ปัญหาฝุ่นควันในกรุงเทพฯ ที่เหยียบถึงค่า AQI 100 ก็หนักหนาสาหัสมากอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้ครึ่งของเชียงใหม่ในช่วงที่ผ่านมา เมื่อค่า AQI บางวันทะยานขึ้นไปแตะ 500 กว่า ส่งผลกระทบต่อทั้งมนุษย์และสัตว์อย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นคนตัวเล็กตัวใหญ่ อาศัยอยู่ในเมืองหรือบนดอยหลวงเชียงดาว

‘บนดอยหลวงเชียงดาวในขณะนี้ ไฟป่าลุกลามเผาไหม้พื้นที่กว่า 15,000 ไร่ ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึง 2 เท่า’ The Momentum ต่อสายหา อรช บุญ-หลง แอดมินเพจ ‘เรารักดอยหลวงเชียงดาว-We love Doi Luang Chiang Dao’ ในขณะนี้ เธอเป็นหนึ่งในแนวร่วมสำคัญของ ‘ภาคีอาสาสมัครเรารักดอยหลวงเชียงดาว’ ซึ่งรวมตัวกันเพื่อระดมทุน จัดหาอุปกรณ์ และให้ความช่วยเหลือจิปาถะแก่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว

มลพิษทางอากาศที่แผ่ปกคลุมไปทั่วภาคเหนือในปีนี้ นับว่าหนักนาสาหัสกว่าทุกปี อีกทั้งยังสร้างผลกระทบแผ่เป็นวงกว้าง ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเชียงใหม่ในช่วงเช้าของวันนี้ ก่อนจะโพสต์เฟซบุ๊ก ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’ มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และจังหวัดในภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงเชียงใหม่ ประสานงานช่วยกันแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ยังยืนยันว่าปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้น มีสาเหตุหลักมาจากไฟป่าซึ่งเกิดขึ้นทุกปี

ในประเด็นนี้ อรชเล่าให้เราฟังว่า “ปกติไฟป่ามันมีทุกปีอยู่แล้ว แต่ในปีนี้มันมากกว่าเดิม ส่งผลให้ค่า AQI ในบริเวณป่าสูงถึง 800-900 และ 500 สำหรับในเมือง ซึ่งเป็นค่าที่สูงที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นระยะเวลา 10 วันแล้ว มันเป็นสภาวะ ‘ภัยพิบัติ’ และแน่นอนว่าจะส่งผลในระยะยาวกับสุขภาพของทุกคน”

ก่อนจะย้ำกับเราว่า “ปัญหาไม่ได้เกิดจากการเผาป่าหาเห็ดอย่างที่ภาครัฐอ้าง แต่ปัญหาหลักๆ มาจากการเผาไร่ข้าวโพด ซึ่งไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของเรา ทั้งพม่า ลาว เมื่อถึงฤดูต้องเผาพวกเขาต่างพร้อมใจกันเผา เพราะพวกเขาอยู่ภายใต้ข้อตกลงของเกษตรพันธสัญญา”

น้ำเสียงเธอหม่นลงเล็กน้อย เมื่อเราถามถึงความช่วยเหลือจากภาครัฐ “เราอยากให้ภาครัฐยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้น และประกาศให้ประชาชนทราบ ทุกวันนี้ประชาชนยังเดินเล่น ใช้ชีวิตปกติ โดยไม่มีการป้องกันอะไรอยู่เลย ทั้งที่ปัญหาตอนนี้อยู่ในระดับภัยพิบัติ แต่ภาครัฐเลือกที่จะปกปิดมันเอาไว้เพราะกลัวกระทบการท่องเที่ยว ซึ่งมันไม่ถูกต้อง” เธอพยายามเรียกร้องให้ภาครัฐยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องที่ควรพะวงหน้าพะวงหลังอีกต่อไป และในห้วงเวลาแบบนี้ชีวิตประชาชนสำคัญที่สุด

ทางกลุ่มภาคีได้เปิดรับการบริจาคตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้รับการตอบสนองจากประชาชนเป็นอย่างดี จนตอนนี้ได้รับเงินบริจาคร่วม 1 ล้านบาท ทั้งนี้ทางภาคีได้นำเงินบริจาคส่วนนี้ไปจัดซื้อ

เครื่องเป่าลมคุณภาพเยี่ยม ข้าวสารอาหารแห้ง เปลมุ้ง เต๊นท์ อุปกรณ์ป้องกันควันต่างๆ และส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ที่กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อป้องกันการลุกลามของไฟป่า ซึ่งกำลังโหมทำลายพื้นที่ป่าและสรรพสัตว์ที่พึ่งพิงป่าเป็นเรือนนอนอย่างต่อเนื่อง

ถ้าหากภัยพิบัติครั้งนี้ผ่านไป ภาคีจะนำเงินที่เหลือจากการระดมทุนไปเป็นค่าใช้จ่ายในการรณรงค์เพื่อแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ โดยจะนำเงินส่วนที่เหลือจัดกิจกรรมให้ความรู้แก่ประชาชน เชิญวิทยากรมาพูดในเรื่องการทำการเกษตรแบบยั่งยืน เพื่อบรรเทาปัญหาที่จะเกิดในปีต่อๆ ไป

สำหรับผู้ที่สนใจให้ความช่วยเหลือ หรือต้องการเป็นอาสาสมัคร สามารถติดต่อได้ผ่านเพจ ‘เรารักดอยหลวงเชียงดาว-We love Doi Luang Chiang Dao’ หรือแอดไลน์ ‘arachachaa’ ทั้งนี้ ถ้าใครสะดวกช่วยเหลือเป็นเงินสมทบทุนสามารถโอนผ่าน

บัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์

ชื่อ อรช บุญ-หลง เลขบัญชี 839 213 7854

เครดิตภาพจากเฟซบุ๊กเพจ เรารักดอยหลวงเชียงดาว – We love Doi Luang Chiang Dao

 

Tags: , ,