เป็นคนที่ไปงานหนังสือไม่เคยขาด ทั้งงานสัปดาห์หนังสือช่วงเดือนมีนาคม และงานมหกรรมหนังสือเดือนตุลาคม ก็ไม่เคยพลาดเลยสักปีเดียว สมัยเรียนหนังสือแทบจะไปเกือบทุกวัน เพราะตรงกับปิดเทอมและเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน แม้ช่วงหลังมานี้ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ เป็นหลัก แต่ก็พยายามหาเวลาอย่างน้อย 1 วันเข้ากรุงไปเดินงานหนังสือให้ได้

เพื่อนบางคนถามว่าทำไมต้องทุ่มเทขนาดนั้น ก็เมื่อเดี๋ยวนี้ซื้อออนไลน์เอาก็ได้ง่ายจะตาย โปรโมชั่นก็เหมือนงานหนังสือเด๊ะๆ แต่สิ่งที่การนั่งช้อปออนไลน์อยู่บ้านให้ไม่ได้ ก็คือ การได้เสพบรรยากาศงานหนังสือ ที่ไม่ใช่แค่มาเดินซื้อหนังสือที่ต้องการ แต่ได้พบปะขอลายเซ็นนักเขียนคนโปรด ได้เดินดูนิทรรศการที่มีธีมเกี่ยวกับการอ่านที่น่าสนใจ หรืองานเปิดตัวหนังสือใหม่ที่มาพร้อมทอล์กจากนักเขียน ได้เห็นหนอนหนังสือหลากหลายวัยมารวมตัวกันในงานอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เหล่านี้ล้วนเป็นเสน่ห์ให้คนรักงานหนังสือเช่นฉันต้องกลับมาทุกปี

และงานหนังสือเดือนตุลาคมปีนี้เอง ที่สถานที่จัดงานจำเป็นต้องย้ายไปที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี เป็นเรื่องที่พูดถึงกันมากมายในกลุ่มนักอ่าน ตั้งแต่ประกาศเรื่องการหาสถานที่จัดงานใหม่ และเมื่อหวยมาออกที่อิมแพ็ค หลายคนก็บ่นอุบถึงความไม่สะดวกในการเดินทางสำหรับคนไม่มีรถส่วนตัว และแถวนั้นก็รถติดสาหัสทีเดียว 

นักอ่านหลายคนถอดใจไม่ไปตั้งแต่รู้สถานที่จัด ฉันเองก็คิดอยู่นาน โอนเอียงไปทางไม่ไป เพราะเคยมีประสบการณ์หารถกลับบ้านไม่ได้ที่อิมแพ็คเมื่อนานมาแล้ว เวลาผ่านไปจนใกล้ๆ วันจัดงาน เริ่มมีคนทำข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางไปอิมแพ็คในหลายช่องทาง และมีการจัดรถตู้เฉพาะกิจสำหรับรับส่งผู้ไปงานที่รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีศูนย์ราชการ พอมีทางเลือกที่ง่ายมากขึ้น ฉันก็จัดการนัดวันมาทำธุระในกรุงเทพฯ ให้ใกล้วันงาน ซึ่งก็คือ 2 ตุลาคม วันแรกของงานหนังสือ

เริ่มที่มาขึ้นรถตู้ที่ MRT สถานีศูนย์ราชการ ทางออกที่ 2 ซึ่งรถตู้จะออกทุกๆ 10 นาที และจากตรงนี้ไปอิมแพ็คก็ใช้เวลาไม่นาน ประมาณครึ่งชั่วโมง ฉันก็มาอยู่หน้าทางเข้าของชาเลนเจอร์ 2 สถานที่จัดงานหนังสือนั่นเอง

นอกจากรถตู้จาก MRT ศูนย์ราชการแล้ว ก็ยังมีรถโดยสารสาธารณะจากจุดอื่นๆ ในใจกลางเมือง เข้าดูรวมหนทางเดินทางไปงานหนังสืออิมแพ็คได้ที่ https://themomentum.co/how-to-get-to-impact-meungthong-thani/ 

ก่อนเข้างานก็ลงทะเบียนด้วยการสแกน QR code และกรอกข้อมูลตามจริง เพื่อที่จะไปลุ้นรับรางวัลคูปองเงินสด 1,000 บาท ไว้ช้อปหนังสือฟรีๆ ในงาน และลุ้นรางวัลใหญ่ iPad วันละ 1 เครื่องในตอนค่ำด้วย 

เข้ามาในงานแล้วก็พบว่า ทางเดินภายในงานกว้างขวางเดินสบายมาก ได้ยินมาว่า งานหนังสือครั้งนี้เป็นงานที่ใหญ่ที่สุด จัดบนพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร มีสำนักพิมพ์เข้าร่วมมากที่สุด มีบูธเยอะกว่าเดิม และมีหนังสือใหม่มากกว่า 10,000 ปก!

ด้วยงานที่จัดอยู่ในฮอลล์ขนาดใหญ่ที่เดียว จึงง่ายต่อการเดินไปบูธต่างๆ ได้ครบ โดยไม่ต้องออกจากฮอลล์หนึ่งไปอีกโซนหนึ่ง และไม่งงกับเลขบูธที่ไม่ต่อเนื่องกัน จึงง่ายสำหรับคนที่แม้ไม่เคยมางานหนังสือมาก่อน 

แผนผังบูธก็จัดเป็นโซนตามหมวดหมู่ของหนังสือ ที่หากใครสนใจหนังสือประเภทไหน ก็สามารถเดินตรงไปยังโซนนั้นได้เลย ไม่ต้องเดินวนหาตามเลขบูธให้เสียเวลา หาหนังสือที่ต้องการได้เร็วขึ้นแน่นอน

แต่ไหนๆ ก็มาไกลแล้ว เลยเดินให้ทั่วเพื่อสแกน QR code เก็บ check point ให้ครบ 4 จุดขึ้นไปให้ได้สิทธิ์ลุ้นรางวัลซะเลย

สำหรับคนที่เดินจนเมื่อยแล้ว ก็มีโซนให้นั่งพัก โดยจะนั่งพักจิบกาแฟพร้อมหนังสือสักเล่ม หรือว่าจะไปนวดเท้าให้หายเมื่อยก็ได้

สำหรับเวทีวันแรก (2 ตุลาคม) เริ่มต้นตอนบ่ายโมงตรง ที่เวทีกลางมีกิจกรรมแนะนำหนังสือสำหรับเจ้าของ “บ้าน – สำนักงาน – อาคารสูง”  โดย สำนักพิมพ์ลายเส้น และเวทีทั่วไปก็มีเสวนา Home Cooking สวยได้ อร่อยด้วย สไตล์ Food influencer โดย หม่าม้าหวาน เชฟพลอย จัดโดยสำนักพิมพ์ 1168 ซึ่งกิจกรรมบนเวทียังไม่ใช่เรื่องที่ฉันสนใจเท่าไหร่ แต่ที่ดูในตารางกิจกรรมเวทีก็มีหัวข้อน่าสนใจหลายเรื่องทีเดียว จนนึกเสียดายที่มีเวลาน้อยไปหน่อย

หลังจากเดินกำลังเมื่อย ได้หนังสือจำนวนหนึ่งแล้ว ก็ถึงเวลากลับ ฉันเคยเข็ดขยาดหารถกลับออกจากอิมแพ็คไม่ได้แม้แต่แท็กซี่ แต่มารอบนี้ ฉันใช้บริการ Grab Car เรียกได้ง่ายๆ ผ่านแอป และได้โค้ดส่วนลด 50% (สูงสุด 50 บาท) และถ้าหากใครไม่อยากขนหนังสือหนักๆ กลับบ้านก็มีบริการส่งหนังสือของ Kerry ที่มีโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะในงานนี้ เรียกได้ว่าเดินตัวปลิวกลับบ้านได้เลย

สำหรับแฟนงานหนังสือคนหนึ่ง ฉันให้ผ่านกับงานหนังสืออิมแพ็คครั้งนี้ ด้วยที่มีการอำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทาง ซึ่งก็ถือเป็นข้อด้อยเมื่อเทียบกับศูนย์สิริกิติ์ หรือไบเทค แต่เมื่อมีการอำนวยความสะดวก ให้ข้อมูล และเพิ่มช่องทางการเดินทางสำหรับคนไม่มีรถส่วนตัว ก็ทำให้อิมแพ็คที่เคยคิดว่าไกลก็กลายเป็นไม่ไกลอย่างที่คิด

Fact Box

งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 24 จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 - 13 ตุลาคม 2019 ที่ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

  • ภายในงาน มีนิทรรศการ Bring Content to Life นิทรรศการอ่านที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าชมผ่านเรื่องราวการอ่านในรูปแบบต่างๆ โดยมีห้องกิจกรรมย่อย ไม่ว่าจะเป็น 'ห้องแบบสอบถาม' ที่ให้ผู้ชมนิทรรศการได้ร่วมสนุกและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการอ่าน ห้อง 'Reception' ที่ออกแบบเป็นเคาน์เตอร์บรรณารักษ์ ให้ความรู้สึกเหมือนเดินเข้าไปในห้องสมุด หรือห้อง 'Timeline' ที่พาย้อนไปดูวิวัฒนการของการอ่านสมัยต่างๆ   ห้อง 'Documentary' ที่ถ่ายทอดเรื่องราวการอ่านที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหลังการมาของเทคโนโลยี  
  • นอกจากโปรโมชั่นจากหลากหลายสำนักพิมพ์ที่ให้ส่วนลดสูงสุด 80% แล้ว ยังมีโปรนาทีทอง Flash sale วันธรรมดาจะมีโปรนาทีทอง 2 รอบ คือ 15.00 น. และ 18.00 น. ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ มีโปรนาทีทอง 3 รอบ คือ 12.00 น. 15.00 น. และ 18.00 น.
  • ผู้จัดงานช่วยอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง โดยทำความร่วมมือกับแอปพลิเคชั่นเรียกรถอย่าง Grab ที่มีโค้ดส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ใช้ใหม่และเก่า ซึ่งเรียกรถให้รับ-ส่งที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่: 2 - 13 ต.ค. 2562 (เฉพาะ JustGrab, GrabCar & GrabCar Plus) โดยใส้โค้ด READABOOK50 ได้ส่วนลด 50% (สูงสุด 50 บาท)
  • การเดินทางออกจากอิมแพ็ค เมืองทองธานี มีบริการ Smart Taxi จ่ายค่าเดินทางตามมิเตอร์ แต่ฟรีค่าเรียกรถ 30 บาท เพียงโชว์ใบเสร็จที่ซื้อหนังสือในงานครบ 500 บาท จะได้คูปองค่าเรียกรถฟรี 30 บาท ได้ที่จุดประชาสัมพันธ์  (จุดให้บริการ: ทางออกชั้น 1 เอเทรี่ยม 2 หน้าชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2)
  • บริการขนหนังสือ มีบริการส่งหนังสือถึงบ้าน ด้วยบริการขนส่ง Kerry ซึ่งในงานมีโปรโชั่นราคาพิเศษให้ทางผู้ที่ส่งพัสดุในงาน การจัดส่งพัสดุบางขนาดจะลดราคาสูงสุด 50% รวมถึงฟรีอุปกรณ์แพ็ค และ Service ที่ช่วยแพ็คให้

 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง FB Fanpage: https://www.facebook.com/bookthai/

Tags: , , ,