(1)
2 เรื่องร้อนแรงในสัปดาห์นี้ หนีไม่พ้นเหตุปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา บริเวณ ‘ช่องบก’ ใกล้กับอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่ตามมาด้วยกระแสชาตินิยมสุดเข้มข้น และการปรับคณะรัฐมนตรีของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มีความเป็นไปได้สูงว่า พรรค ‘รวมไทยสร้างชาติ’ พรรคของ ‘ลุงตู่’ น่าจะได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย
มากก็คือ พรรคนี้อาจถูกปรับออก ทั้งหัวหน้าพรรคอย่าง พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และอดีตผู้พิพากษา และเลขาธิการพรรคอย่าง ขิง-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีชื่อคนอื่นรอรับตำแหน่งเรียบร้อย
ที่น่าสนใจก็คือ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ สร้างขึ้นในยุคลุงตู่และสร้างขึ้นด้วยบารมีลุงตู่ โดยมีชื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคนี้ ส่งให้ฝ่ายอนุรักษนิยมพร้อมใจกันเทเสียงให้ได้ สส.แบบบัญชีรายชื่อมาตั้ง 13 คน
หลังเลือกตั้ง พรรคนี้แพ้ราบคาบ พลเอกประยุทธ์ไปนั่งเป็นองคมนตรี คนที่พลเอกประยุทธ์ไม่อยากได้ยินชื่อกลับมาเมืองไทย ขณะที่ลูกสาวของคนนั้นได้เป็นนายกฯ สุดท้ายพรรครวมไทยสร้างชาติก็ต้องเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เป็นดีลการเมืองและการตั้งรัฐบาลที่แปลกประหลาด เมื่อ 2 ขั้วอุดมการณ์ที่อยู่ตรงข้ามกันต้องมาตั้งรัฐบาลด้วยกัน เพราะชนชั้นนำไม่อยากให้พรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล
ผ่านมาอีกเกือบ 2 ปี เสียงถามหา ‘ลุงตู่’ รุนแรงขึ้นในกระแสความขัดแย้งกับกัมพูชา แต่ในเวลาเดียวกัน พรรคของลุงตู่ซึ่งเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายทางการเมืองของลุงตู่กำลังล่มสลาย
เป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจไม่น้อย
(2)
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจการเกิดขึ้นของพรรครวมไทยสร้างชาติ สิ่งสำคัญไม่แพ้ตัวบุคคลอย่างพลเอกประยุทธ์ก็คือ ‘ทุน’ ช่วงท้ายของรัฐบาลประยุทธ์ ทุนพลังงานสนับสนุนพรรคนี้อย่างเต็มที่ เมื่อ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตั้งใจไปทำพรรคพลังประชารัฐให้เป็นพรรคของตัวเอง ทุนพลังงานก็หนุนลุงตู่ให้สร้างพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเมื่อมีทุนก็เริ่มมีคนมากหน้าหลายตาเข้ามา เริ่มมี สส.มากหน้าหลายตาเข้ามา ในเวลาเดียวกับที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังตกต่ำพอดิบพอดี
ตอนนั้นทั้ง ‘ลุงตู่’ ทั้ง ‘ทุนพลังงาน’ เชื่อว่า หากรวมไทยสร้างชาติแข็งแรงพอ จะสามารถรวมปีกอนุรักษนิยมตั้งรัฐบาลได้ ส่งพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ อีกรอบ แม้จะเป็นได้อีกแค่ 2 ปีตามรัฐธรรมนูญ และจะมีสภาพงอมพระรามเต็มที่แล้ว คนรอบๆ พรรคนั้นเคยเล่าให้ผมฟังช่วงใกล้เลือกตั้งว่า พวกเขายังเชื่อว่านี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดของประเทศไทย หากต้องการกำจัดศัตรูเดิมอย่าง ทักษิณ ชินวัตร และศัตรูใหม่อย่าง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ปิยบุตร แสงกนกกุล และพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
พวกเขาเชื่อว่า ‘ทหาร’ และ ‘ชนชั้นนำ’ จะสนับสนุน เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสุดกำลัง ขณะที่ทุนสนับสนุนก็เชื่อว่า วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ทำให้พวกเขายังสามารถใกล้ชิดอำนาจรัฐได้ต่อไป
แต่ทุนที่หนุนพรรครวมไทยสร้างชาตินั้นหนุนทั้ง 2 ข้าง ในเวลาเดียวกับที่หนุนพรรคนี้ พวกเขาก็สนับสนุนพรรคเพื่อไทยไปด้วย ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจ่ายให้พรรครวมไทยสร้างชาติมากกว่า หรือจ่ายให้พรรคเพื่อไทยมากกว่าด้วยซ้ำ
ผลลัพธ์เป็นอย่างที่รู้กัน ในที่สุดกระแส ‘เบื่อลุง’ รุนแรงกว่า คนในประเทศนี้ตั้งใจโหวตอะไรก็ได้ที่ตรงข้ามกับพลเอกประยุทธ์ จนทำให้คะแนนเสียงของพรรคก้าวไกลมากเป็นอันดับหนึ่งถึง 14 ล้านเสียง ขณะที่พรรคเพื่อไทยตามมาเป็นอันดับสอง
พรรครวมไทยสร้างชาติและองคาพยพของลุงตู่ ไม่ใช่กลุ่มก๊วนที่สามารถ ‘กำหนดเกม’ เองได้อีกแล้ว
(3)
การเมืองไทยสภาพเบี้ยหัวแตก แต่ละพรรครวมกันอย่างหลวมๆ ไม่มีใครอยากสร้างคะแนนให้กับรัฐบาลแพทองธาร เท่ากับสร้างคะแนนให้พรรคตัวเอง ขณะที่ ‘ข้อจำกัด’ นับวันก็มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไม่สามารถแตะ ‘โครงสร้าง’ ตามข้อตกลงที่วางไว้แต่แรก ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำก็ไม่ได้ ยกเลิกเกณฑ์ทหารก็ไม่ได้ ลดค่าไฟ-ค่าน้ำมันทั้งโครงสร้างก็ทำไม่ได้อีก เพราะจะกระทบคนอีกร้อยแปดพันเก้า
สภาพรัฐบาลอยู่ในสภาพ ‘ปลัดประเทศ’ โดยที่แพทองธารก็ไม่ได้ตั้งใจ ทักษิณก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่ถูกบีบด้วยสภาพเช่นนี้ ซ้ำยังมีระบบรัฐพันลึกทำงานอยู่เบื้องหลัง เมื่อไรก็ตามที่ ‘ชนชั้นนำ’ อยากบีบก็บีบให้หน้าเขียว บีบให้คนไม่เชื่อถือ ขณะที่คนในพรรคร่วมรัฐบาลก็ถือมีดไว้คนละเล่ม พร้อมดวลมีด แทงได้ทุกเมื่อ
สภาพนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ออกภาษีกีดกัน (Reciprocal Tariff) เป็นเวลาเดียวกับที่เศรษฐกิจไทยตกต่ำที่สุดในภูมิภาค หนี้ครัวเรือนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่การเมืองอยู่ในสภาพเละเป็นโจ๊ก
พรรคเพื่อไทยยังอยู่ได้ เพราะยังมีท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ ยังมีเงินหมุนจากคนที่ (ดูเหมือน) ปั๊มเงินได้ไม่จำกัด แต่นั่นไม่ใช่พรรครวมไทยสร้างชาติที่นับวันทุนย่อมร่อยหรอ รัฐมนตรีก็เป็นตัวของตัวเองมากเกินไป ระบบ สส.บ้านใหญ่อยู่ได้ด้วยทุนหล่อเลี้ยง
เมื่อไม่มีบารมีของลุงตู่หล่อเลี้ยง ไม่มีทุนหนุนหลัง ก็มีอันที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะค่อยๆ ปลาสนาการ หายไปจากการเมืองไทย
สุชาติ ชมกลิ่น รวมเสียง สส.ไปสร้างดาวดวงใหม่ และอาจได้ปูนบำเหน็จไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานอาจมาจาก ‘สายตรง’ ของนายทุนที่ ‘คุม’ ได้ง่ายกว่าอดีตมือขวาลุงตู่อย่างพีระพันธุ์
เป็นการอวสานการเมืองใต้เงาลุงตู่โดยสิ้นเชิง
(4)
คำถามสำคัญก็คือ สภาพเช่นนี้จะนำไปสู่อะไรต่อ กระแสเรียกหาลุงตู่ ในเวลาที่พรรคการเมืองลุงตู่ล้มเหลวโดยสิ้นดีกำลังบอกอะไร
1. สภาพการเมืองไม่ได้อยู่โดยการควบคุมของลุงตู่อีกต่อไป
2. เมื่อพรรคลุงตู่เกิดด้วยทุนก็ต้องพังด้วยทุน
3. การเมืองไทยมีแนวโน้มที่พรรคการเมืองจับมือกับทุน ใช้เงินนำการเมือง แล้วชักนำประเทศแบบนี้ต่อไป
4. คำถามก็คือไม่มีใครรู้ว่าชนชั้นนำคิดยังไงกับสภาพแบบนี้ แต่ที่แน่ๆ ไม่เป็นผลดีกับการแก้ปัญหาประเทศ
ภาพสะท้อนจากพรรคลุงตู่ อาจเป็นภาพสะท้อนความล้มเหลวจากการรัฐประหาร
และสิ่งที่ทุกคนควรเรียนรู้ก็คือ ณ ปี 2568 นอกจากการรัฐประหารจะไม่แก้ปัญหาอะไรแล้ว จะพาพวกเราจมลึกกว่าเดิม
Tags: ประยุทธ์ จันทร์โอชา, ประยุทธ์, From The Desk, รวมไทยสร้างชาติ, ลุงตู่