
https://www.rt.com/sport/431158-germany-world-cup-what-went-wrong/
https://www.bestonlinebettingsites.co.uk/football/tournaments/world-cup/germany/
Tags: Germany, เยอรมนี, Football, FIFA World Cup, นักฟุตบอล, Game On, Analysis, ฟุตบอลโลก 2022