ความรู้สึกปั่นป่วนของเราสามารถเกิดขึ้นได้กับหลายสถานการณ์ แต่สถานการณ์หนึ่งที่ทั้งชวนให้ใจเต้นตึกตักและวาบหวิวไปพร้อมๆ กันก็คือฉากที่นักแสดงสักคนปลดเปลื้องทุกอย่างออกจากร่างกาย หรือแม้แต่การเผยให้เห็นเนื้อหนังเล็กๆ น้อยๆ นั้นก็สามารถทำให้ใจเราเตลิดไปไกลได้ ความเปล่งปลั่งช่างมีเสน่ห์ สัดส่วนโค้งเว้าช่วงเย้ายวน ความเรียบเนียนของผิวกายช่างน่าสัมผัส การเคลื่อนเข้าหาจนลมหายใจรดรินอยู่เคียงข้างกันช่างก่อให้เกิดจินตนาการ แต่ภายใต้เนื้อหนังมังสาที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ในส่วนลึกของภาพยนตร์ยังซ่อนเร้นไว้ด้วยประเด็นชวนติดตามที่ไม่ได้มีจุดขายแต่เรือนร่างเท่านั้น บ้างการเมือง บ้างความสัมพันธ์ บ้างการเติบโต และบ้างคืออำนาจ ความใคร่ได้ใคร่มีของมนุษย์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เซ็กส์ หากแต่เราต้องการที่จะครอบครองทุกอย่างเท่าที่เราจะหามาได้ ซึ่งพวกเขาต้องการครอบครองอะไรนั้นเป็นคำตอบที่พวกคุณต้องไปค้นหากันเอาเอง
Pretty Baby (1978)
Pretty Baby ภาพยนตร์จากผลการกำกับของหลุยส์ มอลล์ เนื้อหามุ่งเน้นไปที่ชีวิตของเด็กสาววัย 12 ปี ที่เติบโตมาในสถานที่ค้าประเวณี ย่านแสงสีของนิวออร์ลีนส์ โดยบทภาพยนตร์นี้มีพื้นฐานมาจากบางส่วนของหนังสือ Storyville, New Orleans: Being an Authentic, Illustrated Account of the Notorious Red Light District ที่ผู้เขียนรวบรวมเรื่องราวมาจากนิวออร์ลีนส์ในช่วงปี ค.ศ.1897-1917 อันเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลจัดระเบียบโสเภณี และรวมพวกเธอไว้อย่างเป็นที่เป็นทาง
ส่วนชื่อภาพยนตร์นั้นได้แรงบันดาลใจมากจากชื่อเพลงของโทนี แจ็คสัน Pretty Baby ซึ่งเป็นเพลงประกอบในเรื่องนี้ด้วย ในช่วงที่เข้าฉายภาพยนตร์ได้รับเสียงตอบรับดีจากนักวิจารณ์เป็นส่วนใหญ่ แต่ในทางหนึ่งก็ก่อให้เกิดการโต้แย้งในวงกว้างเช่นกัน เนื่องจากความล่อแหลมของเนื้อหา และฉากเปลือยของบรูก ชีลส์ ในวัยเพียง 12 ปี
ในปี ค.ศ.1917 การค้าประเภณีถูกกฎหมายในย่านสตอรีวิลล์ เมืองนิวออร์ลีนส์ กำลังจะปิดฉากลง แฮตตี้ทำงานอยู่ที่นี่มานาน เธออยู่ในการดูแลของมาดามเนลล์ และให้กำเนิดลูกออกมาถึงสองคน นั่นคือลูกชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งและลูกสาววัย 12 ปีคนหนึ่ง
ไวโอเล็ต เป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก และออกจะโตเกินตัวไปบ้าง การอาศัยอยู่กับแม่ทำให้เธอพบเจอคนมากหน้าหลายตา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคือบรรดาผู้ชาย หนึ่งในคนที่มาที่นี่ได้แก่เอิร์นเนส เขามาพร้อมกล้องคู่กาย และต้องการจะถ่ายภาพบรรดาหญิงสาวที่อยู่ที่นี่ เขากลายมาเป็นแขกขาประจำ ถ่ายรูปเท่าที่เงินมีพอจ่าย วนเวียนอยู่กับโสเภณีทั้งหลาย จนมีเด็กสาวตกหลุมรักเขา นั่นก็คือไวโอเล็ต
ชะตากรรมของไวโอเล็ตไม่ง่ายนัก เพราะเมื่อเติบโตมาในสถานที่แห่งนี้ เธอก็ไม่ต่างอะไรจากสินค้าชิ้นหนึ่ง แล้วมันก็มาถึงวันที่เนลล์ตัดสินใจว่าจะขายความบริสุทธิ์ของเด็กสาวคนนี้ ไวโอเล็ตถูกขายเรือนร่างให้กับคนที่มีเงินพอจ่าย แม้ว่าหัวใจเธอจะอยู่ที่คนอื่นก็ตาม และเมื่อวิ่งไปตามที่หัวใจเรียกหา เธอก็อาจพบว่าตัวเองยังเด็กเกินกว่าจะมีความรักได้จริงๆ
Betty Blue (1986)
ภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่องนี้มีชื่อดั้งเดิมว่า 37° 2 le matin ซึ่งหมายถึงอุณหภูมิร่างกายของผู้หญิงในช่วงเวลาที่พวกเธอกำลังตกไข่ ตัวภาพยนตร์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทั้งด้านคำวิจารณ์และรายได้ โดยสามารถทำเงินไปสูงสุดเป็นอันดับแปดของปีนั้นในประเทศฝรั่งเศส
ไม่ว่าจะด้วยความที่ชื่อเรื่องว่า Betty Blue หรือ Blue นั้นเป็นสีที่แทนความโศกเศร้า ผู้กำกับอย่างฌ็อง – ฌาคส์ บีนิกซ์ จึงตั้งใจใส่สีฟ้ามาเป็นส่วนประกอบหลักของเรื่อง ซึ่งแทบจะปรากฏให้เห็นในทุกๆ ฉาก
แม้ภาพยนตร์จะมีชื่อเสียงในทางอีโรติกเป็นทุนเดิม แต่สิ่งที่ทำให้มันโดดเด่นขึ้นมากลับไม่ใช่ฉากเซ็กส์อันเร่าร้อน หากแต่เป็นความสัมพันธ์ที่ทั้งเรียบง่ายและสับสนไปมาระหว่างรักกับร้าวในคราวเดียว เบ็ตตี้ เป็นหญิงสาวอายุ 19 ปี เธอเป็นคนตรงๆ ห่ามๆ คล้ายจะแข็งแกร่งในทุกจังหวะก้าวของชีวิต แต่เมื่อมองลึกไปในดวงตาจะพบว่าเธอเปราะบางจนสามารถแตกดับได้ในทันที ซอร์กพบกับเบ็ตตี้โดยบังเอิญ เขาอายุ 30 ปี ทำงานเป็นช่างซ่อมบำรุงสำหรับชุมชนบ้านชายหาด ทั้งที่ความจริงแล้วใฝ่ฝันจะเป็นนักเขียน และเมื่อเบ็ตตี้เข้ามาในชีวิต เธอก็ผลักดันเขาให้กลับมาทุ่มเทในการเขียนอีกครั้ง
พวกเขาเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยมีกันและกัน ช่วงเวลาแห่งความสุขกำลังปูทางให้แก่ทั้งสองคน มันคงจะอยู่อย่างนั้นตลอดไป หากเบ็ตตี้มีอารมณ์ที่มั่นคงพอ แต่ด้วยความที่ตลอดมาเธอพบแต่ความผิดหวัง หัวใจที่มีจึงบอบช้ำและแทบไม่จะไม่สามารถรับแรงกระแทกอะไรได้อีกแล้ว ซอร์กเองก็ประคับประคองเธอไว้ได้ไม่อยู่มือ ท้ายที่สุดทุกอย่างจึงพับราบคาบ สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่คือความรัก ซึ่งเป็นความรักที่ไร้คนรักให้โอบกอด… ช่างเป็นการตอกย้ำให้เรารู้ว่าโลกนี้ช่างไร้ความหวัง แต่เปี่ยมไปด้วยความเดียวดายมากมายเหลือเกิน
The Dreamers (2003)
ภาพยนตร์ร้อนแรงผลงานของผู้กำกับมากฝีมือชาวอิตาลี แบร์นาโด แบร์โตลุชชี่ ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยายดังของกิลเบิร์ต อาแดร์ เรื่อง The Holy Innocents โดยจับเอาเหตุการณ์จลาจลกลางปารีสในปี ค.ศ. 1968 มาเป็นฉากหลัง
นี่ยังเป็นภาพยนตร์เรื่องของของนักแสดงสาว อีวา กรีน ในวัย 23 ปี ก่อนหน้านี้เธอเคยไปแคสติ้งภาพยนตร์เรื่อง CQ ของโรมัน คอปโปลา แต่ไม่ผ่าน เพราะพวกเขาบอกว่าเธอดูเศร้าเกินไป จนต่อมาแบร์นาโดก็มาเห็นเทปแคสติ้งแล้วเรียกเธอเข้าไปคุย พร้อมกับให้เธอลองอิมโพรไวส์การแสดงเป็นพี่น้องกับหลุยส์ การ์เรล ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่รู้จักกันมาก่อน อีวาคิดว่าเขาอยากเห็นว่าเธอสามารถสวมบทเป็นตัวละครนั้นๆ ได้มากน้อยแค่ไหน
แมทธิว หนุ่มอเมริกันที่เดินทางมาเรียนต่อในปารีส เขามีความหลงใหลเป็นทุนเดิมให้กับภาพยนตร์และประเทศฝรั่งเศส ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ของเขาจึงหมดไปกับการขลุกอยู่ในซีเนมาเธค (โรงภาพยนตร์) ที่เงียบสงบ ผิดกับบรรยากาศภายนอกที่ความวุ่นวายกำลังค่อยๆ ปะทุตัวขึ้น
แต่แล้วซีเนมาเธคก็ถูกสั่งปิด บรรดาผู้คนทั้งหลายจึงออกมาประท้วงด้วยความไม่พอใจ นี่เองเป็นเหตุให้แมทธิวได้พบกับสองพี่น้อง ธีโอและอิซาเบลล์ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาสลายการชุมนุม นั่นก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเรื่องราวของทั้งสามคนเท่านั้น ภาพยนตร์ได้ดึงดูดให้พวกเขาเข้ามาใกล้กันและกัน บทสนทนาดำเนินไปในบ้านที่ปราศจากคนอื่นไกล แล้วมันก็เลยเถิดไปจนถึงการร่วมรักกันในที่สุด หนุ่มสาวทั้งสามหล่นลงไปสู่ประสบการณ์ทางเพศ การเติบโต และความสัมพันธ์ที่เหมือนจะงอกงามไปสู่จุดจบที่อาจไม่งามนัก สิ่งที่จะปลุกพวกเขาให้ตื่นจากภวังค์อาจเป็นเสียงปืนสักนัดหนึ่งจากโลกที่กำลังวุ่นวายอยู่ภายนอก
Sleeping Beauty (2011)
Sleeping Beauty เป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของจูเลีย ลีห์ โดยเนื้อหาได้รับอิทธิพลมาจากนวนิยายสองเรื่อง ได้แก่ The House of the Sleeping Beauties และ Memories of My Melancholy Whores อันเป็นผลงานชื่อดังของยาสึนาริ คาวาบาตะ และกาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ตามลำดับ
นักแสดงสาวคนแรกที่ถูกวางไว้ในบทนำคือ มีอา วาชิคอฟสก้า แต่เธอก็ถอนตัวออกไป เพราะติดถ่ายทำเรื่อง Jane Eyre (2011) ดังนั้น บทนี้จึงตกมาเป็นของเอมิลี่ บราวนิ่ง ซึ่งเธอจะต้องเปลือยกายเพื่อโชว์เรือนร่างในหลายๆ ฉาก นี่จึงเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมเธอถึงห้ามไม่ให้พ่อของเธอดูภาพยนตร์เรื่องนี้
ลูซี่ เป็นเด็กสาวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ต้องทำงานหลากหลาย เพราะมีภาระค่าใช้จ่ายมากมายที่แบกรับอยู่ เธอเป็นทั้งพนักงานถ่ายเอกสาร เด็กเสิร์ฟ และหนูทดลองในบางครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นชีวิตเธอก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย จนวันหนึ่งเธอก็มีงานที่สามารถทำเงินได้ภายในระยะเวลาอันสั้นเข้ามา แรกเริ่มเธอเป็นสาวเสิร์ฟในงานเลี้ยง ซึ่งความพิเศษของงานนี้คือเธอจะต้องสวมเพียงชุดชั้นในเท่านั้น
ลูซี่มีเรือนร่างอันผุดผาดและขาวผ่อง มาดามคลาร่า ผู้ว่าจ้างจึงเสนองานอีกชิ้นให้เธอ และมันก็เป็นงานที่ทำเงินได้มากขึ้นไปอีก หน้าที่ของเธอคือการนอนหลับด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่า แต่การนอนหลับนี้จะเป็นหลับลึกชนิดที่เธอจะไม่มีวันรู้สึกตัว บรรดาลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรกับร่างกายของลูซี่ก็ได้ ยกเว้นการสอดใส่ แม้ว่ามันจะดูมีลับลมคมในเพียงใด เธอก็ตกปากรับคำงานนี้ แล้วมันก็ยิ่งทำให้ความสงสัยในตัวเธอทวีขึ้นไปเรื่อยๆ ในทุกครั้งที่ตื่นมา ระหว่างที่หลับใหลราวเจ้าหญิงนิทรานั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ใครได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้และอย่างไร ความกระหายใคร่รู้นี้จะฉุดเธอขึ้นมาจากห้วงแห่งการหลับใหลไปตลอดกาล
Young & Beautiful (2013)
ในรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2013 ภาพยนตร์ได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ ฟรองซัวส์ โอซง ผู้กำกับชาวฝรั่งเศสก็เป็นที่รู้จักอยู่เนืองๆ จากภาพยนตร์หลายเรื่องที่สะท้อนความสัมพันธ์ออกมาหลากรูปแบบ มาถึงคราวนี้เขาเลือกที่จะหยิบจับเด็กสาวขายบริการมาเป็นตัวดำเนินเรื่องและขับเคลื่อนภาพยนตร์ ส่วนผู้ที่มารับบทนี้ก็คือมารีน แวคธ์
ภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยวันหนึ่งในฤดูร้อน ครอบครัวของอิซาเบลอยู่ที่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสและใช้วันหยุดร่วมกันที่นั่น ในสถานที่แห่งนี้เองที่ทำให้อิซาเบลได้พบกับหนุ่มเยอรมัน แล้วหลังจากที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เธอก็ตัดสินใจที่จะมอบความบริสุทธิ์ให้กับเขา ซึ่งมันทำให้เธอพบกับความผิดหวัง เวลาล่วงเลยมาจนถึงฤดูใบไม้ร่วง เราจะพบว่าอิซาเบลไม่ใช่เด็กสาววัย 17 ปีคนเดิมอีกต่อไป เธอปลอมตัวเป็นหญิงสาววัยทำงานชื่อ ลีอา และรับงานขายบริการในโรงแรมหรู ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ถูกปิดบังจากครอบครัว
ในบรรดาลูกค้าของอิซาเบล มีชายคนหนึ่งอายุมากถึง 63 ปี และการได้ร่วมรักกับเขาครั้งนี้จะทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด เพราะเขาดันหัวใจวายตายขณะร่วมรัก เธอพยายามที่จะช่วยเหลือเขา แต่ก็ไม่เป็นผล ซึ่งเมื่อมีการตายเกิดขึ้น เรื่องก็ไปถึงตำรวจ การกระทำของอิซาเบลจึงถูกเปิดเผยต่อคนในครอบครัว ฤดูหนาวกำลังกร้ำกรายและโบยตีชีวิตเธอ ไม่รู้เลยว่าฤดูถัดไปของเธอจะปรากฎออกมาในแบบไหน มันจะถูกทำลายย่อยยับหรือได้รับการเยียวยา ผลที่ตามมาคือสิ่งที่เธอต้องรับไว้เอง
Tags: Movie, film, ภาพยนตร์